พ่ออายุ 48 บังคับน้องอ่านหนังสือ ยึดมิอถือ ซึ่งผมรู้เลยว่าต่อไปเป็นยังไง ไม่ต่างจากผมหรอก ถ้าใจไม่รักการอ่านจริงๆ

น้องผมอยู่ ป.6 ชอบการเตะบอล ไปซ้อมทุกๆวัน
แต่ผมยังมีความเข้าใจพ่ออยู่นะ การเรียนค่อนข้างจำเป็นต่อการใช้ชีวิต ในพื้นฐานสังคมนะ, แต่ผมก็ยังคิดว่า การใช้ชีวิตมีหลายวิธี มือถือก็สำคัญมาก​ น้องผมไม่ได้เล่นเกมส์ครับ นอนห้องเดียวกัน รู้อยู่​แล้ว การได้รู้มากกว่าการนั่งหรือนอนดูทีวี เสียอีก, และการทำเงินก็มาจากการเรียนรู้จากสื่อออนไลน์เยอะและมากมาย, หลายๆคนอ่านมาคงอยากรู้ว่าแบบผมเป็นยังไง ที่เคยบังคับนั่งอ่านหนังสือตั้งแต่ตอนป.5 แต่ผมไม่มีมือถือ เพราะสมัยนั้นพ่อแม่ยังหนุ่มสาว การเงินยังไม่มีฐานะที่ดี, ผมจบแค่ ปวช.ครับ ผมออกไปทำงานที่กรุงเทพฯ​ 4 ปี สาเหตุที่ออกจากบ้านคือ รับความกดดันไม่ไหวครับ สรุปสั้นๆ ได้ว่า ขาดความอบอุ่น ☹️ (ไม่มีความสุขในครอบครัว ไม่มีรอยยิ้มให้กัน)
ผมตัดสินใจกลับมาเรียนมหาวิทยาลัย​ เพราะคุณ​แม่ติดต่อมาครับ ไม่รู้ว่าผมตัดสินใจถูกหรือเปล่า กลับมาก็เหมือนเดิมเลยครับ ไม่มีความสุข ฮ่าๆ งานที่ทำก่อนหน้า ก็แค่พออยู่ได้ครับ เงินเดือนไม่ถึงกับสบาย ช่วงนั้นผมคิดแค่ว่า ส่งตัวเองเรียนภาษาอิงลิช ให้เก่งๆ แล้วไปหาทุนเรียนต่างประเทศ​ดีกว่า เป็นต้น, แต่ผมตัดสินใจกลับมาเรียนป.ตรี ซะก่อน แต่ผมยังไม่ล้มเลิกครับ, ถ้ากลับมาพูดถึงน้อง ผมคิดว่าถึงพ่อดุหรือบังคับแค่ไหน น้องคงยังรักอยู่ ไม่น่าจะออกจากบ้านไปแบบผม เขาเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เกิด แต่เขาไม่ได้เลี้ยงผมตั้งแต่เกิด, ส่วนผม ถ้าเรียนจบคงไม่อยู่บ้านแล้วครับ ฮ่าๆ ผมค่อนข้างจะเลือกสิ่งที่ตัวเองคิด ดีที่สุด,
ผมอยากฝากถึงคนที่เป็นคุณ​พ่อ คุณ​แม่ ดุด่าลูก หรือบังคับลูก ในเรื่องที่ควรจริงๆ นึกถึงอนาคตของลูกครับ พยายามบังคับในสิ่งที่สมควร เพราะถ้า​บังคับลูกผิดแล้ว จะเป็นแบบผม แต่อย่างไรก็ตามควรคิดและวิจารณญาณ​ เพราะทุกๆคนต่างกันครับผม
มีเรื่องระบายหรือเล่าเพียงเท่านี้ครับ มีอะไรก็คอมเมนท์​กันมาได้ครับ คอมเมนท์​ไหนะีตะรับฟัง DANK JE WEL 🙏🙂
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่