น้องผมอยู่ ป.6 ชอบการเตะบอล ไปซ้อมทุกๆวัน
แต่ผมยังมีความเข้าใจพ่ออยู่นะ การเรียนค่อนข้างจำเป็นต่อการใช้ชีวิต ในพื้นฐานสังคมนะ, แต่ผมก็ยังคิดว่า การใช้ชีวิตมีหลายวิธี มือถือก็สำคัญมาก น้องผมไม่ได้เล่นเกมส์ครับ นอนห้องเดียวกัน รู้อยู่แล้ว การได้รู้มากกว่าการนั่งหรือนอนดูทีวี เสียอีก, และการทำเงินก็มาจากการเรียนรู้จากสื่อออนไลน์เยอะและมากมาย, หลายๆคนอ่านมาคงอยากรู้ว่าแบบผมเป็นยังไง ที่เคยบังคับนั่งอ่านหนังสือตั้งแต่ตอนป.5 แต่ผมไม่มีมือถือ เพราะสมัยนั้นพ่อแม่ยังหนุ่มสาว การเงินยังไม่มีฐานะที่ดี, ผมจบแค่ ปวช.ครับ ผมออกไปทำงานที่กรุงเทพฯ 4 ปี สาเหตุที่ออกจากบ้านคือ รับความกดดันไม่ไหวครับ สรุปสั้นๆ ได้ว่า ขาดความอบอุ่น ☹️ (ไม่มีความสุขในครอบครัว ไม่มีรอยยิ้มให้กัน)
ผมตัดสินใจกลับมาเรียนมหาวิทยาลัย เพราะคุณแม่ติดต่อมาครับ ไม่รู้ว่าผมตัดสินใจถูกหรือเปล่า กลับมาก็เหมือนเดิมเลยครับ ไม่มีความสุข ฮ่าๆ งานที่ทำก่อนหน้า ก็แค่พออยู่ได้ครับ เงินเดือนไม่ถึงกับสบาย ช่วงนั้นผมคิดแค่ว่า ส่งตัวเองเรียนภาษาอิงลิช ให้เก่งๆ แล้วไปหาทุนเรียนต่างประเทศดีกว่า เป็นต้น, แต่ผมตัดสินใจกลับมาเรียนป.ตรี ซะก่อน แต่ผมยังไม่ล้มเลิกครับ, ถ้ากลับมาพูดถึงน้อง ผมคิดว่าถึงพ่อดุหรือบังคับแค่ไหน น้องคงยังรักอยู่ ไม่น่าจะออกจากบ้านไปแบบผม เขาเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เกิด แต่เขาไม่ได้เลี้ยงผมตั้งแต่เกิด, ส่วนผม ถ้าเรียนจบคงไม่อยู่บ้านแล้วครับ ฮ่าๆ ผมค่อนข้างจะเลือกสิ่งที่ตัวเองคิด ดีที่สุด,
ผมอยากฝากถึงคนที่เป็นคุณพ่อ คุณแม่ ดุด่าลูก หรือบังคับลูก ในเรื่องที่ควรจริงๆ นึกถึงอนาคตของลูกครับ พยายามบังคับในสิ่งที่สมควร เพราะถ้าบังคับลูกผิดแล้ว จะเป็นแบบผม แต่อย่างไรก็ตามควรคิดและวิจารณญาณ เพราะทุกๆคนต่างกันครับผม
มีเรื่องระบายหรือเล่าเพียงเท่านี้ครับ มีอะไรก็คอมเมนท์กันมาได้ครับ คอมเมนท์ไหนะีตะรับฟัง DANK JE WEL 🙏🙂
พ่ออายุ 48 บังคับน้องอ่านหนังสือ ยึดมิอถือ ซึ่งผมรู้เลยว่าต่อไปเป็นยังไง ไม่ต่างจากผมหรอก ถ้าใจไม่รักการอ่านจริงๆ
แต่ผมยังมีความเข้าใจพ่ออยู่นะ การเรียนค่อนข้างจำเป็นต่อการใช้ชีวิต ในพื้นฐานสังคมนะ, แต่ผมก็ยังคิดว่า การใช้ชีวิตมีหลายวิธี มือถือก็สำคัญมาก น้องผมไม่ได้เล่นเกมส์ครับ นอนห้องเดียวกัน รู้อยู่แล้ว การได้รู้มากกว่าการนั่งหรือนอนดูทีวี เสียอีก, และการทำเงินก็มาจากการเรียนรู้จากสื่อออนไลน์เยอะและมากมาย, หลายๆคนอ่านมาคงอยากรู้ว่าแบบผมเป็นยังไง ที่เคยบังคับนั่งอ่านหนังสือตั้งแต่ตอนป.5 แต่ผมไม่มีมือถือ เพราะสมัยนั้นพ่อแม่ยังหนุ่มสาว การเงินยังไม่มีฐานะที่ดี, ผมจบแค่ ปวช.ครับ ผมออกไปทำงานที่กรุงเทพฯ 4 ปี สาเหตุที่ออกจากบ้านคือ รับความกดดันไม่ไหวครับ สรุปสั้นๆ ได้ว่า ขาดความอบอุ่น ☹️ (ไม่มีความสุขในครอบครัว ไม่มีรอยยิ้มให้กัน)
ผมตัดสินใจกลับมาเรียนมหาวิทยาลัย เพราะคุณแม่ติดต่อมาครับ ไม่รู้ว่าผมตัดสินใจถูกหรือเปล่า กลับมาก็เหมือนเดิมเลยครับ ไม่มีความสุข ฮ่าๆ งานที่ทำก่อนหน้า ก็แค่พออยู่ได้ครับ เงินเดือนไม่ถึงกับสบาย ช่วงนั้นผมคิดแค่ว่า ส่งตัวเองเรียนภาษาอิงลิช ให้เก่งๆ แล้วไปหาทุนเรียนต่างประเทศดีกว่า เป็นต้น, แต่ผมตัดสินใจกลับมาเรียนป.ตรี ซะก่อน แต่ผมยังไม่ล้มเลิกครับ, ถ้ากลับมาพูดถึงน้อง ผมคิดว่าถึงพ่อดุหรือบังคับแค่ไหน น้องคงยังรักอยู่ ไม่น่าจะออกจากบ้านไปแบบผม เขาเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เกิด แต่เขาไม่ได้เลี้ยงผมตั้งแต่เกิด, ส่วนผม ถ้าเรียนจบคงไม่อยู่บ้านแล้วครับ ฮ่าๆ ผมค่อนข้างจะเลือกสิ่งที่ตัวเองคิด ดีที่สุด,
ผมอยากฝากถึงคนที่เป็นคุณพ่อ คุณแม่ ดุด่าลูก หรือบังคับลูก ในเรื่องที่ควรจริงๆ นึกถึงอนาคตของลูกครับ พยายามบังคับในสิ่งที่สมควร เพราะถ้าบังคับลูกผิดแล้ว จะเป็นแบบผม แต่อย่างไรก็ตามควรคิดและวิจารณญาณ เพราะทุกๆคนต่างกันครับผม
มีเรื่องระบายหรือเล่าเพียงเท่านี้ครับ มีอะไรก็คอมเมนท์กันมาได้ครับ คอมเมนท์ไหนะีตะรับฟัง DANK JE WEL 🙏🙂