รีวิวเทคนิคการสอบ toeic ให้ได้ 925 คะแนน ตั้งแต่ครั้งแรก!

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่า ได้ฤกษ์รีวิว เนื่องจากแอบบนในใจไว้ว่าถ้าได้มากกว่า 800 จะมาเขียนรีวิวให้คนอื่นได้ทราบกัน
ซึ่งก็ได้เกินคาดค่า เย้เย้เย้
 

         ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าระยะเวลาในการเตรียมตัวอาจจะแตกต่างกันไปตามพื้นฐานภาษาอังกฤษของแต่ละคน
         อย่างเราค่อนข้างมีพื้นฐานเป็นทุนเดิม เลยไม่ได้เตรียมตัวมาก ใช้เวลาแค่ 1 อาทิตย์ วันละประมาณ 2 ชั่วโมง

            แต่ แต่ แต่

           ไม่ได้หมายความว่าคนที่พื้นฐานไม่ค่อยดีจะหมดหวังนะ ถ้าจับเทคนิคได้ + ขยันฝึกฝน คิดว่าทำได้แน่นอนจ้า

         ก่อนอื่นเลยอันดับแรกก็ต้องรู้ว่า toeic นี่มันสอบยังไง สอบอะไรบ้าง จะสรุปสั้นๆว่าจะมี 2 part คือ listening100 ข้อ กับ reading 100 ข้อ
คะแนนเต็มพาร์ทละ 495 รวมเป็น 990 คะแนน ซึ่ง listening ก็จะแบ่งอีกเป็น 4 พาร์ทย่อย ส่วน readingก็ไม่ได้มีแค่อ่านแล้วตอบคำถามตามเนื้อเรื่องอย่างเดียวนะ จะมีส่วนเติมคำที่วัด grammar และ vocabulary ด้วย รายละเอียดจะกล่าวในตรงเทคนิคแต่ละพาร์ทอีกทีน้า

1. ในขั้นแรกที่เราทำก็คือ 
     
         ไปหาหนังสือ toeic มาสักเล่ม ซึ่งทางเราเลือกเล่ม toeic complete guide book ฉบับข้อสอบใหม่ 500 ข้อ ของผู้แต่ง เพ็ญใจ สินเสมอสุข

          โดยในเล่มก็จะมีอธิบายสรุปว่าแต่ละพาร์ทเป็นยังไง มีข้อสอบย่อยๆของแต่ละพาร์ทให้เราทำก่อน เราก็อ่านทำความเข้าใจแล้วก็ทำข้อสอบแต่ละพาร์ทไปก่อน ยังไม่ต้องจับเวลาอะไร ดูก่อนว่าเข้าใจแนวการทำข้อสอบไหม   ซึ่งเราว่าเล่มนี้ที่ชอบคือส่วนของ grammar ก็จะอธิบายแต่ละเรื่องไป ถ้าค่อนข้างมีพื้นฐาน grammar อยู่แล้วก็อ่านแค่ผ่านๆพอ แต่ใครที่ไม่แม่น grammar ก็อ่านละเอียดๆไปเลยได้
         
          พอทำแบบฝึกทุกพาร์ทเสร็จ ท้ายเล่มก็จะมีข้อสอบรวมทั้ง listening และ reading 1 ชุดด้วยกัน คราวนี้ก็ทำแบบจับเวลาไปเลย ซึ่งคะแนนตรงนี้ออกมาได้เท่าไหร่ก็ตามแต่ ไม่ต้องตกใจ เพราะเราจะไม่หยุดแค่แบบทดสอบอันนี้แน่นอน 5555 ซึ่งสิ่งที่เราจะต้องทำในขั้นตอนนี้ก็คือ ดูไล่ทีละข้อที่ผิดเลยว่าผิดเรื่องไหน ทำไมถึงผิด เรื่องไหนผิดเยอะ ยังไม่เข้าใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ นั่นคือจุดอ่อนของเรา ก็ควรไปทวนเรื่องที่เป็นจุดอ่อนจนเข้าใจ

         2. ต่อมาจะเข้าสู่ขั้นตอนตะลุยโจทย์ ก่อนอื่นเราหาในกูเกิ้ล พบว่าแบบทดสอบของ oxford คือแบบทดสอบที่มีแต่คนบอกว่าใกล้เคียงข้อสอบจริงที่สุด ทางเราจึงทำการดาวน์โหลดมาทำซะ ของ oxford จะมี 2 ชุด ก็ทำไป เราโหลดมาจากเว็บนี้ http://freetoeicexam.blogspot.com/2017/02/toeic-download-1.html            ซึ่งมีด้วยกันหลายเล่มให้โหลดเลย แต่ทางเราขี้เกียจ เลยทำแค่ของ oxford ใครขยันอยากฝึกอีกก็โหลดเล่มอื่นมาทำให้หมดเลยก็ได้น้า

              อันนี้สำคัญ หัวใจของการฝึกฝนทำข้อสอบ คือ

             ** ทุกครั้งที่เฉลย ดูเสมอว่าข้อไหนผิด ทำไมถึงผิด เรียนรู้ไป อย่าเครียด คิดซะว่าผิดเป็นครู ครั้งหน้าเราจะไม่ผิดซ้ำอีก**

             ***ข้อที่ไม่มั่นใจ แต่เดาถูก ก็ต้องรู้ด้วยว่าทำไมถึงตอบตามที่เราเดา ดังนั้นทุกครั้งที่ข้อไหนไม่แน่ใจ เราจะวงเอาไว้ พอตอนเฉลยก็จะดูข้อพวกนี้ด้วย เพราะการเดาถูก = แค่ดวงดี แต่เราไม่ได้ทำได้จริงๆ ก็ต้องเรียนรู้ข้อพวกนี้ด้วยน้า***

         3.ต่อมาเราจะตะลุยโจทย์อย่างต่อเนื่อง แต่จะตะลุยโจทย์จากข้อสอบในยูทูป เนื่องจากข้อสอบในยูทูปค่อนข้างอัพเดทใหม่ และอัพเดทเยอะมากๆอย่างต่อเนื่อง channel ที่เราแนะนำ ในพาร์ท listening จะแนะนำ Nguyen Minh Hoang ที่สุด เนื่องจากคลิปส่วนใหญ่มี transcript ให้ด้วยว่าในเทปพูดอะไรบ้าง แล้วก็มีเฉลยให้ แต่จะมีแค่พาร์ท listening ไม่มี reading ส่วนพาร์ท listening+reading จะแนะนำ Thanh Nguyen กับ happy life English คือมีทั้งสองพาร์ทเสมือนข้อสอบจริงเลย มีเฉลยให้ แต่ข้อเสียคือพาร์ท listening ไม่มี transcript ให้ อย่างไรก็ตามสำเนียงของพาร์ท listening
ของ 3 channel นี้ค่อนข้างเหมือนสำเนียงจริงในข้อสอบเลยนะ  

                ในส่วนของการตะลุยโจทย์ก็คือแล้วแต่คนเลยว่าจะทำทั้งหมดกี่ชุด ถ้าทำจนรู้สึกว่าพร้อมแล้วก็ไปสอบ อย่างเราขั้นตอนนี้ใช้เวลาทำวันละชุด ทั้งหมดประมาณ 5 วัน รวมเป็นทำไปประมาณ 5 ชุดได้ (ไม่รวม oxford 2 ชุดนั้นนะ) พอทำได้คะแนนเกินเป้าหมายเกิน 3 ชุด เราก็รู้สึกว่าพร้อมแล้ว ไปสอบได้! ใครที่ใช้เวลาตรงนี้นานก็ไม่ต้องท้อนะ ใจเย็นๆ ขยันทำไปเรื่อยๆ
  
                ต่อไปก็จะเป็นเทคนิคของแต่ละพาร์ท

       1. listening
          จะแบ่งย่อยเป็น 4 พาร์ท

            พาร์ทแรกให้ดูรูปแล้วตอบว่าช้อยส์ไหนตรงกับสถานการณ์ในรูป 10 ข้อ โดยช้อยส์จะไม่พิมในกระดาษข้อสอบนะ ต้องฟังเอาล้วนๆ
            พาร์ทสองเป็น conversation เทปจะพูดประโยคขึ้นมาประโยคนึง แล้วให้ตอบช้อยส์ที่ตรงกับคำตอบที่ควรตอบประโยคนั้น โดยเหมือนพาร์ทแรกคือช้อยส์จะไม่พิมในกระดาษข้อสอบ ดังนั้นพาร์ทนี้สำคัญมาก สติต้องมา เพราะเท่ากับเราต้องฟังจากเทปทั้งหมด ทั้งคำถามและช้อยส์ แล้วฟังติดต่อกันถึง 30 ข้อด้วยกัน (ล้ากับพาร์ทนี้ที่สุดแล้ว ชอบสติหลุดมากๆเพราะฟังจนล้า) ตัวอย่างข้อสอบเช่น Where is the meeting room? A. On the second floor   B. 2 o’clock   C. In my computer  ก็ต้องตอบข้อ A
           ส่วนพาร์ท 3 จะเป็น conversation ระหว่างคนสองคน มาเป็นเนื้อเรื่องสั้นๆ แล้วก็จะมีคำถาม 3 ข้อต่อ 1 เนื้อเรื่อง ตรงนี้ก่อนฟังต้องรีบอ่านคำถามให้ครบก่อน จะได้รู้ว่าควรโฟกัสที่ประโยคไหนในการฟัง แต่ถ้าอ่านไม่ทันก็ไว้ก่อน ตอนเทปพูดเราแนะนำให้ตั้งสติฟัง อย่าไปอ่านอะไรทั้งนั้น ไม่งั้นจะหลุดได้
           ส่วนพาร์ท 4 จะคล้ายพาร์ท 3 ต่างกันที่เป็นคนพูดคนเดียว เหมือนพูดบรรยายเรื่องอะไรสักอย่างให้ฟัง เช่น ข้อความจากโทรศัพท์ ประกาศในห้างสรรพสินค้า ประกาศจากวิทยุ ซึ่งเทคนิคก็เหมือนกับพาร์ท 3 คืออ่านคำถามก่อนฟังนะ

            สำหรับเทคนิคของพาร์ท listening โดยส่วนตัวก็ฟังแค่จากตัวอย่างข้อสอบในยูทูปนั่นแหละ พอทำไปเรื่อยๆมันจะชินกับสำเนียงเอง เพราะจริงๆสำเนียงใน toeic ค่อนข้างฟังง่าย ไม่พูดเร็ว  แต่ใครที่มีปัญหาจริงๆ ฟังเท่าไหร่ก็ฟังไม่ออก แนะนำลองฟังพวกข่าวจาก voa (มี application ที่มี transcript ให้ด้วย) หรือพยายามดูหนังภาษาอังกฤษแบบ engsub ก็ได้ สกิล listening เป็นอะไรที่ต้องสะสมจริงๆ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าฟังออกแล้ว พาร์ทนี้เป็นอะไรที่ควรค่าแก่การเก็บคะแนนมากกว่า reading อีกน้า

        2. reading

              พาร์ทนี้คือที่สุดของความหัวปั่นสำหรับเรา เพราะมีทั้งหมด 100 ข้อ มีเวลาทำเพียงแค่ 75 นาทีเท่านั้น! นั่นแปลว่ามีเวลาคิดข้อนึงไม่ถึง 1 นาทีด้วยซ้ำไป ขนาดข้อสอบภาษาไทยยังคิดว่าไม่น่าจะทำทันเลยอ่ะ 5555 ดังนั้นพาร์ทนี้คือเป็นอะไรที่ต้องแม่นระดับนึงแบบเห็นข้อสอบปุ๊บต้องตอบได้เลย
ไม่มีเวลาคิดอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะพาร์ทแกรมม่า+vocab เห็นแล้วต้องตอบได้เลย อันไหนคิดไม่ออก ไม่แน่ใจ ก็ต้องตอบไปก่อนเลย ถ้ามีเวลาค่อยกลับมาคิดซ้ำ (ซึ่งถึงเวลาจริงเราไม่ได้กลับมาคิดซ้ำเลย แง ทำไม่ทัน) เพราะต้องเผื่อเวลาเยอะๆไว้สำหรับพาร์ทที่ต้องอ่านเนื้อเรื่องแล้วตอบคำถาม บางข้อมาแบบ 2-3 จดหมายงี้ ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะพาร์ทแกรมม่า ส่วนใหญ่นางจะออกแต่แนวซ้ำๆกันนั่นแหละ ถ้าแม่นเรื่องที่นางชอบออก ก็จะทำได้
                ข้อสอบก็จะแบ่งเป็นเติมคำในประโยค ประมาณ 40 ข้อ ส่วนเติมคำในเนื้อเรื่อง 12 ข้อ โดย 2 พาร์ทนี้จะวัด grammar กับ vocab  ที่เหลือพาร์ทสุดท้ายจะเป็นอ่านแล้วตอบคำถาม

                 พาร์ทแกรมม่าก็นั่นแหละ แกรมม่าก็คือแกรมม่า ก็คือต้องรู้แกรมม่า และเราจะเสียเวลาเยอะไปกับข้อสอบส่วนนี้ไม่ได้เลย ต้องทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนใหญ่ที่ออกก็จากที่ลองทำแนวข้อสอบก็จะเป็นพวก adverb กับ adjective อันนี้ออกแน่นอน ออกชัวร์ๆ ออกหลายข้อด้วย ต้องแยกให้ออกระหว่าง adverb กับ adjective ดูว่าประโยคนี้ตรงที่ว่างต้องเติมเป็น adverb หรือ adjective หรือ noun เน้นหลักๆก็คือถ้าคำนั้นๆมันขยาย verb ก็ต้องใช้ adverb ถ้ามันขยาย noun ก็ใช้ adjective ละก็ต้องรู้ด้วยว่าคำไหนเป็น adverb หรือคำไหนเป็น adjective ซึ่งก็วัดพื้นฐานแกรมม่าเลย การใช้ภาษาอังกฤษได้แปลว่าเรื่องแบบนี้ต้องแม่นพอควรอยู่แล้ว แล้วก็พวกคำสันธาน คำเชื่อมต่างๆ ออกเยอะพอสมควร ไปทวนมา พวก tense ด้วย ต้องรู้ว่าประโยคนี้ควรใช้ tense ไหน สรุปก็คือแกรมม่าหลักๆต้องแม่น (แต่ไม่ได้ออกยากหรือลึกอะไรนักหรอก)

                ส่วนพาร์ทอ่านบทความแล้วตอบคำถาม ก็จะมีทั้งอ่านประกาศ อ่านจดหมาย ข้อแรกๆก็จะมีประกาศเดียว จดหมายเดียว พอข้อหลังๆจะเริ่มมี 2 จดหมาย ไม่ก็จดหมาย+ประกาศ พาร์ทนี้ใช้เวลาค่อนข้างเยอะ เพราะต้องอ่าน ถ้าเจอข้อที่ถามแบบแค่บางส่วนในเนื้อความก็โชคดีไป หาแค่ส่วนนั้นแล้วตอบก็ได้แล้ว แต่ส่วนใหญ่ชอบถามประมาณว่าข้อใดคือสิ่งที่ในจดหมายนี้กล่าวถึงเกี่ยวกับ..... (เช่น Mr. A, บริษัท X) ก็ต้องใช้เวลาอ่านและหาคำตอบไปอีกก แต่พาร์ทนี้ก็คือคำตอบอยู่ในบทความหมดนั่นแหละ ไม่ยาก แค่ต้องหาให้เจอเท่านั้นแหละ ถ้าทำให้ทันรับรองว่ามีโอกาสได้เต็ม (ซึ่งนี่ไม่เคยทัน หรือไม่ก็ทันแบบเส้นผมบังภูเขา หาอันที่เค้าถามไม่เจอ พอเฉลยแล้วค่อยเห็น เจ็บใจ 555)

      3.สรุปเทคนิคในวันสอบ ตั้งใจและมีสมาธิที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะ listening เพราะพูดแค่ครั้งเดียว หลุดแล้วหลุดเลยไม่มีแก้ตัวนะ พลาดข้อนึงไปก็ดึงสติกลับมาให้ได้ ห้ามหลุดข้อถัดไปต่อ พาร์ท reading ถึงเวลาจริงเราก็ทำไม่ทัน (แต่ทันกาทุกข้อ มั่วแบบกาข้อที่คิดว่าน่าจะใช่คำตอบไปประมาณ 2-3 ข้อ+ไม่มีเวลากลับไปทวนข้อที่ไม่แน่ใจเลย) เหตุผลหลักเลยคือเวลาทำที่บ้าน พอเหลืออีก 5 นาที เรายังทำได้อยู่ แต่พอสอบจริงพอเหลือ 5 นาที เราลนมากๆจนคิดอะไรไม่ออก สุดท้ายเหมือน 5 นาทีไม่มีอยู่จริง 55555 ถ้าแก้ตัวได้จะแก้ตัวพาร์ท reading เนี่ยแหละ

             ยังไงก็ขอให้สู้ๆน้า ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยค่า หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่นๆนะคะ ^^ 

 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่