ต่อจากกระทู้ที่แล้วนะคะ
เริ่มต้นกันเลยจ้า
หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าลงจากปัว จะผ่านถนนลอยฟ้าทั้ง ขาไปและกลับ เราแวะถ่ายรูปทั้ง 2 รอบเลยค่ะ
มีนักท่องเที่ยวที่ขับมาอีกหลายคันที่แวะถ่ายรูปตามๆกัน
หลังจากเที่ยวที่ปัวกันครบถ้วนหมดแล้ว เรากลับเส้นทางเดิม ขับจากตัวเมืองถึงปัว ก็น่าจะประมาณ บ่าย 2 กว่าๆ
เราเช็คเรียบร้อยว่าแต่ละวัดในเมือง ปิดประมาณ 6 โมง
กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ ^^
โดยปักหมุดที่สถานที่แรกคือ ร้านข้าวซอยต้นน้ำ จอดรถในวัดมิ่งเมือง จะจอดรถหน้าร้านเลยก็ได้
แต่ตอนที่เราไปมันเต็ม แถมเราเสียวตำรวจด้วย คนต่างถิ่นก็งี้แหละ
เราไปถึงข้าวซอยไก่ ก็หมดแล้ว แต่ไม่เป็นไร เราและแฟนสั่งข้าวซอยเนื้อแทน
สำหรับเราให้ 8/10 รสชาดยังไม่เข้มข้นและกล่มกล่อมเท่าไหร่
แต่ไม่แน่ คนที่ได้ลองข้าวซอยไก่ จากหลายรีวิว เค้าก็ให้ 10/10 กันนะคะ
ใครไปลองมาแล้ว อย่าลืมมาเล่าให้ฟังบ้างนะ ว่าข้าวซอยไก่ร้านนี้ที่แท้ทรูมันเป็นยังไง
ฝั่งตรงข้ามร้านข้าวซอยต้นน้ำ คือ ร้านเฮือนฮอม
ถ้าใครกำลังจะไปเที่ยวน่าน จะเคยเห็นหลายๆ รีวิวบอกว่าร้านนี้เป็นอีกร้านที่ต้องโดน
มีอาหารพื้นเมืองหลากหลาย แต่เราไม่ได้กินค่ะ
เราอยากลิ้มรสข้าวซอย ใครไปแวะชิมมา ก็เอารูปมาอวดกันได้นะคะ
จากนั้น ก็เดินไปวัดที่เราจอดรถนั่นละค่ะ เดินนิดเดียวจากร้านข้าวซอยต้นน้ำ
นั้นคือวัดมิ่งเมือง หรือศาลหลักเมืองน่าน เป็นวัดที่สวยงามด้วยลวดลายปฏิมากรรมปูนปั้นสีขาวทั้งหลัง
ตอนที่เราแดดร้อนจ้าไปอีก ถอดรองเท้า แล้วเดินให้ไวเลยค่ะ
(ต้องบอกก่อนว่า เราเป็นคนไม่ค่อยอินทร์กับศิลปะพวกวัด
เราแค่เคารพ เข้าไปไหว้ แล้วก็เดินชมนู้นนี้ แล้วก็ออก จึงใช้เวลาอยู่แต่ละวัดไม่นานมากนัก)
ขับรถต่อไปอีกนิด ก็จะเจอวัดศรีพันต้นเป็นวัดที่โดดเด่นด้วยวิหารสีทองอร่าม
วันที่เราไปตรงกับวันที่มีพิธีกรรมภายในโบสถ์พอดี เราเลยได้แต่เดินถ่ายรูปชมความสวยงามอยู่ด้านนอก
การเดินทางในครั้งนี้ เราใช้ GPS เป็นคนนำทาง ตอนที่เราแพลนจะเที่ยว
เราก็อ่านรีวิวใน Facebook Pantip เยอะมาก แล้วก็ลิสต์รายชื่อแต่ละสถานที่ ที่เราอยากไป
แล้วก็มาใช้ GPS คำนวณเอาเองก็จะไปไหนก่อนหลัง
ซึ่งทุกคนสามารถลองหาข้อมูลเพื่อเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมนะคะ
วันนี้เป็นวันของการเที่ยววัดจ้า วัดต่อมาคือ วัดพระธาตุเขาน้อย จะมีองค์พระธาตุองค์ใหญ่มองออกไปเห็นเมืองน่าน
มุมที่ทุกคนถ่ายรูป ด้านหลังพระธาตุ เราก็ถ่ายรูปมาเหมือนกันค่ะ ^^ จะพลาดได้ไง
สถานที่ต่อมา เป็นสถานที่ในลิสต์ที่เราวงไว้ตัวใหญ่ๆว่ายังไงก็ต้องมาให้ได้
วัดพระธาตุแช่แห้ง ที่จะพบรูปปั้นกระต่ายตัวน้อยใหญ่เต็มไปหมด เพราะเป็นพระธาตุสำหรับคนเกิดปีเถาะ
ที่จอดรถเยอะ ก่อนเดินเข้าพระธาตุก็ต้องถอดรองเท้าตามหมายเลข อันนี้น่ารักมากๆ (ไม่มีรูปภาพประกอบนะคะ)
เดินเท้าเปล่าเข้าพระธาตุ แต่ไม่ร้อนเท้าอย่างที่คิด เราซื้อโคมกับแฟน แล้วแขวนไว้ที่นั่น
เพราะเชื่อว่าการปล่อยโคมคือการปล่อยเคราะห์ จากนั้นเราก็แวะสักการะพระด้านใน และเดินเล่นรอบๆพระธาตุค่ะ
ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว เราออกเดินทางกันต่อไปยังพิพิธภัณฑ์เมืองน่าน
ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปกับต้นลีลาวดี ต้องบอกก่อนว่า วันที่เราไปคือวันอาทิตย์ ตอนเย็นเขาจะมีถนนคนเดิน
ประจวบเหมาะกับพิพิธภัณฑ์เมืองน่านกับวัดภูมินทร์อยู่ใกล้กับถนนคนเดิน
ทำให้หาที่จอดรถยากมาก และถนนบางเส้นก็ปิด
จากที่ GPS เคยช่วยชีวิต ตอนนี้กลายเป็นตาม GPS ก็งงกันเลยทีเดียว
เราจึงตัดสินใจไปจอดที่วัดพระธาตุช้างค้ำ ถ้าใครยังพอมีเวลา สามารถแวะไหว้พระที่นี้ได้นะคะ สวยไปอีกแบบ
เราเดินข้ามถนนจากวัดพระธาตุช้างค้ำไปที่พิพิธภัณฑ์เมืองน่าน ถ่ายรูปกับซุ้มลีลาวดีตามรีวิวเรียบร้อย
สรุปยังไงทริปนี้เราก็มาถึงน่านแล้วนะ เพราะเราถ่ายรูปกับซุ้มลีลาวดีเรียบร้อยแล้ว เย้ 😊
จากนั้นเราก็เดินข้ามถนนอีกฝั่งไปเที่ยวที่วัดภูมินทร์ เพราะวัดจะปิด 18.00 น. จากที่บอกไปแล้วข้างบน
ภายในวัดภูมินทร์มีจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นรูปกระซิบรัก ใครไปน่านต้องถ่ายรูปกับภาพนี้
มีคนต่อแถวถ่ายรูปกับภาพจิตรกรรมเยอะมาก เราก็เป็นอีกคนที่ต่อแถวกับเขาค่ะ อิอิ
เมื่อถ่ายรูป และเดินเล่นภายในวัดจนหนำใจ เราก็เตรียมตัวกลับมาที่รถ เพื่อขับไปที่พัก
ระหว่างทางเดินกลับเราก็พบขันโตกวางเรียงราย พร้อมเวทีที่จะใช้แสดงในค่ำคืนนี้
แวะถ่ายรูปสักแฉ๊ะสองแฉ๊ะค่ะ ก่อนที่จะมืด มาตอนมืดต้องไม่ได้รูปสวยแน่ๆเลย
เดินทางไปโรงแรมกันเลยจ้า โรงแรมเวียงภูมินทร์ เป็นที่พักคืนที่ 2 สำหรับทริปนี้ โรงแรมอยู่ใกล้กับถนนคนเดินมากๆ
เดินไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงเลย ตัวโรงแรมทาด้วยสีชมพูสดใส
ภายในดูสะอาดสะอ้านในราคา 800 บาท พร้อมอาหารเช้า 2 ท่าน ถ้าจะกินบรรยากาศที่นี่ถือว่าพลาดนะคะ
คือมันเป็นโรงแรม เราไม่สามารถมองเห็นวิวสวยๆได้ สำหรับเราเตรียมใจไว้แล้ว
เข้าใจรูปแบบตั้งแต่แรก ถึงบรรยากาศจะไม่มี แต่อากาศตามแบบเมืองเหนืออยู่แล้วค่ะ
เราจึงถือว่าคุ้มมากๆนะสำหรับราคาและสิ่งที่เราได้กลับมาค่ะ
เราเอาของเข้าไปเก็บในห้องพัก แอบเอนกายลงเตียงสักหน่อย เวลาประมาณหกโมงกว่าๆ ก็เดินไปถนนคนเดิน
จากการถามพนักงานโรงแรมทำให้ทราบว่าถนนคนเดินจะหมดประมาณ 3 ทุ่ม
แล้วก็เริ่มมีของขายตั้งแต่ 5 โมงกว่าๆกันเลยทีเดียว ช่างเป็นเมืองที่สงบสุขจริงๆค่ะ
บรรยากาศการเดินถนนคนเดินของที่นี้ เป็นถนนสายไม่สั้นมาก ไม่ยาวมาก มีของขายทั้งของกินพื้นเมือง
ของกินชาวเหนือ และเสื้อผ้า เครื่องประดับคนเมือง อาจไม่ค่อยมีรูปสักเท่าไหร่
มีรูปอีกทีก็ตอนซื้อของเสร็จ เราเอาของไปนั่งกินที่ขันโตก (ที่เราแอบถ่ายรูปมาตอนที่ยังไม่มืด)
ซึ่งตรงนั้นจะมีดนตรีพื้นเมืองแสดงอยู่ เรานั่งกินไปเรื่อยๆ ฟังดนตรีพื้นเมืองจนประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ จะบอกว่าดนตรีพื้นเมืองจริงๆค่ะ
มันเข้ากับอากาศ บรรยากาศ ผู้คน อาหาร ทุกอย่างลงตัวกันหมดเลยค่ะ แถมที่นี้เขามีการแยกขยะด้วยค่ะ
ถ้าเราเดินเข้าไปทิ้งขยะแบบงงๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยชี้แนะว่าอะไรควรใส่ถังไหน
ดีมากๆ อันนี้เราชื่นชมสุดๆ พอดึกขึ้นคนเริ่มน้อย การแสดงก็จบหมดแล้ว
เราก็เดินกลับที่พัก หลับสบายไปอีกหนึ่งตื่น
เช้ามาก็พบกับอาหารของโรงแรม ตั้งแต่ 06.00 กินข้าวเช้า ถ่ายรูปเรียบร้อย
Check out กันค่ะ
แล้วก็ขับรถไปคืนที่สถานีขนส่ง จากนั้นก็นั่งรอรถสมบัติทัวร์กันยาวๆเลยจ้า
เที่ยว 09.00 น. ถึงหมอชิต 18.45 น. แต่ในความเป็นจริงถึงเกือบประมาณ 3 ทุ่มค่ะ เรทสุดจริงค่ะ
ก่อนจะจบการรีวิวนี้ เราขอบอกเลยว่า ก่อนจะจองที่พัก เลือกที่เที่ยว
เราอ่านรีวิวเยอะมาก เพื่อหาข้อมูล และ save cost แบบที่ได้เที่ยวเต็มที่ แล้วก็ไม่ต้องเสียเงินเยอะ
ให้ทุกบาทที่เสียไปคุ้มค่าที่สุด เราไม่อยากจองที่พัก แล้วที่พักไม่ดียังโง้นยังงี้
เราเลยพยายามหาข้อมูลเยอะๆ แล้วมันก็ทำให้ทริปของเราเป็นทริปที่ลงตัวจริงๆ
ค่าใช้จ่ายก็ไม่มากเกินไปคนละ 4,350 บาท
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงขนาดนี้
ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
[CR] น่าน นานนานนะ ฉบับละเอียดยิบ (・´з`・) ฉบับ 2
หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าลงจากปัว จะผ่านถนนลอยฟ้าทั้ง ขาไปและกลับ เราแวะถ่ายรูปทั้ง 2 รอบเลยค่ะ
มีนักท่องเที่ยวที่ขับมาอีกหลายคันที่แวะถ่ายรูปตามๆกัน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้