น่าน.....ไง ไปจนได้ **ทิวเขา นาข้าวสีเขียว สายน้ำแและไอหมอก@หน้าฝน** Part 1/2




สวัสดีครับ อมยิ้ม04
นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของผม และการท่องเที่ยวครั้งนี่ก็เป็นการออกเดินทางคนเดียวครั้งแรกเช่นกัน(ฟังดูเหงาๆอยู่เหมือนกันใช่ไหมละครับ)   ซึ่งเป็นการออกเดินทางโดยไม่ได้มีแผนล่วงหน้าอะไร  หลังออกจากงานกะทันหัน  มุดอยู่แต่ในห้องมาสักพัก รู้สึกจิตใจย้ำแย่เต็มทน  ได้ยินเขาว่ากันว่า ”” ถ้าเรารู้สึกแย่.....ก็ให้ลองออกเดินทางดู””   ก็เลยอยากออกไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ  สถานที่ใหม่ๆ ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน  รายล้อมด้วยธรรมชาติ  จึงตัดสินใจจองตั๋วนกเหลือง ทะยานสู่เมืองน่าน  เมืองที่ถูกกล่าวขานว่า ** เนิบ เนิบ**  ลองใช้ชีวิตช้าๆ  Slow life ดู

ระยะเวลาทริปครั้งนี้ 14 ก.ย.-20 ก.ย.


ตื่นขึ้นมาเช้าวันที่จะออกเดินทาง  ด้วยการที่ไม่เคยเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวก็มีแอบเหงาและหวั่นๆนิดๆ  แต่ก็เอาละว่ะ  ชีวิตคนเรามันต้องลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ  แบกกระเป๋าใส่บ่า   สะพายกล้อง ลุยโลด!!   เมื่อไปถึงสนามบินน่าน   ชื่อเต็มๆสนามบินน่านนคร  ก็เดินไปถามประชาสัมพันธ์ว่าถ้าจะเข้าเมืองต่อรถอะไรเข้าได้บ้าง  พี่เขาก็แนะนำมาว่าก็จะมีรถมอไซด์รับจ้างและก็แท็กซี่  จึงเดินไปถามพี่แท็กซี่ พี่เขาคิด 100 บาทราคาเหมา   ส่งถึงโรมแรม  เก็บของพักผ่อนแปป ก็สะพายกล้อง เช่าจักรยานที่โรงแรม 50 บาท  ปั่นชมวัดชมเมือง  ที่พักใกล้วัดภูมินทร์เลยเริ่มจากตรงนี้ก่อน







วัดส่วนใหญ่ในเมืองน่านมักจะมีพระธาตุ แต่วัดภูมินทร์จะไม่มี  แต่ก็สวยงามทีเดียว  จิตรกรรมภาพวาดด้านใน สวยงามดี  และภาพวาด  **กระซิบรักบันลือโลก** ก็อยู่ที่วัดแห่งนี้ครับ



วัดภูมินทร์ตั้งอยู่ตรงสี่แยกพอดี  ซึ่งในแยกนั้นก็จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว    พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน  และก็วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร   

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน


วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร   






ห่างจากสี่แยกวัดภูมินทร์ไม่ไกล  ก็จะมีวัดมิ่งเมือง ศาลหลักเมืองน่าน ก็แวะไปสักกราสักหน่อย ก่อนตะวันตกดิน





หลังจากชมวัดทั้ง 3 ด้านบนเสร็จแล้ว พอดีช่วงที่ไปมีงานแข็งเรือพอดีก็เลยแวะไปเดินเล่นตลาดนัดและนั่งเล่นริมแม่น้ำน่าน  ชมบรรยากาศริมแม่น้ำ
ก็มีคนมาซ้อมพายเรือ และผู้คนมานั่งเล่นคุยกันชิวๆแต่ไม่ได้เก็บภาพส่วนนี้มา  ช่วงหน้าฝนแม่น้ำน่านสีจะแดงๆไม่ใส เลยไม่ได้ถ่ายมาครับ
ค่ำแล้วเริ่มหิว ก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวแถวนั้น แล้วก็กลับไปนอนเอาแรง คืนนี้ราตรีสวัสครับ

อูยลืม !!  ระหว่างทางไปยังริมแม่น้ำจะผ่านวัดกู่คำ วัดนี้ก็มีพระธาตุเช่นกัน

วัดกู่คำ





เช้าวันถัดมา  อาบน้ำ เก็บกระเป๋าเตรียมย้ายไปอำเภอบ่อเกลือ  แต่ก่อนมุ่งหน้าสู่สถานีต่อไปก็กินข้าวเช้าที่โรงแรมก่อน ระหว่างรอพี่มารับช่วงบ่ายก็ปั่นจักรยานแวะไปเก็บตกวัดต่างๆในตัวเมืองน่านอีกรอบ(เมื่อวานเก็บยังไม่หมด)  ในตัวเมืองน่าน

เริ่มจากวัดศรีพันต้น ลักษณะเด่นของวัดนี้คงเป็นที่ วิหารสีทอง ด้านหน้าวิหารมีพญานาค 7 เศียรที่เฝ้าบันไดอยู่ 2 ข้าง





ตรงข้ามวัดศรีพันต้น จะมีร้านขนนมหวานป้านิ่ม ก็แวะไปชิมมา แต่ขอข้ามเรื่องของกินนะครับ อิอิ

จากนั้นปั่นจักรยาน ตากแดดชิวๆ(อันที่จริงก็ไม่ชิวเท่าไหร่ ร้อนอยู่เหมือนกัน )  ไปยังวัดหัวข่วง

วัดหัวข่วง
  



ออกจากวัดนี้ก็ต่อที่วัดสวนตาล ที่วัดสวนตาลมีพระเจ้าทันใจด้วยครับ

วัดสวนตาล



ก่อนออกจากวัด ยืนถ่ายรูปอยู่คนเดียวหลวงพ่อกับคุณลุงคนหนึ่งก็ทักทายมา  ก็ถามมาว่า วัดสวยไหม มาจากไหนหรอ ปั่นจักรยานเที่ยวเลยรึ?
คนน่านก็อัธยาศัยดีนะ  ทักทายคนหน้าแปลก เอ่ยแปลกหน้า  ต่างถิ่นดี รู้สึกอบอุ่นเหมือนไม่ได้มาเที่ยวคนเดียว ทักทายแปปนึง ก็นมัสการลาหลวงพ่อ
ปั่นจักรยานชมเมืองต่อ ปั่นไปเรื่อยๆเจอร้าน  น้ำเงี้ยว  ข้าวซอย ป้าสุณี ก็แวะชิม อิ่มไปมื้อเที่ยง  จากนั้นก็ปั่นกลับโรงแรม  พี่มาถึงพอดี  เก็บเป๋าขึ้นรถมุ่งหน้าสู่บ้านพี่ที่อำเภอบ่อเกลือ  แต่ก่อนไปแวะไปนมัสการพระธาตุแช่แห้ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองน่านไม่ไกล ระยะที่ปั่นจักรยานไปได้

วัดพระธาตุแช่แห้ง






Next Station : อำเภอบ่อเกลือ ก่อนออกจากพระธาตุแช่แห้ง ได้ยินเขาเล่ากันว่าทางไปบ่อเกลือโค้งเยอะ เหอะๆ โค้งหรอ กลัวที่ไหน ระดับนี้แล้ว(ขอกินยาแก้เมาแปป ถุงชูชีพ(ถุงใส่อ๊วก)พร้อมครับ  ฮ่าๆๆ)  ลุยเลย!! ซึ่งระหว่างทางก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศข้างทางที่แสนจะสุดบรรยาย เอาเป็นว่าแคปชั่นไม่ต้อง ไปชมภาพกันเลยดีกว่าครับ **ภาพที่ผมถ่ายฝีมืออาจจะไม่สวย แต่อยากบอกว่าของจริงสวยมากๆ ไม่คิดว่าเมืองไทยจะมีแบบนี้ด้วย









ที่เห็นเขียวๆตรงที่เขาหัวโล้นนั่นคือข้าวโพดครับ  จะว่าสวยก็สวยแต่ก็อาจจะสลดใจนิดนึงที่ต้นไม้หายไปหมด  แต่ก็อย่างว่าถ้าไม่ถางป่าคนแถวนั่นเขาก็ไม่มีที่ทำกิน  จากการสอบถามคนพื้นที่ดูเหมือนว่าเขาอนุญาตให้ถางทำกินได้บางที่ บางที่ก็ห้าม เรื่องนี้ก็ไม่ขอพูดถึงมาก ดูวิวสวยๆต่อครับ

ทางจากน่านไปบ่อเกลือระหว่างทางเป็นทางขึ้นเขาระยะทางยาวมาก โค้งเยอะมาก หักศอกกันเลยทีเดียว  เหวี่ยงซ้ายขวา โอ้ ยังกะเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก  กว่าจะถึงบ้านเวียนหัวแทบอ๊วก  ดีที่ได้แวะถ่ายรูปสูดอากาศระหว่างทางมาเรื่อยๆเลยถึงที่หมายโดยไม่ต้องพึ่งถุงชูชีพ ฮ่าๆ

คืนนี้อาศัยที่ซุกหัวนอนที่บ้านพี่ ประหยัดค่าโรงแรมไปเยอะ แฮะๆ เอาละเวียนหัวมาทั้งวัน  คืนนี้พักผ่อนเต็มที่
อากาศกลางคืนที่บ่อเกลือเย็นสบาย เงียบสงบ ดึกๆมีหมอกลงขาวโพรนเลย พรุ่งนี้เช้าอากาศจะเป็นยังไงนะ? หวังว่าตื่นเช้ามาจะมีอะไรดีๆรออยู่ อมยิ้ม01
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
<<เช้านี้ที่บ่อเกลือ>>
เช้าแรกที่บ่อเกลือ ตื่นขึ้นมาเปิดหน้าต่างไปเจอแบบนี้เลยครับ





อากาศเย็นสบาย สดชื่น ทุ่งนาเขียวๆรายล้อมด้วยภูเขา ที่ปกคลุมด้วยไอหมอกยามเช้า มันคือที่สุดของความฟิน  
คนบ้าถ่ายรูปอย่างผมก็ไม่รอช้า เปืดหน้าต่างมาเจอบรรยากาศแบบนี้  ก็ถือกล้องออกไปถ่ายรูปทันที  หน้าเน่อหรอไม่ต้องเสียเวลาล้างหน้าแปรงฟันแล้ว
แกะขึ้ตาได้ก็ไปโลด.........

พอพี่แกตื่น แกเห็นผมถ่ายรูปอยู่แถวๆหน้าบ้าน แกเลยขับรถออกมาพาขึ้นไปบนเขา สิ่งที่รอผมอยู่บนนั้น ก็คือ........................













รูปด้านบนนี้ต้องเข้าไปข้างในพื้นที่ทำกินของชาวบ้านถึงจะเห็น ข้างถนนหลักจะมีต้นไม้บังจะมองไม่เห็น พี่พาเข้าไปมันก็ติดกับถนนนั่นแหละครับ
บุกป่าเข้าไปนิดนึง  ยุงก็เยอะ แต่พอพ้นซุ้มต้นไม้เข้าไป ผมนี้ WOW !! เลยครับ บนเนินเขาที่ยื่นออกไป สลับซับซ้อนกันมีต้นข้าว(ที่เห็นเขียวๆคือต้นข้าวครับ)ปกคลุม ด้านบนมีไอหมอกลอยอย่างกะปุยนุ่น แสงแดดอ่อนๆสาดส่องลงมา เย็นไอหมอกแต่อุ่นด้วยแสงอรุณยามเช้า มันทำให้ร่างกายสดชื่น(คิโมจิ!!) มากๆครับ กางแขนออกกว้างๆสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแรงๆเต็มปอด................นั่นๆๆ มีคนแอบทำท่าตามผมแน่เลย อมยิ้ม17

ยังไม่หมดแค่นี้ครับ  วิวสวยๆสายหมอกยังมีอีกเยอะ เราไปดูมุมอื่นๆกันบ้าง







เป็นไงกันบ้างครับ  รู้สึกฟินเหมือนกันกับผมไหม แฮะๆๆ
หลังจากอิ่มเอิบกับบรรยากาศบนเขายามเช้าแล้ว ก็กลับมาอาบน้ำกินข้าว เตรียมตัวไปเที่ยวต่อที่อำเภอปัว  เป้าหมายต่อไปคือ ร้านกาแฟไทลื้อ-ร้านลำดวนผ้าทอ   และวัดภูเก็ต ระหว่างทางก็จะมีวิว ทิวเขา ป่าข้าวโพดให้ถ่ายรูปตลอดทาง เนื่องจากว่าก็จะคล้ายๆกันผมเลยไม่ค่อยได้แวะถ่ายรูปมากนัก ก็อาศัยนั่งรถชมเอาเก็บไว้ในความทรงจำ  เพราะหลายๆครั้งที่เวลาไปเที่ยวมักมัวแต่ถ่ายรูปโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบๆตัวว่ามีอะไรน่าสนใจมั้ง  ในสมองไม่มีความทรงจำตรงนั่น  มัวถ่ายแต่รูปบางครั้งยังจำไม่ได้เลยว่ารูปนี้อยู่ตรงไหน ทำไมเราไม่เห็น..................

ถึงที่หมายแรกของวันนี้ ร้านกาแฟไทลื้อ-ร้านลำดวนผ้าทอ ไม่รีรอไรไปเก็บภาพสวยๆกันครับ  ที่นี้ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็ได้ภาพสวยทุกมุม ผมไปวันธรรมดาไม่ค่อยมีคน เยี่ยมมาก และโชคดีที่เขาเอาผ้าทอออกมาตาก ได้ยินมาว่าปกติเขาจะเอาผ้ามาตากเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์  บรรยากาศและวิวที่นี้ น่านั่งทำมิวสิกวิดีโอมาก ๆ







ยังไม่จบ มีต่อ Part 2 ครับ *แก้คำผิด*

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่