สวัสดีครับ
นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของผม และการท่องเที่ยวครั้งนี่ก็เป็นการออกเดินทางคนเดียวครั้งแรกเช่นกัน(ฟังดูเหงาๆอยู่เหมือนกันใช่ไหมละครับ) ซึ่งเป็นการออกเดินทางโดยไม่ได้มีแผนล่วงหน้าอะไร หลังออกจากงานกะทันหัน มุดอยู่แต่ในห้องมาสักพัก รู้สึกจิตใจย้ำแย่เต็มทน ได้ยินเขาว่ากันว่า ”” ถ้าเรารู้สึกแย่.....ก็ให้ลองออกเดินทางดู”” ก็เลยอยากออกไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน รายล้อมด้วยธรรมชาติ จึงตัดสินใจจองตั๋วนกเหลือง ทะยานสู่เมืองน่าน เมืองที่ถูกกล่าวขานว่า ** เนิบ เนิบ** ลองใช้ชีวิตช้าๆ Slow life ดู
ระยะเวลาทริปครั้งนี้ 14 ก.ย.-20 ก.ย.
ตื่นขึ้นมาเช้าวันที่จะออกเดินทาง ด้วยการที่ไม่เคยเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวก็มีแอบเหงาและหวั่นๆนิดๆ แต่ก็เอาละว่ะ ชีวิตคนเรามันต้องลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ แบกกระเป๋าใส่บ่า สะพายกล้อง ลุยโลด!! เมื่อไปถึงสนามบินน่าน ชื่อเต็มๆสนามบินน่านนคร ก็เดินไปถามประชาสัมพันธ์ว่าถ้าจะเข้าเมืองต่อรถอะไรเข้าได้บ้าง พี่เขาก็แนะนำมาว่าก็จะมีรถมอไซด์รับจ้างและก็แท็กซี่ จึงเดินไปถามพี่แท็กซี่ พี่เขาคิด 100 บาทราคาเหมา ส่งถึงโรมแรม เก็บของพักผ่อนแปป ก็สะพายกล้อง เช่าจักรยานที่โรงแรม 50 บาท ปั่นชมวัดชมเมือง ที่พักใกล้วัดภูมินทร์เลยเริ่มจากตรงนี้ก่อน
วัดส่วนใหญ่ในเมืองน่านมักจะมีพระธาตุ แต่วัดภูมินทร์จะไม่มี แต่ก็สวยงามทีเดียว จิตรกรรมภาพวาดด้านใน สวยงามดี และภาพวาด **กระซิบรักบันลือโลก** ก็อยู่ที่วัดแห่งนี้ครับ
วัดภูมินทร์ตั้งอยู่ตรงสี่แยกพอดี ซึ่งในแยกนั้นก็จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน และก็วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
ห่างจากสี่แยกวัดภูมินทร์ไม่ไกล ก็จะมีวัดมิ่งเมือง ศาลหลักเมืองน่าน ก็แวะไปสักกราสักหน่อย ก่อนตะวันตกดิน
หลังจากชมวัดทั้ง 3 ด้านบนเสร็จแล้ว พอดีช่วงที่ไปมีงานแข็งเรือพอดีก็เลยแวะไปเดินเล่นตลาดนัดและนั่งเล่นริมแม่น้ำน่าน ชมบรรยากาศริมแม่น้ำ
ก็มีคนมาซ้อมพายเรือ และผู้คนมานั่งเล่นคุยกันชิวๆแต่ไม่ได้เก็บภาพส่วนนี้มา ช่วงหน้าฝนแม่น้ำน่านสีจะแดงๆไม่ใส เลยไม่ได้ถ่ายมาครับ
ค่ำแล้วเริ่มหิว ก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวแถวนั้น แล้วก็กลับไปนอนเอาแรง คืนนี้ราตรีสวัสครับ
อูยลืม !! ระหว่างทางไปยังริมแม่น้ำจะผ่านวัดกู่คำ วัดนี้ก็มีพระธาตุเช่นกัน
วัดกู่คำ

เช้าวันถัดมา อาบน้ำ เก็บกระเป๋าเตรียมย้ายไปอำเภอบ่อเกลือ แต่ก่อนมุ่งหน้าสู่สถานีต่อไปก็กินข้าวเช้าที่โรงแรมก่อน ระหว่างรอพี่มารับช่วงบ่ายก็ปั่นจักรยานแวะไปเก็บตกวัดต่างๆในตัวเมืองน่านอีกรอบ(เมื่อวานเก็บยังไม่หมด) ในตัวเมืองน่าน
เริ่มจากวัดศรีพันต้น ลักษณะเด่นของวัดนี้คงเป็นที่ วิหารสีทอง ด้านหน้าวิหารมีพญานาค 7 เศียรที่เฝ้าบันไดอยู่ 2 ข้าง
ตรงข้ามวัดศรีพันต้น จะมีร้านขนนมหวานป้านิ่ม ก็แวะไปชิมมา แต่ขอข้ามเรื่องของกินนะครับ อิอิ
จากนั้นปั่นจักรยาน ตากแดดชิวๆ(อันที่จริงก็ไม่ชิวเท่าไหร่ ร้อนอยู่เหมือนกัน ) ไปยังวัดหัวข่วง
วัดหัวข่วง
ออกจากวัดนี้ก็ต่อที่วัดสวนตาล ที่วัดสวนตาลมีพระเจ้าทันใจด้วยครับ
วัดสวนตาล
ก่อนออกจากวัด ยืนถ่ายรูปอยู่คนเดียวหลวงพ่อกับคุณลุงคนหนึ่งก็ทักทายมา ก็ถามมาว่า วัดสวยไหม มาจากไหนหรอ ปั่นจักรยานเที่ยวเลยรึ?
คนน่านก็อัธยาศัยดีนะ ทักทายคนหน้าแปลก เอ่ยแปลกหน้า ต่างถิ่นดี รู้สึกอบอุ่นเหมือนไม่ได้มาเที่ยวคนเดียว ทักทายแปปนึง ก็นมัสการลาหลวงพ่อ
ปั่นจักรยานชมเมืองต่อ ปั่นไปเรื่อยๆเจอร้าน น้ำเงี้ยว ข้าวซอย ป้าสุณี ก็แวะชิม อิ่มไปมื้อเที่ยง จากนั้นก็ปั่นกลับโรงแรม พี่มาถึงพอดี เก็บเป๋าขึ้นรถมุ่งหน้าสู่บ้านพี่ที่อำเภอบ่อเกลือ แต่ก่อนไปแวะไปนมัสการพระธาตุแช่แห้ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองน่านไม่ไกล ระยะที่ปั่นจักรยานไปได้
วัดพระธาตุแช่แห้ง
Next Station : อำเภอบ่อเกลือ ก่อนออกจากพระธาตุแช่แห้ง ได้ยินเขาเล่ากันว่าทางไปบ่อเกลือโค้งเยอะ เหอะๆ โค้งหรอ กลัวที่ไหน ระดับนี้แล้ว(ขอกินยาแก้เมาแปป ถุงชูชีพ(ถุงใส่อ๊วก)พร้อมครับ ฮ่าๆๆ) ลุยเลย!! ซึ่งระหว่างทางก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศข้างทางที่แสนจะสุดบรรยาย เอาเป็นว่าแคปชั่นไม่ต้อง ไปชมภาพกันเลยดีกว่าครับ **ภาพที่ผมถ่ายฝีมืออาจจะไม่สวย แต่อยากบอกว่าของจริงสวยมากๆ ไม่คิดว่าเมืองไทยจะมีแบบนี้ด้วย
ที่เห็นเขียวๆตรงที่เขาหัวโล้นนั่นคือข้าวโพดครับ จะว่าสวยก็สวยแต่ก็อาจจะสลดใจนิดนึงที่ต้นไม้หายไปหมด แต่ก็อย่างว่าถ้าไม่ถางป่าคนแถวนั่นเขาก็ไม่มีที่ทำกิน จากการสอบถามคนพื้นที่ดูเหมือนว่าเขาอนุญาตให้ถางทำกินได้บางที่ บางที่ก็ห้าม เรื่องนี้ก็ไม่ขอพูดถึงมาก ดูวิวสวยๆต่อครับ
ทางจากน่านไปบ่อเกลือระหว่างทางเป็นทางขึ้นเขาระยะทางยาวมาก โค้งเยอะมาก หักศอกกันเลยทีเดียว เหวี่ยงซ้ายขวา โอ้ ยังกะเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก กว่าจะถึงบ้านเวียนหัวแทบอ๊วก ดีที่ได้แวะถ่ายรูปสูดอากาศระหว่างทางมาเรื่อยๆเลยถึงที่หมายโดยไม่ต้องพึ่งถุงชูชีพ ฮ่าๆ
คืนนี้อาศัยที่ซุกหัวนอนที่บ้านพี่ ประหยัดค่าโรงแรมไปเยอะ แฮะๆ เอาละเวียนหัวมาทั้งวัน คืนนี้พักผ่อนเต็มที่
อากาศกลางคืนที่บ่อเกลือเย็นสบาย เงียบสงบ ดึกๆมีหมอกลงขาวโพรนเลย พรุ่งนี้เช้าอากาศจะเป็นยังไงนะ? หวังว่าตื่นเช้ามาจะมีอะไรดีๆรออยู่

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
<<เช้านี้ที่บ่อเกลือ>>
เช้าแรกที่บ่อเกลือ ตื่นขึ้นมาเปิดหน้าต่างไปเจอแบบนี้เลยครับ
อากาศเย็นสบาย สดชื่น ทุ่งนาเขียวๆรายล้อมด้วยภูเขา ที่ปกคลุมด้วยไอหมอกยามเช้า มันคือที่สุดของความฟิน
คนบ้าถ่ายรูปอย่างผมก็ไม่รอช้า เปืดหน้าต่างมาเจอบรรยากาศแบบนี้ ก็ถือกล้องออกไปถ่ายรูปทันที หน้าเน่อหรอไม่ต้องเสียเวลาล้างหน้าแปรงฟันแล้ว
แกะขึ้ตาได้ก็ไปโลด.........
พอพี่แกตื่น แกเห็นผมถ่ายรูปอยู่แถวๆหน้าบ้าน แกเลยขับรถออกมาพาขึ้นไปบนเขา สิ่งที่รอผมอยู่บนนั้น ก็คือ........................
รูปด้านบนนี้ต้องเข้าไปข้างในพื้นที่ทำกินของชาวบ้านถึงจะเห็น ข้างถนนหลักจะมีต้นไม้บังจะมองไม่เห็น พี่พาเข้าไปมันก็ติดกับถนนนั่นแหละครับ
บุกป่าเข้าไปนิดนึง ยุงก็เยอะ แต่พอพ้นซุ้มต้นไม้เข้าไป ผมนี้ WOW !! เลยครับ บนเนินเขาที่ยื่นออกไป สลับซับซ้อนกันมีต้นข้าว(ที่เห็นเขียวๆคือต้นข้าวครับ)ปกคลุม ด้านบนมีไอหมอกลอยอย่างกะปุยนุ่น แสงแดดอ่อนๆสาดส่องลงมา เย็นไอหมอกแต่อุ่นด้วยแสงอรุณยามเช้า มันทำให้ร่างกายสดชื่น(คิโมจิ!!) มากๆครับ กางแขนออกกว้างๆสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแรงๆเต็มปอด................นั่นๆๆ มีคนแอบทำท่าตามผมแน่เลย
ยังไม่หมดแค่นี้ครับ วิวสวยๆสายหมอกยังมีอีกเยอะ เราไปดูมุมอื่นๆกันบ้าง
เป็นไงกันบ้างครับ รู้สึกฟินเหมือนกันกับผมไหม แฮะๆๆ
หลังจากอิ่มเอิบกับบรรยากาศบนเขายามเช้าแล้ว ก็กลับมาอาบน้ำกินข้าว เตรียมตัวไปเที่ยวต่อที่อำเภอปัว เป้าหมายต่อไปคือ ร้านกาแฟไทลื้อ-ร้านลำดวนผ้าทอ และวัดภูเก็ต ระหว่างทางก็จะมีวิว ทิวเขา ป่าข้าวโพดให้ถ่ายรูปตลอดทาง เนื่องจากว่าก็จะคล้ายๆกันผมเลยไม่ค่อยได้แวะถ่ายรูปมากนัก ก็อาศัยนั่งรถชมเอาเก็บไว้ในความทรงจำ เพราะหลายๆครั้งที่เวลาไปเที่ยวมักมัวแต่ถ่ายรูปโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบๆตัวว่ามีอะไรน่าสนใจมั้ง ในสมองไม่มีความทรงจำตรงนั่น มัวถ่ายแต่รูปบางครั้งยังจำไม่ได้เลยว่ารูปนี้อยู่ตรงไหน ทำไมเราไม่เห็น..................
ถึงที่หมายแรกของวันนี้ ร้านกาแฟไทลื้อ-ร้านลำดวนผ้าทอ ไม่รีรอไรไปเก็บภาพสวยๆกันครับ ที่นี้ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็ได้ภาพสวยทุกมุม ผมไปวันธรรมดาไม่ค่อยมีคน เยี่ยมมาก และโชคดีที่เขาเอาผ้าทอออกมาตาก ได้ยินมาว่าปกติเขาจะเอาผ้ามาตากเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ บรรยากาศและวิวที่นี้ น่านั่งทำมิวสิกวิดีโอมาก ๆ

ยังไม่จบ มีต่อ Part 2 ครับ *แก้คำผิด*
น่าน.....ไง ไปจนได้ **ทิวเขา นาข้าวสีเขียว สายน้ำแและไอหมอก@หน้าฝน** Part 1/2
สวัสดีครับ
นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของผม และการท่องเที่ยวครั้งนี่ก็เป็นการออกเดินทางคนเดียวครั้งแรกเช่นกัน(ฟังดูเหงาๆอยู่เหมือนกันใช่ไหมละครับ) ซึ่งเป็นการออกเดินทางโดยไม่ได้มีแผนล่วงหน้าอะไร หลังออกจากงานกะทันหัน มุดอยู่แต่ในห้องมาสักพัก รู้สึกจิตใจย้ำแย่เต็มทน ได้ยินเขาว่ากันว่า ”” ถ้าเรารู้สึกแย่.....ก็ให้ลองออกเดินทางดู”” ก็เลยอยากออกไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน รายล้อมด้วยธรรมชาติ จึงตัดสินใจจองตั๋วนกเหลือง ทะยานสู่เมืองน่าน เมืองที่ถูกกล่าวขานว่า ** เนิบ เนิบ** ลองใช้ชีวิตช้าๆ Slow life ดู
ระยะเวลาทริปครั้งนี้ 14 ก.ย.-20 ก.ย.
ตื่นขึ้นมาเช้าวันที่จะออกเดินทาง ด้วยการที่ไม่เคยเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวก็มีแอบเหงาและหวั่นๆนิดๆ แต่ก็เอาละว่ะ ชีวิตคนเรามันต้องลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ แบกกระเป๋าใส่บ่า สะพายกล้อง ลุยโลด!! เมื่อไปถึงสนามบินน่าน ชื่อเต็มๆสนามบินน่านนคร ก็เดินไปถามประชาสัมพันธ์ว่าถ้าจะเข้าเมืองต่อรถอะไรเข้าได้บ้าง พี่เขาก็แนะนำมาว่าก็จะมีรถมอไซด์รับจ้างและก็แท็กซี่ จึงเดินไปถามพี่แท็กซี่ พี่เขาคิด 100 บาทราคาเหมา ส่งถึงโรมแรม เก็บของพักผ่อนแปป ก็สะพายกล้อง เช่าจักรยานที่โรงแรม 50 บาท ปั่นชมวัดชมเมือง ที่พักใกล้วัดภูมินทร์เลยเริ่มจากตรงนี้ก่อน
วัดส่วนใหญ่ในเมืองน่านมักจะมีพระธาตุ แต่วัดภูมินทร์จะไม่มี แต่ก็สวยงามทีเดียว จิตรกรรมภาพวาดด้านใน สวยงามดี และภาพวาด **กระซิบรักบันลือโลก** ก็อยู่ที่วัดแห่งนี้ครับ
วัดภูมินทร์ตั้งอยู่ตรงสี่แยกพอดี ซึ่งในแยกนั้นก็จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน และก็วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
ห่างจากสี่แยกวัดภูมินทร์ไม่ไกล ก็จะมีวัดมิ่งเมือง ศาลหลักเมืองน่าน ก็แวะไปสักกราสักหน่อย ก่อนตะวันตกดิน
หลังจากชมวัดทั้ง 3 ด้านบนเสร็จแล้ว พอดีช่วงที่ไปมีงานแข็งเรือพอดีก็เลยแวะไปเดินเล่นตลาดนัดและนั่งเล่นริมแม่น้ำน่าน ชมบรรยากาศริมแม่น้ำ
ก็มีคนมาซ้อมพายเรือ และผู้คนมานั่งเล่นคุยกันชิวๆแต่ไม่ได้เก็บภาพส่วนนี้มา ช่วงหน้าฝนแม่น้ำน่านสีจะแดงๆไม่ใส เลยไม่ได้ถ่ายมาครับ
ค่ำแล้วเริ่มหิว ก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวแถวนั้น แล้วก็กลับไปนอนเอาแรง คืนนี้ราตรีสวัสครับ
อูยลืม !! ระหว่างทางไปยังริมแม่น้ำจะผ่านวัดกู่คำ วัดนี้ก็มีพระธาตุเช่นกัน
วัดกู่คำ
เช้าวันถัดมา อาบน้ำ เก็บกระเป๋าเตรียมย้ายไปอำเภอบ่อเกลือ แต่ก่อนมุ่งหน้าสู่สถานีต่อไปก็กินข้าวเช้าที่โรงแรมก่อน ระหว่างรอพี่มารับช่วงบ่ายก็ปั่นจักรยานแวะไปเก็บตกวัดต่างๆในตัวเมืองน่านอีกรอบ(เมื่อวานเก็บยังไม่หมด) ในตัวเมืองน่าน
เริ่มจากวัดศรีพันต้น ลักษณะเด่นของวัดนี้คงเป็นที่ วิหารสีทอง ด้านหน้าวิหารมีพญานาค 7 เศียรที่เฝ้าบันไดอยู่ 2 ข้าง
ตรงข้ามวัดศรีพันต้น จะมีร้านขนนมหวานป้านิ่ม ก็แวะไปชิมมา แต่ขอข้ามเรื่องของกินนะครับ อิอิ
จากนั้นปั่นจักรยาน ตากแดดชิวๆ(อันที่จริงก็ไม่ชิวเท่าไหร่ ร้อนอยู่เหมือนกัน ) ไปยังวัดหัวข่วง
วัดหัวข่วง
ออกจากวัดนี้ก็ต่อที่วัดสวนตาล ที่วัดสวนตาลมีพระเจ้าทันใจด้วยครับ
วัดสวนตาล
ก่อนออกจากวัด ยืนถ่ายรูปอยู่คนเดียวหลวงพ่อกับคุณลุงคนหนึ่งก็ทักทายมา ก็ถามมาว่า วัดสวยไหม มาจากไหนหรอ ปั่นจักรยานเที่ยวเลยรึ?
คนน่านก็อัธยาศัยดีนะ ทักทายคนหน้าแปลก เอ่ยแปลกหน้า ต่างถิ่นดี รู้สึกอบอุ่นเหมือนไม่ได้มาเที่ยวคนเดียว ทักทายแปปนึง ก็นมัสการลาหลวงพ่อ
ปั่นจักรยานชมเมืองต่อ ปั่นไปเรื่อยๆเจอร้าน น้ำเงี้ยว ข้าวซอย ป้าสุณี ก็แวะชิม อิ่มไปมื้อเที่ยง จากนั้นก็ปั่นกลับโรงแรม พี่มาถึงพอดี เก็บเป๋าขึ้นรถมุ่งหน้าสู่บ้านพี่ที่อำเภอบ่อเกลือ แต่ก่อนไปแวะไปนมัสการพระธาตุแช่แห้ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองน่านไม่ไกล ระยะที่ปั่นจักรยานไปได้
วัดพระธาตุแช่แห้ง
Next Station : อำเภอบ่อเกลือ ก่อนออกจากพระธาตุแช่แห้ง ได้ยินเขาเล่ากันว่าทางไปบ่อเกลือโค้งเยอะ เหอะๆ โค้งหรอ กลัวที่ไหน ระดับนี้แล้ว(ขอกินยาแก้เมาแปป ถุงชูชีพ(ถุงใส่อ๊วก)พร้อมครับ ฮ่าๆๆ) ลุยเลย!! ซึ่งระหว่างทางก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศข้างทางที่แสนจะสุดบรรยาย เอาเป็นว่าแคปชั่นไม่ต้อง ไปชมภาพกันเลยดีกว่าครับ **ภาพที่ผมถ่ายฝีมืออาจจะไม่สวย แต่อยากบอกว่าของจริงสวยมากๆ ไม่คิดว่าเมืองไทยจะมีแบบนี้ด้วย
ที่เห็นเขียวๆตรงที่เขาหัวโล้นนั่นคือข้าวโพดครับ จะว่าสวยก็สวยแต่ก็อาจจะสลดใจนิดนึงที่ต้นไม้หายไปหมด แต่ก็อย่างว่าถ้าไม่ถางป่าคนแถวนั่นเขาก็ไม่มีที่ทำกิน จากการสอบถามคนพื้นที่ดูเหมือนว่าเขาอนุญาตให้ถางทำกินได้บางที่ บางที่ก็ห้าม เรื่องนี้ก็ไม่ขอพูดถึงมาก ดูวิวสวยๆต่อครับ
ทางจากน่านไปบ่อเกลือระหว่างทางเป็นทางขึ้นเขาระยะทางยาวมาก โค้งเยอะมาก หักศอกกันเลยทีเดียว เหวี่ยงซ้ายขวา โอ้ ยังกะเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก กว่าจะถึงบ้านเวียนหัวแทบอ๊วก ดีที่ได้แวะถ่ายรูปสูดอากาศระหว่างทางมาเรื่อยๆเลยถึงที่หมายโดยไม่ต้องพึ่งถุงชูชีพ ฮ่าๆ
คืนนี้อาศัยที่ซุกหัวนอนที่บ้านพี่ ประหยัดค่าโรงแรมไปเยอะ แฮะๆ เอาละเวียนหัวมาทั้งวัน คืนนี้พักผ่อนเต็มที่
อากาศกลางคืนที่บ่อเกลือเย็นสบาย เงียบสงบ ดึกๆมีหมอกลงขาวโพรนเลย พรุ่งนี้เช้าอากาศจะเป็นยังไงนะ? หวังว่าตื่นเช้ามาจะมีอะไรดีๆรออยู่
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
<<เช้านี้ที่บ่อเกลือ>>
เช้าแรกที่บ่อเกลือ ตื่นขึ้นมาเปิดหน้าต่างไปเจอแบบนี้เลยครับ
อากาศเย็นสบาย สดชื่น ทุ่งนาเขียวๆรายล้อมด้วยภูเขา ที่ปกคลุมด้วยไอหมอกยามเช้า มันคือที่สุดของความฟิน
คนบ้าถ่ายรูปอย่างผมก็ไม่รอช้า เปืดหน้าต่างมาเจอบรรยากาศแบบนี้ ก็ถือกล้องออกไปถ่ายรูปทันที หน้าเน่อหรอไม่ต้องเสียเวลาล้างหน้าแปรงฟันแล้ว
แกะขึ้ตาได้ก็ไปโลด.........
พอพี่แกตื่น แกเห็นผมถ่ายรูปอยู่แถวๆหน้าบ้าน แกเลยขับรถออกมาพาขึ้นไปบนเขา สิ่งที่รอผมอยู่บนนั้น ก็คือ........................
รูปด้านบนนี้ต้องเข้าไปข้างในพื้นที่ทำกินของชาวบ้านถึงจะเห็น ข้างถนนหลักจะมีต้นไม้บังจะมองไม่เห็น พี่พาเข้าไปมันก็ติดกับถนนนั่นแหละครับ
บุกป่าเข้าไปนิดนึง ยุงก็เยอะ แต่พอพ้นซุ้มต้นไม้เข้าไป ผมนี้ WOW !! เลยครับ บนเนินเขาที่ยื่นออกไป สลับซับซ้อนกันมีต้นข้าว(ที่เห็นเขียวๆคือต้นข้าวครับ)ปกคลุม ด้านบนมีไอหมอกลอยอย่างกะปุยนุ่น แสงแดดอ่อนๆสาดส่องลงมา เย็นไอหมอกแต่อุ่นด้วยแสงอรุณยามเช้า มันทำให้ร่างกายสดชื่น(คิโมจิ!!) มากๆครับ กางแขนออกกว้างๆสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแรงๆเต็มปอด................นั่นๆๆ มีคนแอบทำท่าตามผมแน่เลย
ยังไม่หมดแค่นี้ครับ วิวสวยๆสายหมอกยังมีอีกเยอะ เราไปดูมุมอื่นๆกันบ้าง
เป็นไงกันบ้างครับ รู้สึกฟินเหมือนกันกับผมไหม แฮะๆๆ
หลังจากอิ่มเอิบกับบรรยากาศบนเขายามเช้าแล้ว ก็กลับมาอาบน้ำกินข้าว เตรียมตัวไปเที่ยวต่อที่อำเภอปัว เป้าหมายต่อไปคือ ร้านกาแฟไทลื้อ-ร้านลำดวนผ้าทอ และวัดภูเก็ต ระหว่างทางก็จะมีวิว ทิวเขา ป่าข้าวโพดให้ถ่ายรูปตลอดทาง เนื่องจากว่าก็จะคล้ายๆกันผมเลยไม่ค่อยได้แวะถ่ายรูปมากนัก ก็อาศัยนั่งรถชมเอาเก็บไว้ในความทรงจำ เพราะหลายๆครั้งที่เวลาไปเที่ยวมักมัวแต่ถ่ายรูปโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบๆตัวว่ามีอะไรน่าสนใจมั้ง ในสมองไม่มีความทรงจำตรงนั่น มัวถ่ายแต่รูปบางครั้งยังจำไม่ได้เลยว่ารูปนี้อยู่ตรงไหน ทำไมเราไม่เห็น..................
ถึงที่หมายแรกของวันนี้ ร้านกาแฟไทลื้อ-ร้านลำดวนผ้าทอ ไม่รีรอไรไปเก็บภาพสวยๆกันครับ ที่นี้ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็ได้ภาพสวยทุกมุม ผมไปวันธรรมดาไม่ค่อยมีคน เยี่ยมมาก และโชคดีที่เขาเอาผ้าทอออกมาตาก ได้ยินมาว่าปกติเขาจะเอาผ้ามาตากเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ บรรยากาศและวิวที่นี้ น่านั่งทำมิวสิกวิดีโอมาก ๆ
ยังไม่จบ มีต่อ Part 2 ครับ *แก้คำผิด*