สอบถามครับว่า
1.อริยทรัพย์
ก.เสื่อมได้ไหมเพราะอะไร ?
ข.เป็นเหตุให้ได้สวรรค์ นิพพานหรือไม ?
2.ลำดับของเศรษฐีสมัยพระโคดมเรียงลำดับกันอย่างไร
3.ทำไมออกบวชช้าถึงบรรลุธรรมได้ขั้นต่ำลงมาครับ
//
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คำสอนของพระพุทธเจ้าสอน ทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์และอริยทรัพย์
เรื่องราวของบุตรเศรษฐีคนหนึ่งในสมัยพุทธกาล
บุตรเศรษฐีคนนี้เกิดในตระกูลที่มีสมบัติ 80 โกฏิ (ประมาณ 800 ล้านบาท)
ในกรุงพาราณสี มารดาบิดาของเขาคิดว่า
เราจักมอบสมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดให้แก่บุตร
บุตรของเราจะได้ใช้สอยอย่างสบายโดยไม่ต้องทำงาน
ซึ่งในพระนครนั้นมีธิดาอีกคนหนึ่งเกิดในตระกูลเศรษฐีอีกคนหนึ่งซึ่งมีสมบัติ
80 โกฏิเช่นกัน บิดามารดาของนางก็คิดเช่นเดียวกันคือ
ไม่สอนให้ลูกทำงานหาเงินไม่รู้จักเก็บรักษา
หวังเพียงให้ลูกได้กินใช้อย่างสบายก็พอแล้ว
เมื่อทั้งสองโตขึ้นก็ได้แต่งงานกันเพราะความที่มีอะไรเหมือนกันหลาย
ๆอย่างทั้งฐานะและความคิดเรื่องการใช้สอยเงินทอง
ต่อมามารดาบิดาของคนทั้งสองก็ถึงแก่กรรม ทรัพย์สินร่วม 160
โกฏิก็ได้รวมอยู่ในเรือนเดียวกัน
ปกติบุตรเศรษฐีผู้นี้มักไปเข้าเฝ้าพระราชาวันละ 3 ครั้ง
พวกนักเลงในพระนครนั้นก็พากันคิดกันว่า
ถ้าบุตรเศรษฐีนี้ได้เป็นนักเลงสุราเช่นเดียวกันกับพวกตนความผาสุกก็จักมีแก่พวกเรา
วันหนึ่งพวกนักเลงนั้นถือสุรา นั่งดูทางของบุตรเศรษฐีนั้นผู้มาจากราชสกุล
เมื่อเห็นเขากำลังเดินมาจึงดื่มสุราแล้วกล่าวว่า “จงเป็นอยู่ 100
ปีเถิดนายเศรษฐีบุตร”
บุตรเศรษฐีฟังคำของพวกนักเลงแล้ว จึงถามคนใช้ที่ตามมาว่า "พวกนั้น ดื่มอะไร"
คนใช้กล่าวว่า “ดื่มน้ำดื่มชนิดหนึ่ง นาย”
บุตรเศรษฐีถามว่า “น้ำนั้นมีรสชาติอร่อยหรือ”
คนใช้กล่าวว่า “นาย ธรรมดาน้ำที่ควรดื่มเช่นกับน้ำดื่มนี้ไม่มีในโลกนี้”
บุตรเศรษฐีนั้นพูดว่า “แม้เราก็ควรดื่ม จึงให้นำสุรามานิดหน่อยแล้วก็ดื่ม”
ต่อมาไม่นานบุตรเศรษฐีก็ติดสุรา
โดยมีนักเลงเหล่านั้นเป็นบริวารซึ่งตั้งแต่บุตรเศรษฐีติดสุราก็ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยในเวลาไม่นานทรัพย์ของตนและของภรรยา
160 โกฏิก็หมดไป ต่อมาจึงขายสมบัติของตน คือ นา สวนดอกไม้ สวนผลไม้
ยานพาหนะ ภาชนะเครื่องใช้ ผ้าห่ม ผ้าปูนั่งรวมทั้งเรือนที่อยู่อาศัยด้วย
เมื่อขายเรือนไปแล้วบุตรเศรษฐีก็พาภรรยาเที่ยวไปขอทาน
วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขาซึ่งยืนอยู่ที่ประตูโรงฉันคอยรับโภชนะที่เป็นเดนจากภิกษุหนุ่มและสามเณร
จึงทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์เถระจึงทูลถามถึงเหตุที่ทรงแย้ม
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า
“ดูก่อนอานนท์ เธอจงดูบุตรเศรษฐีผู้นี้ ผลาญทรัพย์เสีย 160
โกฏิพาภรรยาเที่ยวขอทานอยู่ ถ้าบุตรเศรษฐีไม่ผลาญทรัพย์ให้หมดสิ้น
และประกอบการงานในปฐมวัย ก็จักได้เป็นเศรษฐีชั้นเลิศในนครนี้
แต่ถ้าออกบวชก็จักบรรลุอรหัตผล แม้ภรรยาของเขาก็จักดำรงอยู่ในอนาคามิผล
ถ้าไม่ผลาญทรัพย์ให้หมดไป ประกอบการงานในมัชฌิมวัย
ก็จักได้เป็นเศรษฐีชั้นที่ 2 ถ้าออกบวชก็จักได้เป็นอนาคามี
ภรรยาของเขาก็จักดำรงอยู่ในสกทาคามิผล และถ้าไม่ผลาญทรัพย์ให้สิ้นไป
ประกอบการงานในปัจฉิมวัย จักได้เป็นเศรษฐีชั้นที่ 3
ถ้าออกบวชก็จักได้เป็นพระสกิทาคามี
ส่วนภรรยาของเขาก็จักดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
แต่บุตรเศรษฐีนั่นทั้งเสื่อมแล้วจากโภคะของคฤหัสถ์
ทั้งเสื่อมแล้วจากสามัญผล จึงเป็นเหมือนนกกะเรียนในเปือกตมแห้งฉะนั้น”
จะเห็นได้ว่า “สิ่งพาจน” นั้นในกรณีของบุตรเศรษฐีนี้ก็คือ
การคบคนพาลและการเสพสุรายาเมาซึ่งพระพุทธองค์ยังตรัสถึงทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์และอริยทรัพย์ในสิงคาลกสูตรไว้
6 ประการ ได้แก่ การเสพน้ำเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
การเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน การเที่ยวดูมหรสพ
การเล่นการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท การคบคนชั่วเป็นมิตร
และความเกียจคร้าน
//
อ้างอิงจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://palungjit.org/threads/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C.564684/
ทำไมออกบวชช้าถึงบรรลุธรรมได้ขั้นต่ำลงมาครับ
1.อริยทรัพย์
ก.เสื่อมได้ไหมเพราะอะไร ?
ข.เป็นเหตุให้ได้สวรรค์ นิพพานหรือไม ?
2.ลำดับของเศรษฐีสมัยพระโคดมเรียงลำดับกันอย่างไร
3.ทำไมออกบวชช้าถึงบรรลุธรรมได้ขั้นต่ำลงมาครับ
//
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
//
อ้างอิงจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้