แชร์ประสบการ สัมภาษณ์วีซ่านักเรียนอเมริกา F-1

สวัสดีครับ
ผมมีวางแผนไว้ว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกาครับ วางไว้นานล่ะ ไม่ได้ไปสักที ตอนนี้มีโอกาส ก็เลยรีบไปซะก่อนที่จะแก่ครับ

ผมได้จ้างให้ agency เป็นคนกรอกและเตรียมเอกสารเบื้องต้นให้ครับ บอกตรงๆครับว่าแอบขี้เกียจทำเอง 555

ผมอายุ 30++ ล่ะครับ จบการศึกษาป.ตรี มานานล่ะครับ ตอนนี้ทำธุรกิจของตัวเองอยู่ มีใบทะเบียนตามปกติครับ

เอกสารที่ผมเตรียมไปมีดังนี้ครับ

1. เอกสารส่วนตัว พวกทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรต่างๆ
2. ใบรับรองฐานะทางการเงิน ว่ามีเงินอยู่ในบัญชีเท่าไหร่ ของผมเป็น low six figure ครับ
3. statement ย้อนหลัง 6 เดือน
4. ใบทะเบียนพาณิชย์ เปิดมาแล้ว สิบกว่าปี
5. Transcript และ ใบจบ
6. I-20
7. Passport 2 เล่มล่าสุด

ผมจะไปเรียนโทครับ แต่เห็นเพื่อนบอกว่า ภาษาอังกฤษของผมถ้าไปเรียนโทเลย คงจะตก ควรจะไปเรียนภาษาก่อน ผมก็เลยลงเรียน Community College ไปครับ Major - Medical ซึ่งไม่ใช่สถาบันภาษาแต่อย่างใดครับ

********* วันเตรียมตัว *************
เริ่มแรกเลย ผมจ้างให้ agency เป็นคนเตรียมเอกสารให้ เอกสารที่ผมให้ agency ไป ก็จะเป็นเอกสาร 7 ข้อข้างบนที่ผมเขียนไปครับ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเอกสารที่เตรียมไปให้ agency นั้น มันไปถึงสถานฑูตหรือเปล่า

เริ่มแรกเลย agency บอกผมมาว่า วีซ่านักเรียนนั้นขอยากมากๆ และ ผมมีวีซ่าท่องเที่ยวอยู่แล้ว ถ้าผมโดนปฎิเสธวีซ่านักเรียน วีซ่าท่องเที่ยวก็อาจจะโดนไปด้วย ซึ่งตอนนั้นผมก็คิดว่า (แล้วจะให้ทำไงฟระ ก็ตรูจะไปเรียน -*-) เลยตอบ agency ไปว่า ยังไงก็จะขอวีซ่านักเรียนครับ ช่วยเตรียมเอกสารให้หน่อย
และหลังจากที่ agency เตรียมเอกสารและจองคิวสัมภาษณ์ให้เสร็จ ซึ่งสัมภาษณ์ในวันจันทร์ที่ 13 พค ที่ผ่านมาครับ ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาด้วยความตื่นเต้น รอวันสัมภาษณ์

********** วันสัมภาษณ์ ************

เมื่อวันที่ 12 บอกตรงๆครับว่า ผมค่อนข้างตื่นเต้นครับ เพราะกลัวสัมภาษณ์ไม่ผ่านเหมือนกัน โดน agency ขู่มาเยอะ เลยเข้ามาหาข้อมูลใน net ซะเยอะ พอดีเหลือไปเห็นว่า มีคนบอกว่า ต้องไปจองคิวแต่เช้าเพราะคนเยอะมาก ผมได้คิวสัมภาษณ์ตอน 8 โมงเช้าครับ และผมไปถึงสถานฑูตตอน ตีห้าครึ่ง......

อ่านไม่ผิดครับ ตีห้าครึ่ง ด้วยความกลัวรถติด กลัวได้คิวช้า กลัวโน่นนี่นั่น ไปมันตีห้าครึ่งเลย แต่เชื่อมั๊ยครับว่า ผมได้ต่อแถมเป็นคนที่ 4
คือแบบว่า มีคนมาเช้ากว่าผมอีก 555 ยอมเลยครับ ก็รอกันไปครับ พอเวลาประมาณ 6 โมงครึ่ง ก็จะมีเจ้าหน้าที่เอาบัตรคิวมาให้ จากนั้นก็เข้าไปรอด้านใน

เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกเป็นรอบๆครับ เริ่มจากรอบ 7 โมงเช้า
ผมก็รอจนเรียกรอบผม ก็เข้าไปยื่นเอกสาร ให้ตรวจ จากนั้น เจ้าหน้าที่บอกว่า ให้ไปอ่านป้ายตรงบันใด ผมก็เดินไปอ่าน (อีกรอบ) จริงๆอ่านมันครบทุกป้ายในนั้นแล้วครับ ระหว่างนั่งรอ พออ่านป้ายเสร็จ ผมงงเลย แล้วไปไหนต่อวะ.......... ยืนงงๆ อยู่พักนึง เห็นคนที่อยู่คิวหลังผม อ่านป้ายเสร็จ แล้วเข้าไปข้างในตึก

ผมก็เลยเข้าไปบ้าง ทีนี้ก็เจอแถมยาวเหยียดอีก

*********** ด่านคนไทย ด่านที่ 1 ****************

แถวยาวเหยียดที่ว่าข้างต้น ก็คือด่านคนไทย ที่ตรวจเอกสารและพิมพ์ลายนิ้วมือครับ ก็ต่อคิวกันไป พอถึงคิวผม เขาก็ตรวจเอกสารและมีคำถามมาดังนี้ครับ

เจ้าหน้าที่ : สวัสดีค่ะ เคยไปอเมริกามาแล้วหรือยังคะ
ผม : เคยไปแล้วครับ ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว

เจ้าหน้าที่ : รูปถ่ายมานานหรือยังคะ
ผม : ประมาณ 2 เดือนครับ

เจ้าหน้าที่ตรวจอยู่สักพัก

เจ้าหน้าที่ : ขอดู Passport เล่มเก่าหน่อยค่ะ
ผม : ได้ครับ

เจ้าหน้าที่ : รู้สึกรูปจะถ่ายนานแล้วนะคะ
ผม : เพิ่งถ่ายเมื่อต้นปีครับ แต่ถ้ามันมีปัญหา เด๋วผมไปถ่ายให้ใหม่ได้ครับ ไม่ใช่ปัญหาอะไร

เจ้าหน้าที่ : งั้นไปถ่ายรูปด้านหลังเลยค่ะ เสร็จแล้ว กลับที่ช่องเดิมนะคะ
ผม : ครับ

ผมก็เลยไปถ่ายรูปมาใหม่ เครื่องถ่ายรูป ใช้งานยากดี มีคนถ่ายก่อนหน้าผม ผมต้องไปสอนให้เค้าถ่าย -*-

พอผมถ่ายเสร็จกลับมาที่ช่องเดิม ยื่นรูปใหม่ไปให้ เจ้าหน้าที่ก็ให้พิมพ์ลายนิ้วมือ เสร็จแล้วก็ให้ไปที่ช่องต่อไป เพื่อไปพิมพ์ลายนิ้วมือ (อีกที) กับฝรั่ง 

พอพิมพ์ลายนิ้วมือกับฝรั่งเสร็จ ทีนี้ก็ให้ไปต่อแถวเพื่อรอสัมภาษณ์

สำหรับคนที่เคยไปสัมภาษณ์มาแล้ว จะรู้ว่า มันเป็นการสัมภาษณ์ ที่คนรอคิวอยู่ด้านหน้า จะได้ยินสิ่งที่เจ้าหน้าที่กงสุลถาม และคนสัมภาษณ์ ตอบแทบจะชัดเจน เพราะมันยืนอยู่ใกล้ๆกันเลย ไม่มีอะไรกั้นระหว่างผู้ถูกสัมภาษณ์ กับคนรอคิว

ผมจึงพยายามสังเกต คนที่คิวก่อนหน้าผม โดนสัมภาษณ์ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

คนที่สัมภาษณ์มี 3 คนครับ ชาย 2 คน หญิง 1 คน

จากที่ผมสังเกต คนที่ไปสัมภาษณ์วีซ่านักเรียน ส่วนใหญ่จะไม่ผ่านกันครับ บางคนสัมภาษณ์นาน บางคนโดนถามสองสามคำถามก็ไม่ผ่านแล้ว

ส่วนวีซ่าท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ผมเห็นจะผ่านกันเกือบหมด

*************** เมื่อมาถึงคิวสัมภาษณ์ของผม ประมาณ 10 โมงเช้า.... *****************

ผมได้คนสัมภาษณ์เป็น หญิงครับ ผมสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษครับ แต่ผมจะพิมพ์เล่าแบบแปลไทยให้เลยนะครับ

เจ้าหน้าที่ : สวัสดีค่ะ
ผม : สวัสดีครับ

เจ้าหน้าที่ : ขอใบ I-20 ด้วยค่ะ ( ผมยื่นแค่ passport ให้อย่างเดียวในตอนแรก )

เจ้าหน้าที่ : คุณจะไปเรียนอะไรคะ
ผม : ผมจะไปเรียน Associate Degree ครับ (ขออภัยครับ ผมไม่ทราบว่า Associate Degree แปลไทยคืออะไร เอาคร่าวๆคือประมาณ ปวช ปวส ในไทย)

เจ้าหน้าที่ : ไปเรียนสาขาอะไรคะ
ผม : เรียนสาขาการแพทย์ครับ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทำหน้างงๆ เล็กน้อย ผมจึงอธิบายต่อ

ผม : ผมไปเรียน Associate Degree เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ ก่อนจะไปต่อโท MBA ครับ

เจ้าหน้าที่ : อ๋ออออออออ  เข้าใจล่ะ คือคุณมาลง Associate Degree เพื่อเรียนภาษาใช่มั๊ย
ผม : ใช่แล้วครับ

เจ้าหน้าที่ : แล้วทำไม ถึงเลือก สาขาการแพทย์ล่ะ
ผม : อาชีพหมอเป็นอาชีพใฝ่ฝันของผมตั้งแต่เด็กครับ และผมรู้ว่า ผมไม่สามารถทำอาชีพแพทย์ได้แล้ว อย่างน้อยมาเรียนภาษา ก็ขอเลือกอะไร ที่มันใกล้เคียงความฝันของผมหน่อยครับ

เจ้าหน้าที่ : เข้าใจค่ะ
จากนั้น เจ้าหน้าที่ก็พิมพ์ มือเป็นระวิง พร้อมกับถามผมมาใหม่

เจ้าหน้าที่ : จากที่ดูข้อมูล คุณน่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่แล้ว ทำไมถึงอยากไปเรียนอีก
ผม : ง่ายๆเลยครับ เรียนอีก จะได้ รวยเพิ่มอีกครับ

เจ้าหน้าที่ : บริษัท xxxxxxxxxxx เป็นบริษัททำอะไรคะ
ผม : เป็นสำนักงานบัญชีครับ

เจ้าหน้าที่ : แล้วคุณเป็นพนักงานของบริษัทนี้ใช่มั๊ยคะ
ผม : ไม่ใช่ครับ ผมเป็นเจ้าของบริษัทครับ

เจ้าหน้าที่ : คุณจะไปเรียนต่อโทในสาขาอะไรคะ
ผม : การตลาดครับ

เจ้าหน้าที่ : ในระหว่างที่คุณไม่อยู่ ใครจะเป็นคนดูแลบริษัทคะ
ผม : หุ้นส่วนของผมครับ

เจ้าหน้าที่ : ตอนที่คุณไปประเทศจีน ไปเพราะธุรกิจหรือว่าไปเที่ยวคะ
ผม : ทั้งคู่ครับ หลักๆคือไปหา supplier รายใหม่ๆครับ

เจ้าหน้าที่ : คุณมีญาติที่อเมริกามั๊ยคะ
ผม : มีแต่โฮสแฟมมิลี่ครับ

เจ้าหน้าที่ : อ้อ คุณเคยไปเรียน นักเรียนแลกเปลี่ยนเหรอคะ
ผม : ใช่แล้วครับ เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว 555

เจ้าหน้าที่ : ขอให้โชคดีในการเรียนนะคะ ^^
ผม : ขอบคุณมากๆเลยครับ

ในระหว่างคุยกัน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ขอเอกสารใดๆจากผมเลยครับ ผมเตรียมไปเพียบ แต่ไม่ดูสักกะอย่าง คุยกันอย่างเดียว ใช้เวลาคุยกันประมาณ 10 นาทีได้ครับ ที่นานเนี่ยเพราะเขาพิมพ์อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ

สรุป
ผมมองว่า สัมภาษณ์ มันก็ไม่ได้ยากอะไร ไม่ได้เหมือนที่ agency ขู่เอาไว้ แต่คนก่อนหน้าผมที่ไปสัมภาษณ์หลายสิบคน นับคนผ่านได้เลยครับ ส่วนใหญ่ เดินคอตก กันออกมาเกือบหมด ซึ่งคนที่สัมภาษณ์ กับผู้หญิงคนนี้ส่วนใหญ่จะตกครับ ก่อนถึงคิวผม ผมยังคิดเลย ใครสัมภาษณ์ผมก็ได้ ขอให้ผ่านก็พอ 555

ผมคิดว่า ถ้าเอกสารครบ ตอบไปตามความจริง ก็น่าจะผ่านล่ะนะ

ใครมีอะไรสงสัย ก็ถามได้นะครับ แค่ผมจะไม่รู้เรื่อง process ของการเตรียมเอกสารครับ เพราะให้ agency เตรียมให้ครับ

ขอบคุณมากๆเลยครับ 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่