สวัสดีค่าาาาาทุกคนจริงๆกระทู้นี้ถูกตั้งมาเพราะว่าบนเอาไว้ว่าถ้าผ่านจะมาทำกระทู้ให้ความรู้กับคนอื่นๆ5555 เริ่มเลยเนาะ🤪🥰
เราอยากไปเรียนที่อเมริกา ความคิดในหัวผุดขึ้นมาหลังจากทำงานมาได้4ปีแล้วรู้สึกอิ่มตัว เลยอยากออกจากcomfort zone จริงๆการเตรียมตัวของเราค่อนข้างใช้เวลาอย่างยาวนาน เกือบครึ่งปี กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้
เรามีเตรียมเอกสารกับเอเจนมานานมาก จนมาถึงวันนัดสัมภาษณ์ เราได้คิววันที่9 กุมภาพันธ์ 2022 เวลา 07:15น. ซึ่งเช้ามากๆจริงๆเราเลยตัดสินใจไปนอนโรงแรมเพื่อความสะดวกในการเดินทาง
ณ วันสัมภาษณ์
เราเดินมาหน้าสถานฑูตตอน 6โมงกว่าๆ เพื่อรอรับบัตรคิว ประมาณ6:30 มีพี่จากกงสุลเดินมาสอบถามข้อมูลพื้นฐาน และเช็คคนที่มาขอวีซ่า แล้วเค้าจะติดเลขแทรกให้เราไว้หลังพาสปอร์ตเลย ขั้นตอนนี้เราแนะนำให้ทุกคนรีบถ่ายรูปไว้ หรือจดเลขแทรกไว้เลยนะคะ เพราะพอเราเข้าไปเราจะต้องฝากโทรศัพท์พร้อมบัตรประชาชน*
ห้ามลืมบัตรเด็ดขาด และ ควรพกเงินสดติดตัวไปสัก2พันนะคะ อันนี้สำคัญมากๆ
พอเราผ่านการตรวจด่านแรก เดินมาทางซ้ายจะเป็นพื้นที่ให้เรานั่งรอ พี่คนเดิม ก็จะมาเรียกคิวนัดให้ไปยืนต่อแถว (เราเข้าใจว่า 07:15คือคิวที่เช้ามากแล้ว แต่จริงๆแล้วคิวแรกคือ 7โมง ซึ่งในคิวนี้วันที่เราไปสัมมี30คน ) เรานั่งรอบริเวณนั้นเกือบ1ชมนะคะ *
ควรกินขนมปังไปเผื่อหิวน้าา
พอถึงคิวช่วง07:15 เราเดินไปต่อแถวแล้วพี่เค้าจะปล่อยแถวให้เข้าไปด่านที่2 คือ ห้องสัมภาษณ์ ห้องไม่ได้ใหญ่นะคะ แต่อึดอัดมาก55555 เข้าไปด่านแรกจะเป็นการสัมภาษณ์กับพี่คนไทยก่อน เป็นการเช็คเบื้องต้น คำถามที่เราเจอคือ
1. ไปที่ไหน
2. ไปทำอะไร
3. ขอวีซ่าอะไร
4. ทำงานอะไรอยู่
5.คอร์สเรียนชื่ออะไร
6. เคยไปเมกาไหม
นี่คือที่จำได้ ตอนนั้นคือตื่นเต้นมาก แต่เราว่าดีนะ เหมือนเราผ่อนคลายมานิดนึง
*
วีซ่าf1 ต้องมีรูปถ่ายและi20 นะคะ อย่าลืมเด็ดขาด
พอเราสัมด่านแรกเสร็จพี่เค้าจะให้เราไปต่อแถวเพื่อรอสัมกับท่านกงสุลที่เป็นชาวต่างชาติ (นี่คือของจริง)
วันที่เราไปมีท่านกงสุลทั้งหมด 3 ท่าน ผู้หญิง2 ผู้ชาย1 ทั้ง3ท่านเป็นชาวเมกันนะคะ *
ไม่เจอท่านกงสุลมุสลิมกับท่านกงสุลคนที่หัวโล้นนะคะ
เรารู้สึกถูดชะตากับท่านกงสุลผู้ชายมาก แต่! ก่อนหน้าเรา4คนที่สัมภาณ์กับท่านกงสุลผู้ชายโดนรีเจคหมดเลยค่ะ แต่เราถูกชะตากับเค้าจริงๆ เพราะอีก2ท่านดูโหดและถามเยอะ และเราก็ได้ท่านกงสุลผู้ชายค่ะ
คำถามในการสัมภาษณ์
ท่านกงสุล-สวัสดีครับ (เป็นภาษาไทย)
เรา- good morning
ท่านกงสุล- จะไปทำอะไรที่อเมริกาครับ ?(เป็นภาษาไทย)
เรา- i'm going to study english language for my work แล้วเราก็ขยายโปรเจคของเราต่อเลย *จุดนี้เรามองว่าการที่เราขยายสิ่งที่เค้าไม่ได้ถามไปตั้งแต่ตอนแรก จะทำให้เค้าสนใจและรู้ข้อมูลในตัวเรามากขึ้น
ท่านกงสุล- what are you doing now?
เรา- ตอบเคเาไปว่าเราทำงานอะไรและเราเลยใช้ช่วงนี้ยื่นใบรับรองการทำงานและรูปเราตอนทำงานให้ท่านด้วย * ท่านอ่านและเปิดรูปของเราทุกหน้านะคะ
ท่านกงสุล-who is your sponsor?
เรา- myself และเราขยายต่อว่าเราทำงานมา4ปีแล้ว และตอนเราเรียนปโท เราก็สปอนตัวเอง ท่านพยักหน้า
ท่านกงสุล-what is your company ?
เรา-บอกชื่อบริษัทและอธิบายบริษัทและงานที่เราทำอยู่อย่างละเอียดยิบ
*ท่านกงสุลหยิบi20เรามาแล้วชี้ไปที่เงินทั้งหมด ว่า มันแพงนะ เราไหวหรอ ตอนนั้นเราอึ้งมาก เราแปลงค่าเงินไม่ทัน ในใจคิดแล้วว่า กูโดนแน่ เราบอกเคเาว่าแปปนะคะ แล้วพยายามหาเอกสารเพิ่ม เราเลยหยิบ bank statement ยื่นให้ท่าน ท่านกงสุลเปิดดูของเราทุกหน้าเลย
ท่านกงสุล-ทำงานมานานแค่ไหนแล้ว?
เรา-4 year
ท่านกงสุล- wait a minute
แล้วท่านกงสุลก็พิมก้อกแก้กๆ คือเรารู้สึกว่าเวลาตรงนี้ประมาณ1นาทีที่เค้ามกดแป้นพิมพ์ ทุกอย่างตรงนั้นคือเงียบกริบแต่เราทองหน้าท่านกงตลอดเวลานะคะไม่ละสายตาเลย
ท่านกงสุล-ok your visa approve แล้วก็บอกให้เราเดินไปจ่ายเงินตรงเคาเตอร์และกลับมาหาเค้าโดยไม่ต้องต่อคิวอีกแล้ว ท่านคืนเอกสารให้เราหมด ยกเว้น i20 แต่เราสติหลุดมาก เราไม่ได้คิดอะไรเลยเดินดุ่มๆไปเพื่อจ่ายเงินและพบว่า
กูไม่มีเงินเลยสักบาทค่ะ และบัตรที่เอาไปใช้ไม่ได้
เราถามพี่เคเาว่าหนูทำยังไงได้บ้าง ยืมพี่ได้มั้ย(ความหน้าหนา) พี่เค้าตอบกลับมาว่า พี่ไม่รู้ชีวิตน้องน้องต้องคิดเอง กริบค่ะ รนยิ่งกว่าเดิม จังหวะนั้นหันไปเจอแม่ลูกชาวอินเดียคู่หนึ่งที่ถาสยรูอยู่ตรงตู้ เลยใช้ความหน้าด้านทั้งหมดที่มีเดินไปและขอยืมเงินพี่เค้า ซึ่งพี่เค้าใจดีมากกกกกก เคเาให้เรายืมมา1,500บาททุกโค้นนนน คือเราแบบเป็นพระคุณอย่างสูง พอเราจ่ายเงินเสร็จเราจะได้รับใบเสร็จมา2ใบ เราก็เดินกลับไปหาท่านกง ท่นกงบอกว่า สวัสดีอีกครั้ง เราเลยตอบไปว่า เจอกันอีกแล้วในเวลาแปปเดียว เค้ายิ้มให้เราและยื่นi20และใบเสร็จ1ใบมาพร้อมกับพูดอะไรสักอย่างที่เราฟังไม่ทัน คือคนมันสติหลุดอ้ะะ แต่เราจับใจความได้ว่า เอกสารนี้สำคัญนะให้เก็บไว้ให้ดี เราคิดว่าประมาณนี้นะ55555
จบค่ะ การสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาในปี2022 ยุคที่โควิดระบาดหนักมาก เราออกมาตอน08.11 น. และอิ่มทิพย์ค่ะ กินข้าวไม่ลงและดีใจมากๆ
เราขอมาบอกค่าใช้จ่ายคร่าวๆของการขอวีซ่านะคะ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากไป
1. ค่าเรียน (แล้วแต่เอเจน ของเรายังไม่ต้องจ่ายแต่ทางเอเจนติดต่อสถาบันเพื่อขอi20มาให้ได้)
2. ค่า sevis ประมาณ12,000บาท ต้องจ่ายเลยนะคะเพื่อทำการจองคิววีซ่า
3.ค่ารูป 200บาท
4. ค่าวีซ่า 5,600บาท ประมาณ160เหรียญ แล้วแต่ค่าเงินช่วงนั้นๆ
5. เราไม่รู้มันดรียกว่าค่าอะไร แต่ถ้าใครวีซ่าผ่านต้องจ่ายอีก 1,360 ประมาณ 40เหรียญ
ค่าใช้จ่ายที่ควรเตรียมตัวให้พร้อมนะคะ ทุกอย่างจะต้องทำตามขั้นตอนทั้งหมด
ทริคเล็กๆน้อยๆ
-เราพยายามเตรียมเอกสารที่ไม่ได้แสดงในds160ไป เพื่อให้เค้าดูเพิ่มเพราะเราคิดว่าเค้าจะสนใจ ซึ่งเป็นโชคดีของเราที่ท่านกงสุลดูเอกสารที่เราofferให้ทั้งหมด
-การแต่งกายเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เสื้อผ้า ผม การแต่งหน้า เหมือนเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเราเป็นคนแบบไหน ควรแต่งกายให้สุภาพและแต่งหน้าบางๆนะคะ55555
-eye contact คือสิ่งที่จำเป็นมากๆ ใจดีสู้เสื้อไปเลยค่ะแม้ว่าเค้าจะไม่ได้มองเรา แต่เราเชื่อว่าในระดับสายตาเค้าจะมองเห็นว่ามีคนมองเค้า เพราะฉะนั้นอย่าละสายตาจากเค้าเด็ดขาด!
-บนค่ะ สายมู เสื้อสีมงคล แล้วแต่ความเชื่อนะคะ
-การซ้อมสัมภาษณ์ ฝึกพูดหน้ากระจกและท่องบ่อยๆ เพื่อลดความตื่นเต้น
-พูดเอาไว้เลยค่ะ ว่า วันนี้ฉันจะโชคดี แล้วเราจะโชคดีจริงๆค่ะ และ
-สติ ค่ะ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เราไม่รู้ว่าคนโดนรีเจคเยอะมั้ยหรือคนผ่านเยอะมั้ย เราไม่ได้มองใครเลย เพราะเราโฟกัสตัวเองอย่างเดียว
ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ และหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆทุกๆคน💖
รีวิว สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา f1 แบบละเอียดในยุคโควิด ปี2022
เราอยากไปเรียนที่อเมริกา ความคิดในหัวผุดขึ้นมาหลังจากทำงานมาได้4ปีแล้วรู้สึกอิ่มตัว เลยอยากออกจากcomfort zone จริงๆการเตรียมตัวของเราค่อนข้างใช้เวลาอย่างยาวนาน เกือบครึ่งปี กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้
เรามีเตรียมเอกสารกับเอเจนมานานมาก จนมาถึงวันนัดสัมภาษณ์ เราได้คิววันที่9 กุมภาพันธ์ 2022 เวลา 07:15น. ซึ่งเช้ามากๆจริงๆเราเลยตัดสินใจไปนอนโรงแรมเพื่อความสะดวกในการเดินทาง
ณ วันสัมภาษณ์
เราเดินมาหน้าสถานฑูตตอน 6โมงกว่าๆ เพื่อรอรับบัตรคิว ประมาณ6:30 มีพี่จากกงสุลเดินมาสอบถามข้อมูลพื้นฐาน และเช็คคนที่มาขอวีซ่า แล้วเค้าจะติดเลขแทรกให้เราไว้หลังพาสปอร์ตเลย ขั้นตอนนี้เราแนะนำให้ทุกคนรีบถ่ายรูปไว้ หรือจดเลขแทรกไว้เลยนะคะ เพราะพอเราเข้าไปเราจะต้องฝากโทรศัพท์พร้อมบัตรประชาชน* ห้ามลืมบัตรเด็ดขาด และ ควรพกเงินสดติดตัวไปสัก2พันนะคะ อันนี้สำคัญมากๆ
พอเราผ่านการตรวจด่านแรก เดินมาทางซ้ายจะเป็นพื้นที่ให้เรานั่งรอ พี่คนเดิม ก็จะมาเรียกคิวนัดให้ไปยืนต่อแถว (เราเข้าใจว่า 07:15คือคิวที่เช้ามากแล้ว แต่จริงๆแล้วคิวแรกคือ 7โมง ซึ่งในคิวนี้วันที่เราไปสัมมี30คน ) เรานั่งรอบริเวณนั้นเกือบ1ชมนะคะ *ควรกินขนมปังไปเผื่อหิวน้าา
พอถึงคิวช่วง07:15 เราเดินไปต่อแถวแล้วพี่เค้าจะปล่อยแถวให้เข้าไปด่านที่2 คือ ห้องสัมภาษณ์ ห้องไม่ได้ใหญ่นะคะ แต่อึดอัดมาก55555 เข้าไปด่านแรกจะเป็นการสัมภาษณ์กับพี่คนไทยก่อน เป็นการเช็คเบื้องต้น คำถามที่เราเจอคือ
1. ไปที่ไหน
2. ไปทำอะไร
3. ขอวีซ่าอะไร
4. ทำงานอะไรอยู่
5.คอร์สเรียนชื่ออะไร
6. เคยไปเมกาไหม
นี่คือที่จำได้ ตอนนั้นคือตื่นเต้นมาก แต่เราว่าดีนะ เหมือนเราผ่อนคลายมานิดนึง
*วีซ่าf1 ต้องมีรูปถ่ายและi20 นะคะ อย่าลืมเด็ดขาด
พอเราสัมด่านแรกเสร็จพี่เค้าจะให้เราไปต่อแถวเพื่อรอสัมกับท่านกงสุลที่เป็นชาวต่างชาติ (นี่คือของจริง)
วันที่เราไปมีท่านกงสุลทั้งหมด 3 ท่าน ผู้หญิง2 ผู้ชาย1 ทั้ง3ท่านเป็นชาวเมกันนะคะ *ไม่เจอท่านกงสุลมุสลิมกับท่านกงสุลคนที่หัวโล้นนะคะ
เรารู้สึกถูดชะตากับท่านกงสุลผู้ชายมาก แต่! ก่อนหน้าเรา4คนที่สัมภาณ์กับท่านกงสุลผู้ชายโดนรีเจคหมดเลยค่ะ แต่เราถูกชะตากับเค้าจริงๆ เพราะอีก2ท่านดูโหดและถามเยอะ และเราก็ได้ท่านกงสุลผู้ชายค่ะ
คำถามในการสัมภาษณ์
ท่านกงสุล-สวัสดีครับ (เป็นภาษาไทย)
เรา- good morning
ท่านกงสุล- จะไปทำอะไรที่อเมริกาครับ ?(เป็นภาษาไทย)
เรา- i'm going to study english language for my work แล้วเราก็ขยายโปรเจคของเราต่อเลย *จุดนี้เรามองว่าการที่เราขยายสิ่งที่เค้าไม่ได้ถามไปตั้งแต่ตอนแรก จะทำให้เค้าสนใจและรู้ข้อมูลในตัวเรามากขึ้น
ท่านกงสุล- what are you doing now?
เรา- ตอบเคเาไปว่าเราทำงานอะไรและเราเลยใช้ช่วงนี้ยื่นใบรับรองการทำงานและรูปเราตอนทำงานให้ท่านด้วย * ท่านอ่านและเปิดรูปของเราทุกหน้านะคะ
ท่านกงสุล-who is your sponsor?
เรา- myself และเราขยายต่อว่าเราทำงานมา4ปีแล้ว และตอนเราเรียนปโท เราก็สปอนตัวเอง ท่านพยักหน้า
ท่านกงสุล-what is your company ?
เรา-บอกชื่อบริษัทและอธิบายบริษัทและงานที่เราทำอยู่อย่างละเอียดยิบ
*ท่านกงสุลหยิบi20เรามาแล้วชี้ไปที่เงินทั้งหมด ว่า มันแพงนะ เราไหวหรอ ตอนนั้นเราอึ้งมาก เราแปลงค่าเงินไม่ทัน ในใจคิดแล้วว่า กูโดนแน่ เราบอกเคเาว่าแปปนะคะ แล้วพยายามหาเอกสารเพิ่ม เราเลยหยิบ bank statement ยื่นให้ท่าน ท่านกงสุลเปิดดูของเราทุกหน้าเลย
ท่านกงสุล-ทำงานมานานแค่ไหนแล้ว?
เรา-4 year
ท่านกงสุล- wait a minute
แล้วท่านกงสุลก็พิมก้อกแก้กๆ คือเรารู้สึกว่าเวลาตรงนี้ประมาณ1นาทีที่เค้ามกดแป้นพิมพ์ ทุกอย่างตรงนั้นคือเงียบกริบแต่เราทองหน้าท่านกงตลอดเวลานะคะไม่ละสายตาเลย
ท่านกงสุล-ok your visa approve แล้วก็บอกให้เราเดินไปจ่ายเงินตรงเคาเตอร์และกลับมาหาเค้าโดยไม่ต้องต่อคิวอีกแล้ว ท่านคืนเอกสารให้เราหมด ยกเว้น i20 แต่เราสติหลุดมาก เราไม่ได้คิดอะไรเลยเดินดุ่มๆไปเพื่อจ่ายเงินและพบว่า
กูไม่มีเงินเลยสักบาทค่ะ และบัตรที่เอาไปใช้ไม่ได้
เราถามพี่เคเาว่าหนูทำยังไงได้บ้าง ยืมพี่ได้มั้ย(ความหน้าหนา) พี่เค้าตอบกลับมาว่า พี่ไม่รู้ชีวิตน้องน้องต้องคิดเอง กริบค่ะ รนยิ่งกว่าเดิม จังหวะนั้นหันไปเจอแม่ลูกชาวอินเดียคู่หนึ่งที่ถาสยรูอยู่ตรงตู้ เลยใช้ความหน้าด้านทั้งหมดที่มีเดินไปและขอยืมเงินพี่เค้า ซึ่งพี่เค้าใจดีมากกกกกก เคเาให้เรายืมมา1,500บาททุกโค้นนนน คือเราแบบเป็นพระคุณอย่างสูง พอเราจ่ายเงินเสร็จเราจะได้รับใบเสร็จมา2ใบ เราก็เดินกลับไปหาท่านกง ท่นกงบอกว่า สวัสดีอีกครั้ง เราเลยตอบไปว่า เจอกันอีกแล้วในเวลาแปปเดียว เค้ายิ้มให้เราและยื่นi20และใบเสร็จ1ใบมาพร้อมกับพูดอะไรสักอย่างที่เราฟังไม่ทัน คือคนมันสติหลุดอ้ะะ แต่เราจับใจความได้ว่า เอกสารนี้สำคัญนะให้เก็บไว้ให้ดี เราคิดว่าประมาณนี้นะ55555
จบค่ะ การสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาในปี2022 ยุคที่โควิดระบาดหนักมาก เราออกมาตอน08.11 น. และอิ่มทิพย์ค่ะ กินข้าวไม่ลงและดีใจมากๆ
เราขอมาบอกค่าใช้จ่ายคร่าวๆของการขอวีซ่านะคะ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากไป
1. ค่าเรียน (แล้วแต่เอเจน ของเรายังไม่ต้องจ่ายแต่ทางเอเจนติดต่อสถาบันเพื่อขอi20มาให้ได้)
2. ค่า sevis ประมาณ12,000บาท ต้องจ่ายเลยนะคะเพื่อทำการจองคิววีซ่า
3.ค่ารูป 200บาท
4. ค่าวีซ่า 5,600บาท ประมาณ160เหรียญ แล้วแต่ค่าเงินช่วงนั้นๆ
5. เราไม่รู้มันดรียกว่าค่าอะไร แต่ถ้าใครวีซ่าผ่านต้องจ่ายอีก 1,360 ประมาณ 40เหรียญ
ค่าใช้จ่ายที่ควรเตรียมตัวให้พร้อมนะคะ ทุกอย่างจะต้องทำตามขั้นตอนทั้งหมด
ทริคเล็กๆน้อยๆ
-เราพยายามเตรียมเอกสารที่ไม่ได้แสดงในds160ไป เพื่อให้เค้าดูเพิ่มเพราะเราคิดว่าเค้าจะสนใจ ซึ่งเป็นโชคดีของเราที่ท่านกงสุลดูเอกสารที่เราofferให้ทั้งหมด
-การแต่งกายเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เสื้อผ้า ผม การแต่งหน้า เหมือนเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเราเป็นคนแบบไหน ควรแต่งกายให้สุภาพและแต่งหน้าบางๆนะคะ55555
-eye contact คือสิ่งที่จำเป็นมากๆ ใจดีสู้เสื้อไปเลยค่ะแม้ว่าเค้าจะไม่ได้มองเรา แต่เราเชื่อว่าในระดับสายตาเค้าจะมองเห็นว่ามีคนมองเค้า เพราะฉะนั้นอย่าละสายตาจากเค้าเด็ดขาด!
-บนค่ะ สายมู เสื้อสีมงคล แล้วแต่ความเชื่อนะคะ
-การซ้อมสัมภาษณ์ ฝึกพูดหน้ากระจกและท่องบ่อยๆ เพื่อลดความตื่นเต้น
-พูดเอาไว้เลยค่ะ ว่า วันนี้ฉันจะโชคดี แล้วเราจะโชคดีจริงๆค่ะ และ
-สติ ค่ะ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เราไม่รู้ว่าคนโดนรีเจคเยอะมั้ยหรือคนผ่านเยอะมั้ย เราไม่ได้มองใครเลย เพราะเราโฟกัสตัวเองอย่างเดียว
ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ และหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆทุกๆคน💖