บทความตามใจฉัน “Nintendo ปะทะ ร้าน VDO” Part 1

จากบทความครั้งที่แล้วเกี่ยวกับ Famicom Disk system

Part 1 https://pantip.com/topic/38789252

Part 2 https://pantip.com/topic/38803839

ที่แสดงถึงความพยายามของ Nintendo ที่จะลดค่าใช้จ่ายของตลับเกมลงแต่จบที่ความล้มเหลวนั้น

ในบทความครั้งนี้จะเล่าถึงความพยายามในการลดค่าใช้จ่ายของตลับเกมด้วยวิธีการอีกแบบหนึ่งที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมจากผู้เล่นอย่าง

ล้นหลามแต่มันมีข้อเสียที่ใหญ่มากอยู่อย่างหนึ่ง คือ

“Nintendo ไม่ถูกใจสิ่งนี้”


ในยุค 80s และ 90s ที่อเมริกานั้นความบันเทิงระดับครอบครัวช่วงวันหยุดในราคาที่จับต้องได้คือการเช่า VDO มาดูที่บ้าน

ไม่มีใครไม่ชอบดูหนังแต่ก็น้อยนักที่จะมั่งคั่งพอที่จะซื้อ VDO เรื่องใหม่ ๆ มาดูได้ทุกสุดสัปดาห์

ด้วยเหตุนี้จึงเกิดธุรกิจให้เช่า VDO ขึ้นมาและสร้างรายได้แก่เจ้าของกิจการอย่างมหาศาล

ต่อมาเมื่อNES เป็นที่นิยมในอเมริกา เหล่าผู้เล่นก็ประสบปัญหาที่คล้าย ๆ กับกรณีของ VDO

คือมีเกมที่อยากเล่นเต็มไปหมดแต่ตลับเกมนั้นราคาแพงจนไม่สามารถซื้อได้บ่อย ๆ

ร้านเช่า VDO เห็นปัญหานี้คือโอกาสจึงไปกว้านซื้อตลับเกม NES มาวางหน้าร้าน ปิดป้าย

Game for Rent (เกมให้เช่า)


ทำให้ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก้อนเพื่อซื้อตลับเกมอีกต่อไปเพียงจ่ายค่าเช่าก็ได้เกมที่ต้องการไปเล่นแล้ว

ผู้เล่นเองก็มีโอกาสได้เล่นเกมมากมายหลากหลายประเภทขึ้นหรือในกรณีที่ผู้เล่นจะซื้อตลับของตัวเองแต่ไม่แน่ใจว่าเกมจะถูกใจรึไม่

ก็ใช้วิธีเช่ามาทดลองเล่นดูก่อนค่อยซื้อก็ได้

ธุรกิจให้เช่าเกมนั้นกลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของร้านเช่า VDO และทำให้มูลค่าของธุรกิจนี้พุ่งสูงขึ้นไปอีก

เจ้าของร้านก็ Happy ผู้เล่นก็มีความสุข

แต่ Nintendo Don’t

การให้เช่าเกมนั้นกระทบต่อยอดขายตลับเกมโดยตรงและนั้นย่อมส่งผลในด้านลบต่อกำไรของ

Nintendo ในฐานะผู้ผลิตตลับเกมแต่เพียงผู้เดียวอีกด้วย

และที่แย่ไปกว่านั้นคือ

เนื่องจากการให้เช่าเกมนั้นไม่มีกฎหมายมาจำกัดขอบเขตใด ๆ

ทำให้ร้านให้เช่าเกมสามารถซื้อเกมที่ออกใหม่ล่าสุดมาวางแผงให้เช่าชนกับวันที่เกมวางจำหน่ายเลยได้

ไม่เหมือน VDO ที่มีข้อกำหนดว่าจะต้องทิ้งระยะหลังจากออกจากโรงหนังแล้วพักหนึ่งก่อน


ตรงนี้มีเกล็ดน่าสนใจที่ว่าญี่ปุ่นนั้นการให้เช่าเกมและรวมถึง Software โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้พัฒนานั้นถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย  

ณ ปัจจุบัน ผู้เขียนไม่ทราบว่ากฎหมายห้ามให้เช่าเกมและ Software ในญี่ปุ่นยังคงมีอยู่รึไม่แต่จากข้อความเตือนในภาพปกหลังของเกม

DmC เวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั้นแสดงให้เห็นว่ากฎหมายดังกล่าวเมื่อปี 2013 หรือราว ๆ 6 ปีที่แล้วยังคงมีอยู่

แต่เท่าที่ค้นดูปกหลังของเกมใหม่ ๆ ในปัจจุบันเช่น Kingdom Heart 3 นั้นไม่พบข้อความเตือนดังกล่าวแล้ว


ในตอนนั้นเอง SPA (software publisher association สมาคมผู้จัดจำหน่ายซอฟท์แวร์) ร่วมกับบริษัท Software

ต่าง ๆ รวมถึง Microsoft ก็กำลังผลักดันกฎหมายที่ชื่อว่า

Computer Software Rental Amendments Act อยู่พอดี

ซึ่งกฎหมายนี้จะทำให้การให้เช่า Software กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายและนี่คือสิ่งที่ Nintendo

ต้องการเช่นกันจึงมีความพยายามที่จะให้กฎหมายนี้ครอบคลุมถึง Software เกมที่อยู่ในตลับด้วย

แต่ SPA ก็เจอกลุ่มสมาคมร้านเช่า VDO ขู่ว่าจะขัดขวางร่างกฎหมายทุกวิถีทางถ้ามีการนับรวมตลับเกมลงไปด้วย

SPA ยอมตามสมาคมร้านเช่า VDO ทำให้การเช่าตลับเกมยังเป็นสิ่งที่ทำได้ต่อไป

Computer Software Rental Amendments Act ได้รับการลงนามและประกาศใช้เมื่อเดือนธันวาคม 1990  


ก่อนหน้าที่กฎหมายจะประกาศใช้ คาดว่า Nintendo เองคงจะรู้ตัวล่วงหน้าแล้วว่ากฎหมายจะไม่ครอบคลุมจึงเริ่มยุทธวิธีใหม่เพื่อหยุดการให้เช่าเกม

โดยการไม่ขายส่งให้กับร้านเช่า VDO

ร้านเช่า VDO ก็แก้เกมโดยส่งคนไปซื้อยก Lot ที่ร้านค้าปลีก

Nintendo แก้เกมใหม่โดยแจ้งร้านค้าปลีกให้จำกัดจำนวนที่จะซื้อได้ต่อครั้งต่อคน

ร้านเช่า VDO ก็แก้เกมกลับโดยส่งพนักงานทีละหลาย ๆ คนไปซื้อเกมหรือไม่ก็เวียนกันซื้อ

จะเห็นว่า Nintendo ทำได้เพียง “ขัดขวาง” และ “สร้างความไม่สะดวก” ให้กับร้านเช่า VDO ได้เพียงเท่านั้น

Nintendo ต้องการวิธีใหม่ที่ “แรงและมีประสิทธิ์ภาพ”


To be continue in Part 2

ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน” โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น

ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ https://www.facebook.com/uptomejournal/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่