[CR] โต๊ะเครื่องแป้งในฝัน กับภารกิจ “บ้านหลังสวยของเครื่องแป้งที่เรารัก”

สวัสดีอีกครั้ง หลังจากห่างหายการเขียนรีวิวเรื่องตกแต่งบ้านไปซะนานค่ะ
ขอแนะนำตัวก่อน ปุ้ยเป็นอดีตบล็อกเกอร์สายบิวตี้ ที่ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็น “แม่บ้านสายจัดระเบียบ”
ตอนนี้ปุ้ยอยากกลับมาเขียนรีวิวละ เลยขอเริ่มด้วยรีวิวที่อยากเขียนและเตรียมเนื้อหาไว้นานมาก (ประมาณ 4 ปี) แต่ด้วยความที่ตั้งท้องลูกสาว แล้วก็เลยหยุดความตั้งใจจะเขียนไป เพราะทุ่มเทกับการเลี้ยงลูก จนตอนนี้ลูกเข้าโรงเรียนแล้ว เลยกลับมามีเวลาเป็นของตัวเองค่ะ

กระทู้นี้จะมารีวิวโต๊ะเครื่องแป้งในฝัน กับปฏิบัติการที่ปุ้ยตั้งชื่อว่า “บ้านหลังสวยของเครื่องแป้งที่เรารัก”

ปุ้ยอยากให้กระทู้นี้เป็นกำลังใจกับสาวๆ ที่ฝันอยากจะมีมุมความสุขเล็กๆ กับเครื่องแป้งเครื่องสำอาง~มุมสวยๆ ของเรา อยากให้รู้ว่าไม่ยากแค่มีความตั้งใจ และสละเวลามาจัดบ้านให้บรรดาลูกรักของเราซักนิด แล้วชีวิตตอนทำสวย~จะดีขึ้นค่ะ
ปุ้ยอยากแชร์หลักการง่าย ๆ 4 ข้อ ดังนี้
1) หัวใจรัก คือ จุดเริ่มต้นของการสร้างบ้าน ให้ ความรัก ให้ความมีตัวตนกับเครื่องสำอางทุกชิ้น และจะต้องอยู่ที่เดิมตรงนี้ที่บ้านของเค้าเสมอ
2) ความสะอาด คือ สำคัญสุด ของทุกชิ้นต้องถูกเช็ดทำความสะอาดอยู่เสมอ
3) ให้ความเข้าถึงง่าย หยิบใช้ง่าย ข้อนี้เป็นวัตถุประสงค์ของการทั้งปวง ของทุกชิ้นต้องสามารถหยิบใช้ได้โดยง่าย 
4) ให้ ความสวยงาม รางวัลความสุขให้กับเจ้าของ และจะทำให้เรารักเครื่องสำอางของเรามากขึ้น
เป็นหลักการสวยๆ ที่ไม่ยาก ซึ่งเราจะมาขยายความในส่วนนี้กันต่อไปค่ะ
ขอเรียกกำลังใจด้วยภาพโต๊ะเครื่องแป้งหลังสวยของปุ้ยก่อน
รวบรวมความตั้งใจเก็บสะสมชั้นวางของกับตัวจัดระเบียบมาทีละเล็กทีละน้อยกว่าจะสำเร็จก็เป็นปีๆ ค่ะ ในกระทู้นี้จะมีโต๊ะเครื่องแป้งแบบเต็มๆ  2 เวอร์ชั่นมาให้ดูกัน
แต่ในกระทู้นี้ ปุ้ยจะขอเริ่มเล่าจาก Version 1 แบบเบาๆ ก่อนแล้วกันนะคะ
ตอนแรกที่เริ่มสร้างบ้านให้เครื่องสำอาง ก็ประมาณ 5 ปีที่แล้ว เห็นแรงบันดาลใจจากบล็อกเกอร์ต่างชาติที่แบบว่าเค้าใช้ชั้นวางของอะคริลิก แล้วมันดูสวยมาก ก็ฝันอยากจะได้แบบนั้นบ้าง เริ่มลงทุนซื้อชั้นอะคริลิกจาก Muji มาจัดมันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้น จัดไปจัดมาก็เริ่มมีแนวทางและอยากแบ่งปันให้สาวๆ ดูเป็นแรงบันดาลใจบ้าง

โอเคมาเริ่มปฏิบัติการ “บ้านหลังสวยของเครื่องแป้งที่เรารัก” กันเลยค่ะ

1) เริ่มต้นถามตัวเองก่อนว่า เรามี หัวใจรัก” ต่อเครื่องสำอางของเราหรือไม่? 
(ถ้าใครคิดว่า..ไม่ ก็ถือว่าเข้ามาเดินชมบ้านคนอื่นเฉยๆ เลื่อนดูรูปผ่านๆ เพลินๆ ไปได้เลย) 
ถ้าคุณยังไม่แน่ใจ ลองอ่านกระทู้นี้จนจบแล้วค่อยกลับมาถามตัวเองใหม่ก็ได้ หรือจะลองทำดูก่อน ความรักอาจจะค่อยๆ เติบโตแล้วจะพบว่าความสุขในการมีบ้านให้เครื่องสำอางคืออะไร
แต่ถ้าใครตอบได้ว่า “ใช่” เราก็ใจตรงกันค่ะ
ปุ้ยเป็นคนนึงนะ ที่รักเครื่องสำอางมาก คิดว่าเค้าน่ารักน่าเอ็นดู รู้สึกดีกับเค้าเวลาที่ได้มองเค้าวางอยู่ในที่ทางของตัวเอง (บางชิ้นไม่ค่อยได้ใช้ แต่ก็รู้สึกดีแค่ได้มอง) และเวลาหยิบมาใช้จะรู้สึก “โอ๊ะ..ดี......” ใช้เค้าด้วยความรู้สึกรักและทะนุถนอม เสร็จแล้ววางเค้ากลับที่ด้วยความขอบคุณ

นึกภาพคนที่แบบว่ารักกระเป๋ารักรองเท้าแบรนด์เนม ทำนองนั้นหละค่ะ แต่ปุ้ยเป็นกับเครื่องสำอางนะ ไม่ค่อยเป็นกับพวกกระเป๋ารองเท้าซักเท่าไหร่
ถ้าเรารักอะไรซักอย่าง เราย่อมอยากเลี้ยงดู ฟูมฟักมันอย่างดี นั่นแหละจุดเริ่มต้นของการสร้างบ้าน สร้างด้วยความรัก บ้านแสนสุขจะมั่นคงแข็งแรงค่ะ

2) ลงมือทำ “ความสะอาด" ของทุกชิ้นก่อน ทั้งภายนอกและภายในเลย และสำรวจว่าเรามีของเยอะแค่ไหน จะได้กะความกว้างใหญ่ของบ้านเราได้
3) จัดให้เป็นหมวดหมู่ โดยแบ่งตามขั้นตอนการใช้งาน คือ 
    (1): BASE MAKEUP  ขั้นตอนงานผิวทั้งหมด ตั้งแต่ สกินแคร์ กันแดด เมกอัพเบส ไฮไลท์เฉดดิ้งที่เป็นเนื้อครีม คอนซีลเลอร์ ปัดแก้มเนื้อครีม และแป้งฝุ่นสำหรับเซ็ทติ้ง
    (2): EYE  MAKEUP  ขั้นตอนแต่งตาทั้งหมด ตั้งแต่ อายเบส อายชาโดว์ อายไลเนอร์ เขียนคิ้ว มาสคาร่า และอุปกรร์ติดขนตา
    (3): CHEEKS  ขั้นตอนแต่งแก้มทั้งหมดที่เป็นแบบฝุ่น เช่น บลัชออน ไฮไลท์ เฉดดิ้ง ต่างๆ ทั้งหลาย
    (4): LIPSTICK  รวบลิปสติกทั้งหมดมาไว้รวมกัน แยกลิปสี ลิปกลอส หรือจะแยกตามแบรนด์ หรือตามสีก็ได้
    (5): FINISHING อันนี้หลายคนอาจจะมีไม่เยอะ มันเป็นพวกแป้งฝุ่นคุมมัน สเปรย์น้ำแร่ แป้งไฮไลท์ที่ปัดทั่วหน้า หรืออะไรที่เรามักจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย
พอเราแยกตามหมวดหมูแล้ว ทีนี้แต่ละหมวดหมู่ก็แบ่งเป็น ไอเท็มที่ใช้บ่อยๆ กับไม่ค่อยได้ใช้
โอเค..2 ขั้นตอนที่ผ่านมา.. คิดว่าทุกคนทำได้ แต่อาจจะใช้เวลามากและเริ่มจากบั๊ยบายความขี้เกียด แล้วลุกขึ้นมา ลงมือทำ” ลุย!!

4) ในขั้นตอนถัดไป จะเริ่มสนุกละ ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลานานสุดๆ อาจจะเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าจะลงตัว ค่อยๆ ทำไป
~หาบ้านก่อน อย่างน้อยต้องมีโต๊ะว่างๆ ซัก 1โต๊ะก่อน พยายามเลือกโต๊ะที่มีหน้ากว้าง แต่ไม่ลึก นึกออกมั้ย คือเวลาวางของซ้อนๆ แล้วซ้อนได้ไม่มาก เพราะความซับซ้อน มันจะเป็นปัญหาของเราในอนาคต บ้านจะกลับมารกเหมือนเดิมนั่นเอง

ตอนนู้น ปุ้ยบังเอิญเจอโต๊ะของอีเกีย เห็นแล้วโครตปิ๊ง เหมือนเกิดมาเพื่อการนี้ (แต่ต้องขออภัยตอนนี้โต๊ะรุ่นนี้ไม่มีขายแล้ว ไม่ต้องเสียใจไป เราหาโต๊ะเครื่องแป้ง หรือทำงานรุ่นอื่นมาแทนก็ได้) พยายามเลือกโต๊ะที่หน้ากว้างแนวยาวประมาณ 2 ช่วงแขน เมื่อเรากางแขนสองข้างออก ส่วนแนวกว้างลึกไม่เกินความยาว 1 ช่วงแขนเมื่อเรายื่นแขนไปข้างหน้า 
~หาอุปกรณ์ช่วยจัดระเบียบของพวก ชั้นวางเครื่องสำอางต่างๆ อันนี้ควรลงทุน มันคุ้มแน่ๆ ถูกกว่าเครื่องสำอางบางชิ้นอีก (เราอาจจะไม่ได้ซื้อมาคราวเดียวหมด แต่ลองจัดๆ ดูก่อน ค่อยไปซื้อเพิ่มเอานะ) ปุ้ยเลือกเป็นอะคริลิกใส่ๆ เพราะชอบที่มันดูโปร่ง และสามารถมองเห็นของด้านในด้วย
อะคริลิกแบบแบ่งช่องเสียบเล็กๆ หาซื้อง่ายๆ ตาม CENTRAL แผนกของแต่งบ้าน หรือตามร้านขายของแต่งบ้าน INDEXLivingMall, DIASO, MINIMONO, MINISO, HOMEPRO ราคาหลักร้อย
ส่วนลิ้นชักอะคริลิกนั้นของ MUJI แพงหน่อย 600-1,200 บาท แต่คุณภาพดี (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงไป เพราะในรูปนี้ซื้อหลายปีแล้ว) ถ้าของถูกกว่านี้หน่อยมีตามร้านของแต่งบ้านที่บอกไว้
ทีนี้ปุ้ยจะลองเล่าเรื่องแนวคิดในการจัดโต๊ะเครื่องแป้งของปุ้ยนะคะ เผื่อเป็นแนวทางและทำให้เข้าใจได้ดีขึ้น และนำไปสู่การประยุกต์ใช้กันได้ค่ะ

หลังจากที่เราแยกประเภท จัดหมวดหมู่ของเครื่องสำอางแล้ว ทีนี้เราก็จะมาเริ่มสร้างบ้านหาที่ทางให้เค้า
สำคัญว่า เครื่องสำอางทุกชิ้นจะต้องมีที่วางแน่ชัด เป็นที่เป็นทาง และจะต้องอยู่ที่เดิมตรงนี้เสมอ นั่นจะทำให้เราสะดวกในการหยิบใช้ พอใช้เสร็จเราก็นำเค้าไปวางคืนในที่ของเค้า แบบนี้จะช่วยให้เราลดเวลาในการแต่งหน้าไปได้เยอะเลย ไม่ต้องมาควานหาว่า “อะไรอยู่ตรงไหน” บางที..หาไม่เจอก็หงุดหงิดมากๆ ด้วย
เทคนิคที่จะใช้ในการ หาที่หาทางให้ของแต่ละชิ้น ปุ้ยจะจัดวางตามลำดับขั้นตอนการใช้งาน (ของเราเอง) อันนี้แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน เอาตามที่เราถนัดเลยค่ะ เรียงตามขั้นตอน และสำคัญว่า ทุกชิ้นจะต้องวางในที่ที่มองเห็น และหยิบใช้ได้ง่าย 
ดังนั้นเทคนิค มองเห็นทุกชิ้น หยิบใช้ง่าย มีช่องวางให้หายใจ หลายคนคงจะงงว่า เกี่ยวกับไรกับช่องวาง..หายใจทำไม?
แต่จะบอกว่า ช่องว่าง” เนี่ยแหละ คือ สาระสำคัญของการจัดระเบียบของปุ้ยเลย เพราะว่า ช่องว่างจะทำให้เรามองเห็นถนัด และทำให้เราหยิบของแต่ละชิ้นได้ง่าย กล่าวคือ เวลาหยิบชิ้นนึง..มือจะไม่ไปโดนของชิ้นข้างๆ มันจะช่วยให้ง่ายต่อการหยิบใช้ และง่ายต่อการวางคืนตำแหน่งเดิม ที่สำคัญ จะทำให้เกิดความสวยงามขึ้น ไม่เชื่อลองดูซิ 

ดังนั้น “ช่องวาง” เท่าไหร่ดี? คำตอบคือ ระยะที่เราหยิบของแต่ละชิ้นแล้ว “นิ้วหรือมือ” ไม่ไปโดยชิ้นข้างๆ ให้กระดิกหรือล้มนั่นเอง 
(ตอนจัดแรกๆ ช่องอาจจะกว้างเกิน หรือ แคบเกิน พอเริ่มฝึกให้ชีวิตมีช่องว่าง ซักพักจะเริ่มรู้ระยะช่องวางของตัวเองค่ะ) 
และช่องว่างนี้ก็คือ ความลับของ “ความเข้าถึงง่าย ที่เกริ่นไว้ว่าเป็นวัตถุประสงค์ของการทั้งปวงนั่นเอง
พอจัดแจงทุกอย่างด้วยความรักแล้ว ทีนี้ ความสวยงาม มันจะบังเกิดขึ้นเอง

ทฤษฎีเราปึกละ ทีนี้มาดูหน้าตาโต๊ะเครื่องแป้งของจริงที่ปุ้ยว่ากันค่ะ
(ในรูปนี้ ทุกอย่างเอื้อมหยิบถึง เมื่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้) ด้านล่างนี้คือแผนภาพที่ปุ้ยเขียนขึ้นมาจากโต๊ะเครื่องแป้งของปุ้ย
เวลาใช้งาน ปุ้ยจะนั่งตรงกับกระจกที่วางอยู่นะ ตัวนั่งชิดขอบโต๊ะ จะได้เห็นกระจกชัดๆ โดยกระจกจะถูกเทินไว้ให้สูงพอที่เห็นหน้าตัวเองพอดี
ปิดลิ้นชักด้านซ้ายไว้ (เก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้ นานๆ ใช้ที) เพื่อปล่อยให้ลิ้นชักด้านขวา ได้เปิดออกง่าย 

พอเริ่มแต่งหน้าด้วยขั้นตอนที่ 1: BASE MAKEUP เอื้อมไปหยิบสกินแคร์และครีมกันแดดได้พอดี ดังนั้นถ้าวางขั้นวางของก็ควรกะระดับว่าเทินกันแล้ว ไม่สูงเกินไปที่จะหยิบถึงเมื่อเรานั่งอยู่ที่เก้าอี้  ถ้าสังเกตเครื่องสำอางเยอะมาก ปุ้ยไม่ได้ใช้ทุกชิ้นพร้อมกันในครั้งเดียวนะคะ แต่นี่คือ ที่เลือกมาแล้วว่า “ได้ใช้” 
ลองดูลูกศร ขั้นตอนของปุ้ยจะดำเนินตามนี้ พอจบขั้น MAKEUP BASE ปุ้ยจะกระโดดมาที่ SETTING POWDER โดยเปิดลิ้นชักด้านขวาออกมา
จริงๆ จะวางกระปุกแป้งไว้ด้านบนโต๊ะก็ได้ แต่พอดีมีหลายประปุก เลยจัดไว้ตรงในลิ้นชักดีกว่า มันเป็นตำแหน่งใกล้สุดของมือขวา เปิดออกมาก็หยิบพัฟมาตบที่หน้าได้เลย
จากนั้นเริ่มแต่งตาขั้นที่ 2: EYE  MAKEUP เขียนคิ้วก่อน แล้วก็อายชาโดว แล้วก็อายไลเนอร์ ชุดแปรงอยู่ทางขวาบน เอื้อมหน่อย แล้วเปิดลิ้นชักอายชาโดวตรงหน้า มาสคาร่าที่ใช้ทุกวันก็จะวางใกล้ๆ ด้านขวา (แต่ในรูปจะถูกเอาไว้ไว้ไกลหน่อย ขออภัย)
ต่อมาขั้นตอนที่ 3: CHEEKS ปุ้ยจะเลือกบลัชออนที่ใช้ประจำๆ ไว้ตรงด้านบน ทั้งไฮไลท์และเฉดดิ้งด้วย ส่วนอันที่นานๆ ใช้ก็ไว้ในลิ้นชักอะคริลิก แล้วก็ชั้นวางถัดไปด้านขวา (คือต้องเอื้อมไกลหน่อยนึง) แล้วอันที่น๊านนนนนานนนจะใช้ทีก็ไว้ในลิ้นชักด้านล่างเลย
ขั้นตอน 4: LIPSTICK ก็เลือกสีที่ใช้บ่อยวางไว้ใกล้ๆ ส่วนอันที่นานๆ ใช้ที เก็บไว้ในลิ้นชักด้านล่าง
พอแต่งหน้าเสร็จ ก็จะไปแต่งตัว แล้วค่อยกลับมา ขั้นตอนสุดท้าย 5: FINISHING
ก็เลยวางไว้ด้านมุมซ้ายของโต๊ะ (แต่งตัวเดินแล้วเดินกลับเข้ามาไปทางซ้ายของโต๊ะ)

สรุปอะไรที่ใช้ประจำ ไว้ในส่วนที่หยิบถึงง่ายๆ ตอนที่นั่งอยู่ ส่วนอะไรไม่ค่อยได้ใช้ ไว้ปลายๆ โต๊ะหรือในลิ้นชัก
เครื่องสำอางทุกชิ้นมีที่ทางของตัวเอง และไม่มีชิ้นไหนถูกวางซ้อนหรือทับกัน (เพราะมันจะไม่ถูกเห็นและไม่ถูกใช้ แต่จะถูกลืมไปในที่สุด)

หลายคนคงอยากเห็นแบบชัดๆ มาดูรายละเอียดในแต่ละชั้นวางกัน จะเห็นชัดถึงคำว่า “ช่องว่าง”
(รบกวนอ่านต่อที่คอนเมนท์นะคะ ข้อความมันเกิน 10,000 ตัวอักษรสำหรับตั้งโพสต์กระทู้)
ชื่อสินค้า:   MUJI Acrylic
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่