ชีวิตจากต่างโลกอาจแกร่งกว่าที่คาดการณ์

ชีวิตจากต่างโลกงั้นหรือ เป็นไปได้มากกว่าที่เราคาดการณ์ บางครั้งมันอาจกลับมา ในเวลาที่ดวงตะวันถึงแก่การหลับไหล
เรื่องของชีวิตในต่างโลกบางครั้งถูกคัดค้านจากคนที่ไม่สนใจในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงคนที่กำลังอยู่ในระดับการค้นคว้าวิจัยในด้านต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนการที่จะค้นพบชีวิตจากต่างโลกมันจะถูกประเมินค่าใว้สูงขึ้น ชีวิตแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดการณ์ใว้ ชีวิตสามารถรอดได้ ในสภาวะ
ที่คู่ต่อสู้อาจคิดไม่ถึง อย่ามาดูกถูกพลังของธรรมชาติ อย่าประเมินค่าของสิ่งมีชีวิตเอาใว้ต่ำเกินใน ด้วยการไปค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัในช่วงสองปีมานี้ เป็นไปได้สูงว่าชีวิตจากต่างโลกจะกลับมา  เมื่อบางครั้งคนบอกว่าชีวิตมันเป็นสารเคมีที่ซับซ้อนและน่าอัศจรรย์ องค์ประกอบของชีวิต
กลับง่ายดายอย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นไฮโดรเจน คาร์บอน และออกซิเจน พวกเขานั้นเป็นธาตุเคมีที่ค้นพบได้ง่ายขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ ใช่
พวกเขาพบได้ทั่วไปในจักรวาล องค์ประกอบของชีวิตนั้นมันง่ายดายกว่าที่เราคาดการณ์ใว้ตอนแรกมาก ในที่นี้รวมไปถึงกรดอะมิโนด้วย ซึ่งมันเป็นเช่นเดียวกับโปรตีนอื่นๆ ที่สร้างข่ายใยยึดเกาะ และโครงข่ายเคมีขึ้นมาในร่างกายของเรา  ตัวอย่างของกรดอะมิโนนั้นถูกค้นพบในดาวหางซึ่งมันชี้ว่า
น่าจะมีชีวิตจากต่างโลกอยู่จริง และพวกเขาก็รอดชิตอยู่ระหว่างดวงดาว การค้นพบส่วนผสมทางเคมีของกรดเคมีบางประเภทบนดาวอังคาร ซึ่ง
มันอยู่ในการค้นหาของนาซา ที่จะให้ผู้คนค้นพบโมเลกุลแห่งชีวิต ที่มันแสดงให้เห็นชีวิตจากต่างโลกที่มันจะอาศัยอยู่บน
ดาวอังคาร มันเริ่มค้นหาตั้งแต่วันที่คิวริออสซีตี้ได้ทำการลงจอดบนดาวอังคารในปี 2012 มันได้ทำการเก็บเอาตัวอย่างหินและทรายบนดาวอังคารมา
เพื่อการค้นหาการดำรงอยู่ของโมเลกุลชีวภาพ โครงข่ายของสายคาร์บอนที่ซับซ้อน ที่ให้กำเนิดชีวิตบนโลกของเรา แม้ครั้งที่แล้วจะค้นพบรูปแบบ
ของสารเคมี ที่บ่งบอกได้ถึงการกำเนิดขึ้นมาของชีวิต แต่มันก็ได้ค้นพบตัวอย่างของเคมี ที่มันมีรูปร่างคล้ายกับว่ามันเป็นผนังเซลล์บนโลก
คราวนี้เราก็ได้ค้นพบตัวอย่างของสารเคมีที่ซับซ้อน คล้ายกับตัวอย่างชีวภาพตกค้างที่พบในบ่อน้ำมันแลพแก้สบนโลก โครงสร้างทางชีวภาพ
ขนาดยักษ์ของโมเลกุล แม้จะเจอเป็นสัดส่วนแค่ไม่กี่ส่วนในล้านส่วน มันก็ได้ทำให้เห็นแล้ว ว่ามันมีปริมาณมากมายร่วมร้อยเท่าของการค้นพบก่อนหน้า

ถึงทีมวิจัยจะบอกไม่ได้ ว่าโมเลกุลชีวภาพที่ปรากฏตัวขึ้นมาในครั้งนี้มันเป็นสัญญานของชีวิตจริงๆหรือไม่ หรือว่าเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ทั่วไปทางธรณีวิทยาบนดาวอังคาร พวกเขาได้ทดลองออกมาว่าเคมีที่กำลังปรากฏตัวบนดาวอังคารนี้อาจอยู่รอดมาได้ไม่ต่ำกว่า 3.5 พันล้านปี
ต่อให้อยู่ในความร้อนสูงเคมีพวกนี้ก็อาจถูกทำให้รอดชีวิตอยู่ได้ นักวิทยาศาสตร์กำลังมุ่งหน้าที่สถานที่สำคัญบนดาวอังคารอย่างภูเขาสูง 5000 เมตร
อย่างเอโลริส มอนส์ มันอาจทำให้เจ้านั่นมันทำลายลงอย่างกว่าที่ใครต่อใครคิด และอาจเป็นสถานที่อันเป็นไปได้ สำหรับชีวิตที่จำกำเนิดขึ้น
แต่เอาเข้าจริงชีวิตก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำการค้นหาได้ยากขนาดนั้น ใกลจากโลกไปกว่า 6500 ปีแสง กลุ่มเมฆแอลก์ฮอร์จำนวนมหาศาล
กำลังล่องลอยอยู่ ใช่ พวกมันล่องลอยอยู่ในระหว่างดวงดาว ในบริเวณที่เรียกว่าW3OH แอลก์ฮอร์ที่ค้นพบในบริเวณนี้นั้น ถือเป็นเมทิลแอลกฮอร์ล หรือที่ชาวต่างชาติบางคนกล่าวว่าเป็นแอลกฮอร์ลจากไม้ ถึงเอาเข้าจริงแอลกฮอร์ลในอวกาศกลุ่มนี้จะไม่ได้มาจากไม้ก็ตาม ซึ่งมันไม่เหมาะสมสำหรับ
การดืนกินนะ เพราะว่ามันเป็นพิษนะเออ  แน่นอนว่ามีแอลกฮอร์ลที่กินได้ อย่างเอทิลแอลกฮอร์ลลอยอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ปริมาณจะน้อยกว่า

มันอาจดูประหลาด ที่มีเมฆแอลกฮอร์ลลอยเท้งเต้งอยู่ท่ามกลางอวกาศอันเวิ้งว้างแห่งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เรามีการพบกลุ่มของโมเลกุลที่มีความซับซ้อนอย่างมหาศาล อยู่ในกลุ่มหมอกแอลกฮอร์ลที่ลอยอยู่ในอวกาศ  และส่วนผสมเคมีอันซับซ้อน ได้ล่องลอยอยู่ระหว่างดวงดาวเหล่านี้
สารเคมีที่ซับซ้อนสุดยอดหลายๆ ชนิด ที่ไม่มีการค้นพบบนโลก ก็สามารถค้นหาได้ในอวกาศ ดังนั้นเอาเข้าจริงแอลก์ฮอร์ที่เป็นโมเลกุลง่ายๆพวกนี้
ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากอะไร ที่จะค้นพบพวกมันลอยอยู่ระหว่างดวงดาว

ถึงแอลก์ฮอร์ลที่ลอยอยู่กลางอวกาศจะไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจมากนัก สำหรับผู้รู้ กระนั้นก็ยังคงมีประเด็นทางดาราศา่สตร์ที่น่าสนใจและน่าค้นหาจำนวนมากที่เราอาจได้คำตอบมาจากการศึกษาเมฆแอลกฮอร์ลพวกนี้ เพราะว่าจากการทดลองในตัวอย่างของโมเลกุลที่มีสภาพพึ้นฐานใกล้เคียงกันเมื่อใส่พลังงานเข้าไป โดยปกติเมื่ออะตอมหรือโมเลกุลเปล่งแสงแสงจะเกิดขึ้นแบบสุ่ม อิเล็กตรอนของอะตอมมีพลังงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (อยู่ในสถานะที่ตื่นเต้น) และพวกมันลดลงสู่ระดับพลังงานที่ต่ำกว่าโดยการเปล่งโฟตอน เรื่องนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อการปล่อยพลังงานของก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากพฤติกรรมควอนตัมของอิเล็กตรอนพวกมันสามารถเคลื่อนที่ระหว่างระดับพลังงานที่ไม่ต่อเนื่องเฉพาะ ซึ่งหมายความว่าโฟตอนที่อะตอมหรือโมเลกุลที่ปล่อยออกมานั้นมีพลังงานจำเพาะและสีที่เฉพาะเจาะจง นี่เป็นสาเหตุที่สเปกตรัมของการปล่อยมีรูปแบบเฉพาะนั่นเอง

แต่ถ้าอิเล็กตรอนของกลุ่มหมอกพวกนี้มันอยู่ในสภาวะที่ตื่นตัว และโมเลกุลของพวกมันถูกพุ่งชนโดยโฟตอน ก็อาจทำให้เกิดเรื่องอย่างการลดระดับพลังงานลงมา พร้อมกับปลดปล่อยโฟตอนออกมาได้  ซึ่งได้เชื่อว่าการปล่ดปล่อยพลังงานก็าซ การปลดปล่อยพลังงานนี้ สิ่งที่จับได้ก็คือการปล่อยก๊าซที่ถูกกระตุ้นนั้นไม่สามารถกระตุ้นได้ด้วยโฟตอนใด ๆ มันจะต้องถูกกระตุ้นโดยโฟตอนของพลังงานเดียวกับที่อิเล็กตรอนปล่อยออกมา ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือโฟตอนของพลังงานที่ถูกต้องกระทบกับโมเลกุลกระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยจากนั้นโฟตอนแรกและโฟตอนใหม่ของพลังงานที่มีระดับเดียวกันก็จะไปตามทางเดียวกัน

การค้นพบสรุปนี้ว่า โฟตอนสามารถกระตุ้นโมเลกุล เพื่อปลดปล่อยโฟตอน และมันสามารถกลายสภาพเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น ด้วยการกระตุ้นกลุ่มของโฟตอน ให้ทำการปลดปล่อยโฟตอนออกมามากขึ้นไปอีก เนื่องจากโฟตอนเหล่านี้เดินทางไปด้วยกันพวกเขาจึงมีการเปลื่ยนแสงสว่าง
ที่ประสานกันอย่างรุนแรงและเจิดจ้ามากขึ้นไปอีก

ด้วยเลเซอร์ที่พบบ่อยโมเลกุลที่ถูกกระต้นให้มีพลังงานสูงนั้นจะถูกบรรจุไว้ในช่องออสซิลเลชั่นดังนั้นโฟตอนที่ปล่อยออกมาจะถูกส่งกลับไปกลับมาภายในโพรง (ด้วยการส่งแต่ละครั้งที่กระตุ้นให้เกิดการกระตุ้นมากขึ้น) ก่อนที่จะออกมาเป็นลำแสง นี่คือเหตุผลที่ตัวชี้เลเซอร์ขนาดเล็กสามารถทำให้จุดสว่างบนผนังของคุณ แต่วัตถุฟิสิกส์ดาราศาสตร์ไม่มีช่องว่างการสั่นดังนั้นโฟตอนที่ถูกกระตุ้นจะส่งผ่านเพียงครั้งเดียวผ่านโมเลกุลที่ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ดังนั้นไมโครเวฟที่ปล่อยออกมาจึงไม่ค่อยมีความเข้มข้นเท่ากับคำว่า "เลเซอร์ไมโครเวฟ" ถึงกระนั้นวัตถุฟิสิกส์ดาราศาสตร์ก็ยังผลิตแสงจ้าในช่วงความยาวคลื่นแคบ ๆ

แล้วสิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเมฆแอลกอฮอล์ในอวกาศ? เพื่อที่จะก่อให้เกิด maser astrophysical คุณจะต้องมีเงื่อนไขที่เหมาะสม สำหรับหนึ่งคุณต้องมีประเภทของโมเลกุลที่มีสายการปล่อยที่แข็งแกร่งเช่นโมเลกุลเมทิลแอลกอฮอล์ คุณต้องการให้พวกมันมีความเข้มข้นพอสมควรดังนั้นโฟตอนที่ถูกกระตุ้นสามารถชนกับโมเลกุลอื่นเพื่อทำให้เกิดน้ำตก เมฆระหว่างดวงดาวของเมทิลแอลกอฮอล์จะทำอย่างดี ในที่สุดคุณก็ต้องการแหล่งพลังงานเช่นโปรโตสตาร์เมื่อมันเริ่มร้อนขึ้น

เงื่อนไขที่แน่นอนเหล่านั้นมีอยู่ใน W3 (OH) เพราะเมฆแอลกอฮอล์ล้อมรอบแหล่งกำเนิดของดวงดาวแห่งนี้ คุณสามารถดูพึ้นที่นี้ในภาพด้านบน ที่นี่เมฆแอลกอฮอล์ถูกมองว่าเป็นพื้นที่สีผิดในขณะที่จุดสีขาวแสดงถึงตำแหน่งของวัตถุฟิสิกส์ดาราศาสตร์
เมื่อผู้เชี่ยวชาญประดิษฐ์เลเซอร์ประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกในปี 1950 พวกเขาคิดว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งหมด ตอนนี้เรารู้ว่าเลเซอร์เป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ
ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่สิ่งมีชีวิตจะอาศัยอยู่ได้ อันที่จริงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายเช่นกัน ตั้งแต่ในปี 1995 มันทำให้เราได้ค้นพบว่า
มันไม่ได้มีพิภพอยู่ในระบบสุริยะของเราเท่านั้น แต่เราสามารถค้นพบมันได้ในตลอดกาลอวกาศ ปัจจุบันมีการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะไม่ต่ำกว่าสี่พันดวง จากการค้นพบนี้ ทำให้นักดาราศาสตร์ได้ตัวเลขคาดการณ์ที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก  อาจมีดาวเคราะห์คล้ายโลกมากกว่า 40 ล้านดวง ที่กำลังลอยอยู่ในฮาบิเทเบิลโซน ซึ่งดวงดาวเหล่านั้นล้วนแต่มีของเหลว
ในรูปแบบของน้ำอยู่บนพึ้นผิวได้จริงๆ โอ้โหเฮะ


มันเป็นไปได้ด้วยซ้ำ ว่าอาจมีพิภพคล้ายโลก ลอยอยู่ห่างพวกเราไปในระยะไม่เกิน 4 ปีแสง
ที่อัลฟ่าเซนทอรีและพรอกซิมาเซนทอรี มีดาวดวงหนึ่งโคจรรอบดาวแม่ 11-12 วัน
และดาวดวงนั้นมันมีน้ำอยู่บนพึ้นผิว เป็นไปได้ว่างานนี้เราจะไปสำรวจมันกันได้เร็วๆนี้นั่นเอง
ด้วยโครงการเบรคเอาท์สตาร์ช็อค ที่ถูกคิดขึ้นโดยสตีเฟ่นฮอว์กิ้ง ที่จะทำการส่งโพรบนาโนจำนวนมหาศาลให้ลอยไปในอวกาศ มันจะเข้าไปด้วยความเร็วใกล้เคียงแสง มันจะเดินทาง
ไปจนสุดแดนของอวกาศ และชีวิตนั้นแข็งแกร่ง โดยเฉพาะชีวิตที่ปรากฏตัวขึ้นมาบนโลกในยุคแรกๆ ฟอสซิลของพวกอาร์เคียที่ทนทานต่อความร้อนสูงนั้นปรากฏตัวบนโลกของเรา ตั้งแต่ 3.5 พันล้านปีก่อน แต่หลักฐานจากดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตในยุคโบราณ ชี้ว่าดาวเคราะห์ที่เหมือยอยู่ไม่ได้ของเรา อาจกลายเป็นสวนอีเดน กับชีวิตบางแบบที่มีความทนทานมากเพียงพอ ชีวิต
ช่างยิ่งใหญ่ และอยู่รอดได้ แม้ในสภาวะที่เหมือนกับนรกสำหรับเรา  ในทะเลสาบกรดซัลฟิวริกเข้มข้น แบคทีเรียและอาร์เคียกำลังหาอาหารกินอย่างมีความสุข

ในทะเลขยะรังสีในอังกฤษ ซึ่งมีกัมมันตนภาพรังสีรุนแรง และมีค่า PH สูงกว่า 12 ไม่ว่าจะเป็นกรดพิษร้ายแรงจากอัลคาไลน์  ทะเลด่าง หรือแม้แต่ความร้อนเกือบๆ ร้อยองศาก็ไม่สามารถฆ่ามันได้ พวกมันสามารถขับพิษออกมาได้อย่างรวดเร็ว และย่อยขยะนิวเคลียร์ให้กลายเป็นอาหารอันโอชะ นี่ขนาดในนรกรังสีที่จะฆ่ามนุษย์ในเวลาสั้นๆพวกมันยังรอด แม้แต่ในนรกใต้ทะเลที่ความดัน 40 เมกะปาสคาล และความร้อนของน้ำมากกว่า 122 องศา มันก็รอด แม้แต่ในสุญญากาศบนดวงจันทร์ หรือนรกใต้เปลือกโลกที่ความลึกมากกว่า 5 กิโลเมตรมันก็รอด

ที่มันอาณานิคมของมันอาจใหญ่กว่า 2 ลูกบากศ์กิโลเมตร

อ้างอิง
https://www.sciencealert.com/here-s-how-aliens-went-from-a-sci-fi-fairy-tale-to-a-serious-scientific-endeavour
https://onlinelibrary.wiley.com/doi/abs/10.1111/j.1945-5100.2009.tb01224.x
https://www.sciencemag.org/news/2018/06/nasa-rover-hits-organic-pay-dirt-mars
https://science.sciencemag.org/content/347/6229/1402
https://science.sciencemag.org/content/360/6393/1096
https://www.pnas.org/content/early/2013/10/31/1319909110/tab-article-info
https://www.pnas.org/content/115/1/53.short
https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0923250803001141
https://www.nature.com/articles/ismej2014125
https://www.theguardian.com/science/2018/dec/10/tread-softly-because-you-tread-on-23bn-tonnes-of-micro-organisms
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่