การย้อนไปดับ เสียซึ่งอวิชชา ที่เห็นได้ยาก รู้ได้ยาก ดังนี้

รูป-นาม ที่เป็นอยู่ นั้นแหละคือผลของ อวิชชา.

นั้นจึง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา.

เป็นการให้เกิดปัญญา ย้อนเกล็ด ไปดับซึ่งอวิชชา เสียได้.

         จากพุทธพจน์

สิ่งใดไม่เที่ยง    สิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นทุกข์   สิ่งนั้นเป็นอนัตตา

อธิบาย ซึ่ง รูป-นาม ก็เป็นเช่น ดังพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้.

    เมื่อพิจารณาเนืองๆ ว่า นั้นไม่ใช่เรา นั้นไม่ใช่ของเรา นั้นไม่ใช่ตัวตนของเรา จึงย่อมเกิดปัญญาญาณ ดับอวิชชาได้ นั้นเอง
แต่การจะกำหนดรู้ สิ่ง ที่เป็น รูป-นาม ที่เป็นตัวตนแห่งตนนั้น ก็ต้องอาศัย สติปัฏฐาน 4 (พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม) นั้นเอง

   เมื่อเจริญจนสมบูรณ์ด้วย อธิบาท 4 พละ 5 สัมมัปปทาน 4 อินทรีย์ 5 ย่อมให้สติปัฏฐาน 4 สมบูรณ์
 
   เมื่อสติปัฏฐาน 4 เจริญสมบูรณ์ ย่อมทำให้ โพชฌงค์ 7 เจริญสมบูรณ์

   เมื่อโพชฌงค์ 7 เจริญสมบูรณ์ ย่อมทำให้ มรรคมีองค์ 8 เจริญสมบูรณ์

   เมื่อมรรคมีองค์ 8 สมบูรณ์ ก็คือโพธิปักขิยธรรม 37 ประการสมบูรณ์สมดุลย์ ย่อมทำให้เกิด มรรคสมังค์ บรรลุธรรมไปตามลำดับของพระอริยะ บุคคลจนที่สุดถึงอรหันตมรรคอรหันตผล.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่