มีเรื่องอยากบอกพี่ผู้ชายท่านนึงที่เล่นเวทใน Fitwhey Gym ช่วงเที่ยงคืนถึงตีสามค่ะ

สวัสดีค่ะ พยายามทบทวนหนักมากว่าจะลงกระทู้ดีมั้ย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ก็เลยเป็นที่มาของกระทู้นี้ค่ะ

ปกติจะเป็นคนที่ออกกำลังกายเองที่บ้านค่ะ และต้องการลดน้ำหนัก (เคยป่วยเป็นซึมเศร้าค่ะและอ้วนขึ้นจากเหตุการใช้ยาต้านเศร้าและความเจริญอาหารที่มากว่าปกติ ตอนที่ป่วย เรื่องออกกำลังกายคืออีกเรื่องที่จะทำชีวิตตัวเองเกือบตายเลยค่ะ เพราะไม่อยากออก ไม่มีกำลังใจจะออก ความไม่รักตัวเองด้วยแหละค่ะ เพราะคิดว่าทำไมต้องออกกำลังกาย ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่เพื่อเป้าหมายอะไรอยู่แล้ว ...) แต่พอตัวเองเริ่มดีขึ้น ตอนนี้ไม่ได้ใช้ยาแล้ว อยู่ๆก็รักตัวเองขึ้นมาค่ะ เลยตัดสินใจเปลี่ยนตัวเอง เริ่มกลับมาออกกำลังกาย มาเต้นแอโรบิคก่อน และก็เริ่มกลับมาว่ายน้ำในรอบหลายสิบปี จนในที่สุด ด้วยความพร้อมอะไรหลายๆอย่างทั้งเรื่องเวลาและก็เรื่องเงิน และเพื่อนสนิทก็เข้าฟิตเนสในจังหวัดของเขาด้วย ก็เลยตัดสินใจเข้าฟิตเนสบ้างค่ะ

จริงๆหอทำงานอยู่โซนสุวรณภูมิ แต่มาใช้บริการที่นี่เพราะเค้ามีรายวัน ใกล้บ้านตัวเอง เดินทางจากบ้านไปก็ง่าย และก็เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เวลาว่างของตัวเองที่แน่นอนค่ะ เราดูรีวิวก็รู้สกว่าที่นี่เค้าเล่นจริงจังมาก หลายๆเหตุผลค่อนข้างเอื้อให้ไปใช้บริการที่นี่ ก็เลยตัดสินใจไปใช้ที่ Fitwhey Gym ลาดพร้าว 101 แยก 39 ค่ะ 

ความที่เราไม่ได้กลับบ้านช่วงสงกรานต์และก็รับงานเสริมทำช่วงสงกรานต์(เฝ้าโรงงาน ให้อาหารหมา รดน้ำต้นไม้) ทำให้ว่างก็เลยใช้เวลานี้ไปเรียนรู้พวกเครื่องออกกำลังกายต่างๆในยิมค่ะ ที่ยิมค่อนข้างคนน้อยมากๆ กลางดึกถึงช่วงเกือบสว่าง ยิมใหญ่ๆแต่เล่นกันอยู่ 5-6 คน ค่อนข้างส่วนตัวมากๆ ก็ถือเป็นการตะลุยดงเครื่องออกกำลังกายไปเลย พอไปครั้งแรกก็ติดใจค่ะ รู้สึกสนุก ก็เลยเริ่มหาความรู้เองจากในเน็ต ดู Youtube แล้วก็ลองจัดตารางออกกำลังกายของตัวเองดู และเวลาที่เราค่อนข้างสะดวกก็คือช่วง 5 ทุ่มไปแล้วจนถึงเช้าเลยค่ะ เพราะนั่งรถเมล์ไปยิมและตอนเช้าก็ถึงเวลาที่รถสองแถวและรถเมล์วิ่งออกจากท่ามาแล้วพอดี ก็เลยเป็นเหตุให้ได้เจอพี่คนนี้ในยิมค่ะ

ปกติจะคาร์ดิโอก่อนประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง บางวันถึกหน่อยก็ 2 ชั่วโมงก็มีค่ะ จากนั้นก็จะนั่งพักสักครึ่งชั่วโมงก็จะไปเล่นเวทเทรนนิ่งต่อ วันไหนเล่นโซนไหนก็จัดไปค่ะ แต่เราจะเน้นคือขา หลัง และก็หน้าอกค่ะ แล้วเป็นคนที่ไม่แต่งหน้าไปยิมด้วย คือไปแบบหน้าสด แต่งตัวก็เหมือนคนทำงานปกติเลย ไม่ได้แบบสาวจ๋า หญิงจ๋าขนาดนั้น แต่ก็คือใส่กางเกงออกกำลังกายกับเสื้อยืดบางๆ ด้านในก็สปอต์บราบ้าง ไม่ก็เป็นเสื้อยืดทึบ กางเกงวอร์มไปเลยค่ะ กลับบ้านก็มีเสื้อวอร์มทับอีกทีแบบตัวโคร่งๆ คือแทบไม่ได้แต่งตัวแบบผู้หญิงสวยๆเค้าแต่งกัน เวลาออกกำลังกายก็จริงจังหนักมาก เหงื่อเต็มตัวไปหมด แล้วใส่หูฟังไม่สนใจชาวบ้านเค้าด้วย บางทีเบื่อๆแต่อยากเก็บสถิติการออกกำลังกายให้ได้ตามเป้าหมาย ก็จะร้องเพลงเบาๆไปด้วย หรือโยกหัวไปตามเพลง EDM หรือ KPOP มันส์ๆที่ทำให้เราสามารถออกกำลังต่อไปได้ จะมีมองสมาชิกรอบๆตัวบ้างแบบเออ เค้าหุ่นดีเนอะ คนนี้วิ่งเก่งจัง บลาๆๆค่ะ จะเป็นการมองเพื่อจูงใจตัวเองให้ออกกำลังกายมากกว่า

แต่มันก็มีความรู้สึกขึ้นมาค่ะ อาจจะเป็น Sense ที่รู้สึกก็ได้ คือช่วงที่เล่นเวทเทรนนิ่งค่ะ เราก็สังเกตเห็นพี่ผู้ชายคนนึงค่ะ จะคอยเล่นอยู่ใกล้ๆเรา  อย่างบางที เล่นโซนอกอยู่ ห่างไปสัก 3 เครื่องก็เจอพี่เค้าเล่นข้างๆเราแล้ว (คือเดินมาเลย) อย่างหนักสุดก็คือนั่งฝั่งตรงข้ามกันเลยค่ะ เราก็เล่นตามเซ็ต ส่วนเค้าก็พักในเซ็ต เราพัก เขาก็เล่นตามเซ็ตของเขา แล้วมันแอบรู้สึกว่าเขาแอบมองเรา เพราะไม่ว่าเราจะไปยืนจุดไหน เขาเห็นเขา และเขาก็เห็นเราผ่านกระจกของยิมหมดเลยค่ะ (มันมีมุมที่เห็นได้หมดในทุกโซนของ WT อะค่ะ จุดนี้จะอยู๋ตรงโซนดัมเบลค่ะ) ตอนแรกคิดว่าตัวเองคิดมาก แล้วเป็นคนที่แบบเวลาเกิดอะไรแบบนี้จะกลัวการผูกมัด แบบว่าเหยย...แกน่ะคิดมาก จนมั่นใจว่าใช่แน่ๆ เพราะว่าเราก็ฟังเรื่องที่เพื่อนโดนผช.แอบมองในฟิตเนสเล่าให้ฟังและคอยปรึกษาเราเหมือนกัน ตอนแรกก็ได้แต่ให้คำแนะนำค่ะ แต่ไม่มีสถานการณ์จริงเป็นข้ออมูลเลย จนมาเจอกับตัวเองนี่แหละค่ะ เลยเข้าใจเพื่อนทันทีแบบไม่ต้องพูดเยอะ

ก็นะคะ สงกรานต์หยุดยาว มาเกือบทุกวันค่ะ ก็จะเจอพี่เค้าแบบเนี้ยทุกวันเหมือนกัน ตอนแรกก็เฉยๆค่ะ แต่เจอบ่อยๆก็เริ่มเขินบ้างอะไรบ้างแล้ว (จริงๆมีคนที่เคยชอบมานานมากๆจนไม่เปิดโอกาสตัวเองไปเจอคนอื่น แต่ตอนนี้คนนี้เค้า Commit กับคนอื่นไปแล้ว เราไม่ชอบการเป็น Choice ของใครก็เลยตัดความสัมพันธ์กับคนนี้และก็ทำใจมาได้ประมาณเดือนกว่าๆแล้ว ตอนนี้ก็คือโสดค่ะ โสดแบบเราสามารถมองคนอื่นแบบไม่รู้สึกผิดกับใครอีกแล้ว) แต่เวลาเจอกัน คือมองกันไปมาอย่างเดียวค่ะ ไม่เคยยิ้มแบบปะทะกันสักที (เราไม่กล้าเองค่ะ) ครั้นจะให้ไปหา contact เค้าใน Location ของยิมก็ไปหามาแล้วค่ะ แต่ไม่เจอ 55555 แต่ก็ทำให้รู้ว่าเค้ามาเล่นประจำช่วงเที่ยงคืนถึงตีสาม และก็น่าจะเป็นสมาชิกแบบรายเดือนค่ะ เพราะเวลาเค้าเล่นเวทเสร็จ เขาก็สแกนชิปแล้วก็เดินออกไปลานจอดรถเลย จะต่างกับรายวันแบบหนูที่สแกนชิปแล้วต้องไปคืนชิปกับกุญแจล็อคเกอร์ที่เคาน์เตอร์ก่อนออกค่ะ

ถามว่าเอกลักษณ์ของพี่คนนี้เป็นยังไง? กล้ามเค้าค่อนข้างปูนะคะ บางวันก็ใส่เสื้อฝึกเวท บางวันก็จะใส่เสื้อยืดปกติ แต่ที่เด่นๆคือรองเท้าผ้าใบสีเทาแถบขาว กางเกงขาสั้นสีเทาอ่อน ใส่หูฟัง Bluetooth สีดำ ... ตลอดที่เจอพี่เค้านี่คือ item ที่เค้าใส่บ่อยที่สุดค่ะ ผิวค่อนข้างขาวค่ะ ตี๋ด้วย  และก็เวลาฝึกเวทที่ม้านั่ง จะชอบเอาเสื้อรองที่ม้านั่ง (น่าจะกันเหงื่อมั้งคะ คิดว่าค่ะ) พอฝึกเสร็จ เค้าจะถอดเสื้อเปลี่ยนที่นั่นเลยแล้วก็กลับ (ที่ขำตัวเองหนักมากคือเป็นคนที่ชีวิตไม่ค่อยข้างเกี่ยวกับ ผช. ถ้าคนนั้นไม่ใช่ไอดอลที่เราชอบผลงานเค้า ดังนั้นบรรดาผู้ชายที่ถอดเสื้อโชว์ซิคแพ็คจะไม่มีอิทธิพลกับหนูเลย จะไม่ตื่นเต้นใดๆ และสามารถยืนมองโดยไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ถ้าผช.คนนั้นมีผลต่อชีวิต...หนูจะมี Reaction ทันทีที่เค้าถอดเสื้อค่ะ อาการก็คือตัวเองจะเขิน แล้วหนีหน้าไปทางอื่น ซึ่งคนที่ทำให้เป็นแบบนี้ในชีวิตมี 3 คนค่ะ คือคนที่เคยแอบชอบสมัยเรียน คนที่พึ่งตัดเค้ามาและพี่คนนี้ก็คือคนที่สามในชีวิตค่ะ ... มันมีวันนึงค่ะ เราเล่นโซนอกค่ะห่างจากโซนดัมเบลที่เค้าเล่นแค่ 2 ช่วงตัว พี่เค้าเล่นเสร็จก่อนก็ถอดเสื้อตรงนั้น จังหวะตัวเองกำลังเช็ดเหงื่อที่หน้า เห็นเค้าง้างเสื้อจะถอดเปลี่ยน เราเอาผ้าเช็ดเหงื่อคลุมหัวคลุมหน้าแล้วหันหน้าหนีเลยค่ะ กว่าจะมีสติก็คือ...ขำตัวเองหนักมากว่าเอ้ยยยย เป็นไปได้ขนาดนี้ได้ไงเนี่ย 555555)

ก็นั่นแหละค่ะ มันเป็นโมเมนต์ที่เกิดจากฝั่งหนูฝั่งเดียวนะคะ หนูไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ (ต่อให้รู้สึกก็ไม่กล้าคิดไกลค่ะ เป็นคนขี้กลัว เพราะผิดหวังซ้ำซ้อนมาเยอะแล้วค่ะ รู้สึกได้ค่ะแต่ไม่เชื่อตัวเองเลย ถ้าเขาไม่มาบอกด้วยตัวเอง) สาเหตุที่มาตั้งกระทู้นี้เพราะว่าวันนี้ที่ตั้งกระทู้ หนูจะไปเล่นในช่วงเวลานั้นเป็นวันสุดท้ายแล้วค่ะ (อย่างที่บอกค่ะว่าเป็นคนที่ไม่รู้เวลาว่างของตัวเองที่แน่นอน) สมมติว่าถ้าวันนี้ไม่ได้ contact กันอีก ก็น่าจะเจอกันยากแล้วค่ะ หนูอาจจะมาเล่นตอนกลางวัน ตอนเช้าตรู่ หรืออีกสามเดือนข้างหน้า หนูอาจจะกลับมาเล่นช่วงกลางดึกอีกก็ได้ แต่สิ่งที่หนูอยากบอกคืออยากขอบคุณ หนูไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆนี้คืออะไร ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง แต่ก็ขอบคุณค่ะที่เข้ามาเป็นความรู้สึกดีๆในช่วงที่ตัวหนูค่อยๆปรับตัวเองเข้าสู่สังคมมากขึ้น พยายามพาตัวเองไปเจอคนในสังคมใหม่ๆมากขึ้นจากที่เคยปิดกั้นตัวเอง มันทำให้การเข้าฟิตเนสครั้งแรกเป้นเรื่องที่สนุกและอยากมาเรื่อยๆ แอบเสียดายค่ะที่จะไม่ได้มาเวลาเดิมอีกแล้ว (ใจหายค่ะ) ไม่รู้จะไปส่องทางไหนด้วย แถมไม่รู้อีกต่างหากว่าพี่เป็นผู้ชายแท้ๆหรือเปล่า อาจมีแฟนแล้วและอาจจะแค่มองเฉยๆ ไม่จริงจัง หรือเผลอๆอาจกลายเป็นว่าหนูอายุมากกว่าก็ได้ 5555 แต่ถ้าสิ่งที่หนูกังวลมาทั้งหมด คำตอบคือไม่ใช่ ก็ยินดีที่จะรู้จักนะคะ หนูก็ยินดีที่จะเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้และรู้จักคนอื่นๆมากขึ้นด้วย

อืม... ก็ถือว่าได้บอกแล้วค่ะ ส่วนหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นมั้ยก็แล้วแต่ชะตาแล้วกันค่ะ (เหมือนไม่คาดหวังแต่คาดหวังเลยค่ะ คือเป็นคนผิดหวังมาเยอะ และชีวิตก็จะแปลกๆ ไม่เหมือนชาวบ้านเค้า มี Timeline ชีวิตที่ช้ากว่าคนอื่น ก็เลยจะตั้ง mindset ตัวเองว่าเหมาะกับการเป็นคนโสดไปตลอดชีวิตมากกว่า ตราบใดที่ยังคงลืมคนเก่าที่ชอบมากๆๆไม่ได้ หรือชีวิตตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ก็ไม่มีสิทธิ์คิดเรื่องพวกนี้ และมันก็น่าจะยากที่จะหาใครสักคนที่เค้าเข้าใจตัวเรา เข้าใจเหตุผลของชีวิตเราที่มันไม่เหมือนคนอื่น มันหลายเหตุผลที่ทำให้ตัวเองคิดแบบนี้ จนมาเจอพี่เค้าที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิดค่ะ ก็เลยตัดสินใจลองวิธีนี้ดู เสี่ยงทายกันไปเลย ถ้าชะตาจะทำให้เค้าเห็นกระทู้นี้ก็ต้องปล่อยให้เป็นไป คิดแต่ว่าก็ยังดีกว่าไม่พูดอะไรเลย แต่ถ้าเค้าจะจริงจังจริงๆ หนูก็ได้แต่บอกว่าพี่งานเข้าแน่ๆ แต่ถ้าพี่จะลองสู้ก็โอเคค่ะ แล้วแต่พี่เลย 5555)

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ เกรงใจเพราะมันยาวมากเลยค่ะ
แต่ก็ขอบคุณค่ะที่สละเวลาอ่านความเวิ่นๆนี้ ;']
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่