แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

โรคนี้เกิดขึ้นกับเราเอง

เหตุเกิดเพราะว่าเราลื่นล้มแต่ไม่ได้รุนแรงอะไร ซึ่งตอนลื่นล้มเรายังมีสติยังใช้แขนทั้งสองข้างมาป้องกันกลัวว่าหัวจะกระแทกพื้น แต่ปรากฎว่ากลายเป็นสะโพกข้างซ้ายของเรากระแทกพื้นแทน แต่เราเจ็บไม่เยอะยังลุกขึ้นมาออกไปเดินซื้อของต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากที่ล้มเราก็ไม่นิ่งนอนใจ รีบไปหาหมอเพื่อเช็คอาการเบื้องต้น เพราะเริ่มมีอาการปวดนิดๆ แต่หมอก็ดูแล้วบอกว่าเราน่าจะเป็นโรคเส้นเอ็นอักเสบก็ได้ยามากกินตามระเบียบ

พอเวลาผ่านไปสามเดือน....อยู่มาวันหนึ่งเรารู้สึกปวดหลังร้าวลงขาข้างซ้าย(ข้างที่ล้มลง) ปวดเหมือนโดนเข็มร้อยๆ เล่มแทงลงมาที่น่องด้านข้างลงไปยังข้อเท้า จะนั่งจะนอน จะเดินก็ปวดไปหมด แม้แต่นั่งหัวเราะกับเพื่อนก็ยังรู้สึกว่ามันสะเทือนไปที่ขา เรามีอาการแบบนี้มาได้หนึ่งอาทิตย์ จนแม่เราบอกว่าลองไปคลีนิค หาหมอโรคกระดูกและข้อดู บางทีอาจจะกระดูกร้าวหรือเปล่า เราก็ลองไปตรวจดู

พอไปเจอหมอ ก็ตรวจดูอาการ หมอก็ให้เรานอนบนเตียง แล้วยกขาขึ้นมา เราก็ร้องบอกว่าปวดมาก หมอเลยให้เรานั่งลง แล้วเหยียดขา บอกเราว่าจะตรวจนิ้วโป้งเท้าซ้าย โดยหมอจะกดนิ้วโป้งเท้าซ้าย ให้เราฝืนออกแรงต้านดูว่าทำได้ไหม หมอใช้นิ้วกดลงไปจนนิ้วโป้งเท้าเราจมลง และเราไม่สามารถบังคับให้มันดันขึ้นมาได้ หมอเลยสรุปอาการได้ทันทีว่าเราเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ก็ฉีดยาระงับปวดให้เราไป และแนะนำให้เราไปหาหมอที่โรงพยาบาล อีกอาทิตย์ต่อมา เราก็มาที่คลีนิคเดิม แต่เจอหมออีกคน ก็ฉีดยาระงับอาการปวดให้เหมือนเดิม

เวลาผ่านไปอีกสองอาทิตย์เราเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยขอลางานไปหาหมอที่โรงพยาบาลเฉพาะทางแห่งหนึ่งในเชียงใหม่

เริ่มต้นวันนี้เป็นวันแรก ที่ไปโรงพยาบาลแบบจริงจังสักที พอไปถึงก็ทำบัตร คัดกรองโรคแล้วเค้าไปพบหมอ ก็เล่าอาการคร่าวๆ ให้หมอฟัง ว่าเราลื่นล้ม แล้วมีอาการปวดหลังร้าวลงขา แล้วทำกิจกรรมปกติเหมือนคนทั่วไปไม่ค่อยได้ ไม่ว่าจะเดิน นอน หรือนั่ง แม้แต่นั่งทานข้าวกับครอบครัวก็นั่งไม่ได้ ต้องยืนทานข้าว หมอเลยให้เราไปทำ MRI เพื่อดูอวัยวะภายใน ราคาเบื้องต้นของการทำ mri อยู่ที่ประมาณ 8,000 บาท (เคสของเรานะ)

ตื่นเต้นมากกับการทำ MRI ครั้งแรก เพราะไม่เคยคิดว่าชีวิตหนึ่งฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ ขั้นตอนแรกก็ถอดพวกเครื่องประดับ พวกโลหะออกให้หมด แล้วเข้าไปยังห้องหนึ่ง เค้าให้เรานอนบนเตียง ไม่อยากจะบอกว่าตอนนั้น ตะแคงนอนบนเตียง แต่ยกขาไม่ขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันยกขาขึ้นมาบนเตียง MRI แล้วเหมือนเรานอนอยู่ในแคปซูล ที่สำคัญคือ ไม่เจ็บและสะดวกสบายเพียงนอนนิ่งๆในท่าที่จัดให้ประมาณ 30-60 นาที ปลอดภัยกว่า เพราะไม่มี x-rays หรือรังสีที่จะดูดซึมตกค้างในร่างกาย สามารถตรวจได้ทุกวัยแม้เด็กแรกเกิดหรือหญิงมีครรภ์ เพราะไม่ต้องฉีดสารอะไรเข้าร่างกาย แต่จะรำคาญกับเสียงเครื่อง MRI เสียงมันจะดังๆ ทำให้ดูน่ากลัวเท่านั้นเอง พอทำ MRI เสร็จ เจ้าหน้าที่นัดเรามาเอาฟิล์มวันพรุ่งนี้เช้า เพราะต้องเอาไปให้หมอวิเคราะห์อาการของโรคต่อ 

วันที่ 2 เรามาเอาฟิล์ม MRI แต่เช้า แล้วไปพบหมอที่โรงพยาบาลเฉพาะทางที่เดิม หมอดูฟิล์มโดยไม่ต้องส่องไฟดู ก็บอกว่าอาการเราก็หนักพอสมควรนะ เป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ข้อที่ L5/S1 แล้วก็ดูคิวนัดวันผ่าเราพรุ่งนี้เลย เรานั่งอึ้งบอกว่าขอเวลาหนูทำใจก่อนได้มั้ยคะ หมอว่าได้เลยแต่จะเลื่อนไปอีกสองวัน (ตั้งสองวันทำใจทันมั้ยเนี้ย) ตอนเราไปหาหมอแม่ไปเป็นเพื่อน เลยออกมาบอกแม่ว่าต้องผ่าตัดนะแม่ แม่เราเงียบไปเลย

วันที่สาม หมอนัดให้เรามา X-ray ทรวงอก แล้วตรวจเลือด มาตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แล้วทำเรื่องนอนโรงพยาบาลไว้เลย

ก่อนทำการผ่าตัดหมอให้เรามานอนโรงพยาบาลก่อนสองคืนแต่เราขอกลับไปนอนที่บ้านคืนที่สองจะมานอนละกัน เพราะกลัวนอนไม่หลับ มันก็นอนไม่หลับจริงๆ เช้าวันที่สองเรามานอนโรงพยาบาล ก็จะมีวิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาคุยถึงการวางยาสลบ การผ่าตัด แล้วก็มีพยาบาลมาแนะนำการปฏิบัติตัวหลังจากการผ่าตัดและการพักฟื้น

คืนก่อนผ่าตัดหมอให้เรางดน้ำงดอาหารตั้งแต่สองทุ่มเป็นต้นไป เพราะพรุ่งนี้เช้าเราขึ้นเขียงผ่าตัดเลย

เช้าวันผ่าตัด ก็มีพยาบาลมาวัดความดัน มาเจาะเลือด มาเจาะสายน้ำเกลือ บอกตรงๆ ว่าเราตื่นเต้นมาก กลัวมาก หมอบอกว่าใช้เวลาแค่สองชั่วโมง เดี๋ยวก็เรียบร้อยแล้ว พอถึงเวลาเราก็เข้าไปห้องผ่าตัด เข้าไปเหมือนกับไปอยู่ในอวกาศ เพราะที่เตียงผ่าตัด มีไฟส่องลงมาเหมือนยานอวกาศมาก วิสัญญีแพทย์ก็ให้เราดมยา จากนั้นสติก็วูบลงไปไม่รู้อะไรอีกเลย

เวลาผ่านไป 4 ชั่วโมง (แม่นั่งนับเวลารอในห้องพักฟื้นผู้ป่วย) เราก็เข้าห้องพักฟื้น แต่มีอาการสะลืมสะลืออยู่บ้าง ก็รู้สึกปวดแผลผ่าตัดอยู่หน่วงๆ หมอใส่สายสวนปัสสาวะให้เรา เพราะเราคงเดินจากเตียงไปเข้าห้องน้ำไม่ได้ในวันสองวันนี้ ดีนะที่ไม่ขับรถมาเอง เพราะตอนแรกคิดว่าผ่าเสร็จนอนพักฟื้นไม่กี่วันก็จะขับรถกลับบ้าน แต่แล้วฝันก็สลาย เพราะเราแทบจะยืนไม่ได้เลย ต้องหิ้วปีก (แขนซ้ายแขนขวา) เวลาจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วต้องพลิกตัวทุกสองชั่วโมง นอนหงายต้องสอดหมอนข้างไว้ที่ใต้เข่า นอนหงายลำบากมาก ก็ส่วนใหญ่เรานอนตะแคง ออกจากห้องผ่าตัดมาก็ใส่สายน้ำเกลือ กับยาฆ่าเชื้อ นับกระปุกยาฆ่าเชื้อคร่าวอยู่ที่ 8-10 ขวด วันที่สามก็เอาสายน้ำเกลือออก ทานอาหารได้ตามปกติ จริงๆ ทานได้เลยไม่ได้งดอาหารอะไร

เรานอนโรงพยาบาลประมาณ 10 วัน กว่าหมอจะอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล ดีหน่อยที่เราเบิกได้ ใช้เบิกตรงของราชการ แต่เสียค่าส่วนต่างห้องพิเศษ 10 คืน หมดไปห้าพันกว่า แล้วก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน มาเริ่มหัดเดินใหม่อีกครั้ง หมอให้เราพักฟื้นที่บ้านเป็นเวลา 40 วัน ถึงกลับมาทำงานได้

ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตแบบคนปกติเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อาจจะต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะไม่สามารถออกกำลังกายที่หนักๆ หรือหลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่มีการปะทะ และหลีกเลี่ยงการยกของหนัก การผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทไม่ได้น่ากลัวอะไร ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ ไม่มีอะไรต้องกลัวนะคะ สู้ๆ.....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่