[ จิบชาฟังคนอวย ] นี่ล่ะ ! เหตุผลที่ผมชอบ Hunter X Hunter ! แล้วคุณล่ะ !?

ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่า อ. โทงาชิ นั้นก็เป็นหนึ่งในนักเขียนการ์ตูนที่มีความติสอยู่พอตัว และ
เป็นผู้มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงผลงานของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง คล้ายกับ อ. อารากิ ผู้เขียนโจโจ้
( แต่ไม่เท่าหรอก รายนั้นผมว่าจินตนาการลุงแกล้ำกว่า Marvel ไปแล้ว )
ถึงแม้จะมีหลายคนบอกว่าแกเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการแต่งเรื่อง แต่หากคุณเป็นคนที่ติดตามชีวประวัติของ อ. โทงาชิ มาอย่างดี จะรู้ได้เลยว่า อ. แกเป็นคนสู้ชีวิตกับอาชีพนักเขียนการ์ตูนมาก ลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง ต้องนับถือในด้านความอดทนไม่ย่อท้ออีกข้อด้วยจริง ๆ

เม่าอ่านหนังสือพิมพ์เม่าอ่านหนังสือพิมพ์

งั้นมาฟังความรู้ประทับใจของตัวผมเองในแต่ละภาคละกันครับ ( โดยจะแบ่งตามเพลง opening ของ 2011 นั่นล่ะชัดดี )

[ Hunter Exam Arc ] การดำเนินเรื่องแบบการ์ตูนต่อสู้ที่มีชั้นเชิง
เปิดด้วยการเดินทาง และ เปิดโลกใหม่ด้วยการให้พระเอกของเรามีความฝันต้องการจะตามหาพ่อ โดยมี World setting ที่ดีมาก มีสัตว์ประหลาดให้เห็น การใช้ชีวิตของตัวละคร แสดงให้เห็นถึงพลกำลังของตัวละคร ( ซึ่งเป็นการบ่งบอกรู้ว่าตัวละครจากเรื่องนี้ " มันเหนือมนุษย์นะ " ) และเซ็ตฉากให้มันดูใกล้เคียงกับโลกแห่งความเป็นจริงที่เราสามารถเข้าถึงได้ ทำให้ภาคนี้เป็นภาคที่ใคร ๆ ทุกคนก็เข้าถึงได้ จนกระทั่ง...
พี่ฮิแกโผล่มาเท่านั้นแหละฮะ ความรู้สึกแรกนี่คือ พี่แกโคตรเท่เลย คนอะไรใช้ไผ่ฆ่าคนวะ เท่สาส และก็ฉากคิรัวร์ควักหัวใจนี่ก็คงกินใจหลายคน
และนี่ก็เป็นการ Setting ให้ผู้อ่านได้รู้ว่า " นี่คือการผจญภัยที่มีความเสี่ยงถึงชีวิตเป็นเดิมพัน "
ซึ่งมันก็เข้าข่ายการเล่าเรื่องการ์ตูนที่ดีที่ตัวเอกจะต้องมีเดิมพัน หรือ แรงจูงใจที่สูง ถึงจะเป็นการ์ตูนที่สามารถตรึงให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมได้ เช่น
- One piece ลูฟี่ มีแรงจูงใจจากการเสียสละของแซงคูส จึงทำให้ลูฟี่ต้องเป็นเจ้าแห่งโจรสลัดให้ได้เพื่อไม่ให้การเสียสละของแซงคูสสูญเปล่า
- Boku no hero มิโดริยะ มีแรงจูงใจจากการให้กำลังใจของออลไมท์ โดยออลไมท์จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ไปตามเนื้อเรื่องที่เดิน ส่งผลให้พระเอกต้องมีความรับผิดชอบต่อความฝัน เป็นฮีโร่เหมือนกับที่ฮีโร่เค้าชื่นชมให้ได้
ถึงแม้ Arc นี้จะไม่ได้ต่อสู้กันตลอด แต่ก็ทำให้ผู้อ่านเอาใจช่วยในทุก ๆ ด่านได้อย่างไม่น่าเบื่อ

[ Heavens Arena Arc ] การเปิดโลกกว้างของการต่อสู้
และด้วยในตอนจบในภาคแรกทำให้ตัวละครดำเนินเรื่องมาสู่ในภาคนี้ได้อย่างลื่นไหล ( การสอบตกของคิรัวร์ทำให้เพื่อน ๆ ต้องมาช่วย ) เป็นการเปิดโลกให้กว้างยิ่งขึ้นและเราก็จะได้รู้จักกับตัวละครใหม่ที่อยู่นอกการสอบมาขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ผู้สอบผ่าน ผู้ใช้พลังวิเศษ ผู้ที่เก่งแต่ไม่ได้สอบ ในภาคนี้บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของเพื่อน ๆ ได้ดีที่อยากจะมาช่วย แต่จะไปเน้นที่กอร์นมากที่สุดก่อนจะไปรู้จักกับพลังวิเศษอย่าง " เน็น "
เป็นการต่อสู้ในโลกของ ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ ที่สำคัญมากและมันจะถูกใช้เป็นเรื่องธรรมดา ๆ ไปเลยหลังจากนี้
แต่ไอ้เรื่องที่ถูกใช้ " ธรรมดา ๆ " นี่ล่ะ กลับทำให้เราเห็นอะไรที่มันตื่นตามากขึ้น ในทุกครั้งที่ตัวละครแสดงความสามารถออกมาก็ทำให้แปลกใจได้เสมอ

[ Yorknew / Yorkshin City Arc ] การไล่ล่าของกลุ่มพระเอกและศัตรูพร้อมกัน
บอกก่อนเลยว่าทีแรกผมก็งงทำไมผมเรียกภาคนี้ไม่เหมือนคนอื่นเค้า ทั้ง ๆ ที่ไปเสิร์ชกูเกิ้ลมันก็ไม่ได้ผิด ซึ่งที่มาก็ไม่ใช่อะไรยากเป็นการเล่นคำของ อ. แกเฉย ๆ NewYork -----> YorkNew ; New = ใหม่ , ใหม่ = 新 ( ชิน ) ฉะนั้นอ่านแบบไหนก็ไม่ผิดหรอก
ซึ่งสมัยเด็ก ๆ ผมโครตเกลียดภาคนี้ในสมัย 1999 อ่ะ มันมืดทะมึนไปทั่วทุกอย่างเปลี่ยนบรรยากาศจากสองภาคที่แล้วอย่างกับคนละเรื่อง
แต่ก็ขอบอกแค่ว่าสมัยเด็ก ๆ เท่านั้นนะ ด้วยเหตุผลที่เกลียดความมืดสุด ๆ แต่ถ้าเป็นตอนนี้อายุ 20+ มาดูอีกทีนี่ มันดิบเถื่อน ไล่จับ สืบสวน กัน
อย่างกับ The Dark Knight เลย ชอบมั่ก !!
คราวนี้จะขยายสเกลของ World Setting ไปอีก เป็นเมืองใหญ่ทั้งเมือง การซื้อขาย ความสามารถของเน็น และ ตัวละครระดับท็อปของมนุษย์
ซึ่งในภาคนี้นอกจากจะขยายสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังขยายไปถึงพลังวิเศษนี่มีเงื่อนไข ข้อห้าม และ ทำอย่างไรให้เราก้าวข้ามขีดจำกัดไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งความโหดของ อ. อยู่ที่ตรงนี้ล่ะ แกเป็นคนที่ชอบหาบัคต่าง ๆ ในการ์ตูน และ ปิดจุดบัคได้ทั้งหมด
---> เฉลยเลยว่าอาวุธเน็นมันได้ OP อะไรขนาดนั้น ใช้อาวุธธรรมดาแล้วเสริมความสามารถอื่นไปดีกว่า
สร้างความสมดุลในการต่อสู้
---> บอกให้รู้ว่าทุก ๆ สายเน็นไม่มีอะไรเด่นด้อยไปกว่ากัน ไม่ใช่การแก้ทางกันด้วยพลัง แต่ต้องแก้ทางกันด้วยไหวพริบ
ทำให้คนอ่านและตัวละครในเรื่องต้องคิดไปพร้อม ๆ กันว่า เจ้าความสามารถนี้มันสู้ยังไง มันแพ้อะไร เราต้องสังเกตความผิดปกติตรงไหนที่จะไม่ทำให้เงื่อนไขของคู่ต่อสู้นั้นสำเร็จได้ และ ก็มีหลายฉากเลยที่แสดงให้เห็นว่า " แผน " สำคัญต่อการต่อสู้ไม่น้อยไปกว่าพลังเลย
( ฉากที่กอนกับคิรัวร์โดยจับ และต้องให้เลโอรีโอบอกเวลาให้รู้ตอนปิดไฟแล้วจับกุมตัวคุโรโร่
นี่ก็เป็นฉากนึงให้เราเห็นเลยว่าขนาดตัวท็อปมนุษย์อย่างคุโรโร่ก็พลาดได้ ถ้าโดนแผน )

[ G.I. Arc ] การเปิดโลกต่อสู้ที่ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์มากขึ้น
โดยในภาคนี้จะเพิ่มความแฟนตาซีของเนื้อเรื่องที่ใช้ World Setting อีกแบบขึ้นมาให้มันดูตื่นตาตื่นใจมากขึ้น ตัดบรรยากาศหม่น ๆ ดาร์ก ๆ ของภาคที่แล้วออกไปละ แต่ความโหดนี่มันก็ยังไม่ตกลงไปเลย สมกับ HxH จริง ๆ
ในภาคนี้คงจะเป็นอีกภาคหนึ่งที่เพิ่มจุดพีคของการ์ตูนขึ้นไปอีกตรงที่ พระเอก พระรองของเรามันได้พลังใหม่แล้ว !!
แต่ยังใช้ไม่ได้เต็มที่เนื่องจากต้องแข่งกับเวลา ชิงไหวพริบกับอีกฝ่าย ซึ่งในภาคนี้พระเอกจะได้ฉะกับบอสได้แบบตรง ๆ ซักที
อีกทั้งภาคนี้มันสุดไปอีกตรงที่มีบอสของภาคถึงสองคน !! โดยทั้งสองคนนี่ก็เป็นระดับ TOP 20 ในฝ่ายมนุษย์เท่าที่โชว์มาได้เลย
- เรเซอร์ รายนี้เก่งแน่นอนแก๊งแมงมุมที่ไปลุยนี่ยังลังเลที่จะบวกเลย สายแผ่พุ่งที่พลังทำลายสูง + ควบคุมตัวเดวิลได้โคตรเทพ ( รู้สึกว่าคำสั่งควบคุมมันโคตรจะยืดหยุ่นเลย ไม่รู้ว่าเป็นเงื่อนไขของเกมดอจบอลหรือเปล่า แต่ไอ้ 14 ตัวนี่มันเคลื่อนไหวตอบสนองได้เหมือนคนจริง ๆ และก็ไม่กากด้วย )
- เก็นทรู ตัวนี้นี่ความเก่งน่าจะอยู่พวกตัวซับของแก๊งแมงมุม ไม่ได้อ่อนนะ แค่คือเงื่อนไขระเบิดติดตั้งที่พี่แกคิดขึ้นมามันใช้ยากโคตรเลยนะถ้าจะไปสู้กับสายบู๊จริง ๆ โดยหรอยระยะไกล ๆ อาจจะเสร็จ
ซึ่งพวกนี้มันเก่งมากกอนเอาไม่ลงแน่นอน และ ทุกครั้งที่บอสสองคนนี้โชว์พลังให้ดูนี่แทบสิ้นหวังเลย จนคิดไปว่าพระเอกจะเอาอะไรไปสู้วะ
ซึ่งถึงจะมีแผน แต่ภาคนี้ได้ยกระดับขึ้นไปอีก เพราะบอสภาคนี้ไม่ได้โง่ ไม่ตกหลุมพรางง่าย ๆ
ซึ่ง อ. ก็จะบรรยายความคิดอ่านของทั้งสองฝ่ายฉะให้ดูกันไปเลย
เวลาตัวละครมันพลาดก็จะมีเหตุผลมารองรับได้อย่างแยบยล ทำให้การเอาชนะบอสมันดูได้มาอย่างยากลำบาก ต้องเอาใจช่วยฝั่งพระเอกอยู่ตลอดเวลา

[ Chimera Ant Arc ] การขยายสเกลให้ตัวละครมีความคิดอ่านทุกตัว และ การตัดสินใจที่สมเหตุสมผล
มาสู่ภาคที่เป็นตำนานของ HxH แล้วนะฮะ
ใช่ครับนานจริง ๆ ผมคิดว่าที่ภาคนี้มันเขียนนานมาก หลัก ๆ แล้วก็มาจาก อ. แกป่วยนั่นล่ะ แต่จริง ๆ มันน่าจะมาจาก
อ. แกหาต้องข้อมูลด้วยส่วนนึงนะผมว่า
เพราะอะไร ? เพราะบทภาคนี้มันโคตรลึก ตัวละครทุก ๆ ตัวมีมิติความคิดอ่านเป็นของตัวเองหมด และ
ทุก ๆ ตัวก็เป็นเหมือนบอสสองคนภาคก่อนเลยนั่นคือไม่ได้โง่ และ ไม่ได้โดนหลอกง่าย
โดยในภาคนี้เป็นภาคที่ยาวที่สุดเท่าที่ HxH เขียนมา มีการเขียนเป็นลำดับองก์ของเนื้อเรื่องในภาคได้อย่างชัดเจน
ซึ่งการ์ตูนสมัยนี้ถ้าจะให้เขียนบทเป็นองก์นี่มันทำยากมาก ต้องปูเรื่องให้เร็วดำเนินมันส์ ๆ สรุปปุ๊บปั๊บในภาคนั้น ๆ ไว้ก่อน เพราะ Jump รอตัดจบอยู่นะจ๊ะ
( ตอนนี้น่าจะมีแค่วันพีชเรื่องเดียวกับเรื่องนี้แหละที่กล้าเล่นองก์ปูเนื้อเรื่อง ไปเป็นเล่ม ๆ ได้โดยไม่โดนตัดจบ )
องก์ 1 - ปูเนื้อเรื่อง ---> เนื่องจากภาคนี้ตัวละครขนมาเพียบแทบจะเป็นเรื่องใหม่เลยทีเดียวทั้งฝ่ายมด และ ฝ่ายมนุษย์ ถ้าจะให้มีมิติก็ต้องเขียนองก์เท่านั้น
องค์ 2 - ดำเนินเรื่อง ---> เมื่อโชว์เน็นฝ่ายมนุษย์ให้ดูแล้วก็ตีกันมันส์ล่ะทีนี้ การพบปะของตัวละครทุกคนในภาคจะมาเจอกันได้อย่างน่าสนใจ
องค์ 3 - บทสรุป ---> ถึงแม้จะทิ้งปมเรื่องไจโร่และก็ไข่มดไว้ แต่เรื่องของราชาและองครักษ์ถือว่าเป็นภาคจบได้เป็นกินใจผมที่สุดละ
คือถ้า HxH จะทำ Live action ก็อยากให้เป็นภาคนี้อ่ะ แต่ดูจากสภาพ Live action แต่ละเรื่องแล้ว...ช่างมันเหอะ
จะหาว่าผมเวอร์ก็ได้นะ แต่สเกลมันแถบจะ 40 - 60 % ของ TDK หรือ Inception ของโนแลนที่ใช้เวลาเขียนบทเกือบสิบปี
ที่การดำเนินเรื่องของการ์ตูนจะส่งผลกระทบต่อจิตใจตัวละครก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
- การเติบโตทางความคิดของ " ราชาแห่งสิ่งมีชีวิตทั้งปวง " ผู้เกิดมาเพื่อครอบครองทุกสิ่งที่ฆ่าไม่เลือกหน้า ---> " สิ่งมีชีวิตที่รู้จักความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น " ผู้ยอมก้มหัวให้กับคนอ่อนแอกว่าเพื่อที่จะขอให้อยู่กับคนรักจนวินาทีสุดท้าย
- การเติบโตทางความคิดของ " พระเอกผู้ใสซื่อและไม่ยอมแพ้ " ที่รักพวกพ้อง ---> " ผู้ผจญกับความผิดหวังและความสูญเสีย " จนยอมแลกทุกสิ่งอย่างและแทบตัดเยื้อใยเพื่อนที่รักเค้าที่สุด ( ถ้าใครอ่านฉากที่กอนพูดกระแทกคิรัวร์ จะเห็นได้ว่าหน้าคิรัวร์เสียเลยนะ แถมกอนไม่มีวี่แววจะรู้สึกผิดด้วย )
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นจะเห็นได้ว่าการตัดสินใจของตัวละครมันไม่มีผิดถูก ทุก ๆ ตัวละครตัดสินใจไปตามสถานการณ์นั้น ๆ หมดเลย
ซึ่งมันก็คุ้มกับเวลาที่เรารอคอยมากที่เราได้เห็นฉากจบบริบูรณ์ของภาคนี้

[ 13th Chairman Election Arc ] การดำเนินเรื่องที่ใช้สองเนื้อเรื่องเดินทางไปพร้อมกัน
ถึงภาคสุดท้ายในอนิเมะฉบับ 2011 และ ภาคสุดท้ายที่เป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหญ่
มาจนถึงจุดนี้ยังคิดอยู่เลยว่า อ. แกจะคุมสเกลตัวละครต่อจากราชายังไง โดยในภาคนี้จะเป็นการต่อสู้ไล่ล่าทางจิตวิทยาและการต่อสู้ไล่ล่าแบบโจรกรรมไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งบอกเลยถ้าเป็นในเรื่องการดำเนินเรื่องแล้วผมชอบภาคนี้มากที่สุด ถึงแม้จะมีใครหลายคนบอกว่ามันน่าเบื่อตรงส่วนเลือกตั้งก็ตาม
ซึ่งในจุดนี้ผมสงสัยว่า อ. แกคิดอยู่แล้วหรือเปล่าว่า คนอ่านที่ติดตามมาจนถึงทุกวันนี้น่าจะโตมีลูกมีเมียกันหมดละ
เลยเปลี่ยนแกนเรื่องให้มันแนวผู้ใหญ่ไปเลยหรือเปล่าหว่า ? เพราะจุดที่ตัวละครมันตลบความคิดกันผมว่าเด็กอายุ 10 + จะอ่านค่อนข้างลำบาก
เพราะมันเล่นไล่ความคิดกันเป็นเดธโน้ตเลยนะนั่น
โดยบอสของภาคนี้คือ พาริสตัน [ หนู ] ที่จะมาโชว์ความเก๋าเกมให้เราได้เห็น
ซึ่งในแต่ละฉากที่พาริสตัน แสดงความน่าหมั่นไส้ออกมาแต่มันกลับมันดูมีเหตุผลทุกครั้ง จนผมอุทานทุกครั้งที่พี่แกพูด " เออ ก็จริงว่ะ " ตามตลอด เช่น
ฉาก - เกรุ [ งู ] บอกว่าในห้องนี้ไม่มีใครโหวตให้หรอก พาริสตันก็บอก " 11 เสียงนะครับ รู้มั้ยครับว่าสมาคมเรามีฮันเตอร์กี่คน ? "
ฉาก - " ไม่อยากฟังผมงั้นหรือครับ ? งั้นให้คุณโมโตไบ [ มังกร ] ที่อาวุโสที่สุด หรือ คุณชิดเดิ้ล [ หมา ] ที่วางแผนจัดการเก่ง มาเป็นหัวหน้าการประชุมดีมั้ยครับ ? " ซึ่งทั้งคู่ก็ปฏิเสธเพราะรู้ว่ายังไงเดี๋ยวพาริสตันก็หาเรื่องอยู่ดีเสียเวลาเปล่า
ภาคนี้คิรัวร์ก็ได้บทพระเอกไปพร้อมต้องต่อกรกับการเฝ้าระวังของครอบครัวที่มีเงื่อนไขเข้มมาก ( ห้ามให้น้องห่าง 1 ม. เป็นต้น )
และในภาคนี้ถึงแม้คิรัวร์จะไปอยู่ในจุดที่เก่งสุด ๆ แล้วก็ตาม แต่ยังมีเดิมพันที่มันสูงอยู่ดีหากพลาดไปนิดเดียว ( การช่วยกอนจะล้มเหลวทันที )
พร้อมปิดด้วยการจากลาของกอน และ คิรัวร์ ที่สวยงาม
เป็นภาคที่เป็นปัจฉิมบท และ ปฐมบทในเวลาเดียวกัน 

หากคุณคิดว่าการเดินทางของ HxH มันจบตรงที่พระเอกของเราตามหาพ่อได้แล้ว จะกล่าวว่าภาคนี้คือภาคสุดท้ายของ HxH ก็ได้
แต่ถ้าคุณยังคงสนุกกับการผจญภัยของ HxH และ ยังคงมีความหวังที่จะได้เห็นพวกเค้า 4 คนกลับมาเจอกันอีกครั้งพร้อมความฝันที่เป็นจริง
นี่คือปฐมบทใหม่
เพราะพวกเราคือ " ผู้อ่าน HUNTER X HUNTER "
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่