เริ่มเรื่องเลยนะคะ คือเราอาศัยอยู่กับย่าที่ต่างจังหวัด ย่าของเรามีน้องอยู่3คน ส่วนคนที่หนักหน่อยเป็นคนรองสุดท้าย ย่าเล่าให้เราฟังว่าน้องย่าคนนี้ เป็นขี้เกียจ งานการไม่ทำตั้งแต่เด็ก พอเริ่มเป็นสาวตอนอายุ15-16 ก็ออกไปมีสามีคนแรก ทิ้งพ่อทิ้งแม่พี่น้องไปอยู่บ้านสามี หลังจากอยู่ได้ไม่ถึงปี แกก็เลิกกับสามีคนแรก หลังจากไม่ถึง2-3ปี แกก็เริ่มมีสามีใหม่ มีลูกกับสามีคนที่2 จนลูกสาวของแกโต แกก็เลิกกับสามีคนนี้โดยที่แกไม่สนใจลูกของแกเลย แกพบรักกับชายสูงอายุกว่าแกแทบจะมากว่าแกมากๆ แกอยู่กินกับสามีคนนี้โดยที่สามี มีลูกอยู่แล้วถึง3คน(ลูกแต่ล่ะคนของแกปากจัดมากก) แต่แล้วอยู่กันไปไม่นานลูกสาวของน้องย่า ก็มาของอยู่กับน้องย่า ด้วยความที่เป็นลูกอ่ะเนาะ แต่สามีคนนี้บอกแกว่าถ้าจะรับลูกก็ไปอยู่ที่อื่น ใช่ค่ะ แกเลือกสามีคนนี้ของแกโดยไม่คิดเลย ลูกสาวขอแกเสียใจมาก จนพูดออกปากด้วยความเสียใจว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก หลังจากนั้นมาหลายปี สามีคนปัจจุบันของแกได้เสียชีวิตลง หลังจากงานศพเสร็จ ลูกๆของสามีได้มาคุยตกลงกับแกให้แกไปอยู่ที่อื่น ด้วยนิสัยส่วนตัวของแกที่ขี้จู้จี้จุกจิก ชอบใช้คนนู้นคนนี่ ทำให้ลูกสาวของสามีไม่ชอบ ก้เลยให้พี่สาว2คนของแกมารับออกไปซึ่งก็คือ ย่า กับ ย่าคนที่2 ด้วยความที่ย่าสงสารน้องก็เลยให้มาอยู่บ้านอีกหลังกับน้องคนสุดท้อง ออกมาจากบ้านสามีคนนั้นได้เพียงแค่เงิน2หมื่นกับตู้เสื้อผ้า แต่ไม่นานก็เกิดศึกขึ้นอีก ด้วยนิสัยจู้จี้ของแกทำให้แกอยู่ร่วมกับใครไม่ได้ ทำให้น้องคนสุดท้องต้องออกไปอยู่เฝ้าสวนกับสามีย่า หลังจากนั้นแกก็อยู่บ้านหลังนั้นคนเดียวโดยมีเพื่อนบ้านระแวกนั้นเป็นค่อนดูแลให้ แต่ด้วยนิสัยที่แก้ไม่หายของแก แกก็ไม่ทำอะไรเลย กับข้าวก็ให้คนไปซื้อให้ แกก็เอาแต่นอนวันๆไม่ทำอะไร แต่คืออีกเรื่องแกมีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวานแกต้องไปหมอทุกเดือนโดยมีพ่อเรารับผิดชอบเป้นธุระพาไป
จนอยู่มาได้ถึงปีที่2 แกก็มีโรคแทรกขึ้นมาเพิ่มคือโรคความดัน แล้วฉี่ไม่ออกทำให้ต้องใส่สาย จึงเป็นภาระหนักขึ้นมาเพิ่ม แกก็ได้ไปอาศัยอยู่บ้านของย่าคนที่2 ชั่วคราวเพราะมีรถไปไหนสะดวกและอยู่ใกล้โรงพยาบาล แต่เชื่อไหมค่ะ แกไปอยู่ แกไม่เคยออกค่าอะไรช่วยป้าของเราเลย ครอบครัวของย่ารองเป็นครอบครัวใหญ่มีอะไรคือต้องซื้อเผื่อคนทั้งบ้าน ป้าเราหมดค่าข้าวค่าน้ำให้แกให้คนในครอบครัววันล่ะ600บาท จนได้ขายทอง ย่ารองของเราเลยคุยกับแก
แกเลยให้แหวนที่สามีให้แกมา ป้าของเราก็เอาไปขาย พีคที่สุด มันคือแหวนปลอมค่ะทุกคน ป้าของเราอายจนต้องรีบออกมา แล้วมีอยู่อีกวันญาติๆทางสามีของแกไปเยี่ยม แกก็เลยควักตังออกมาให้ญาติฝั่งสามีนับเพราะกลัวหลานๆของป้าเราขโมย ย่ารอบของเราแบบมันใช่หรอคนที่ทำด้วยทุกวันไม่เคยได้ตัง นับตังกับแกสักบาทเดียวแถมยังมาว่าหลานๆของแกจะขโมยเงินทำให้ ย่ารองไม่พอใจที่ข้ามหน้าข้ามตาพี่น้องตัวเอง ย่ารองจึงส่งกลับไปอยู่บ้านหลังเดิม
หลังจากนั้นไม่นานวันหมอนัด พ่อวานให้ป้าไปเป็นธุระพาไปให้เพราะตัวเองไม่สะดวก ป้าก็ไป พอไปถึงโรงบาล แกเจอเพื่อน เพื่อนแกก็ถามแกว่า อ้าวทำไมได้กลับมาอยู่บ้านหลังนั่นอีกล่ะ แกก็เลยพูดกระแทกป้าเรา คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก ทำให้ป้าเราไม่พอใจทุกวันนี้แกก็เลยไม่มายุ่งด้วยอีกเลย สุดท้ายภาระทั้งหมดก็ตกมาที่ครอบครัวของเรา หลังๆมาแกเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จากที่เดินได้ปกติ กลับเป็นคนเหนื่อย ไม่อยากเดิน นอนทั้งวัน ใช้คนแก่ไปซื้อข้าวให้ แกมีที่นาที่ย่าทวดของเราแบ่งให้นะคะ4ไร่ แล้วแต่ก่อนแกแอบเอาที่นาของย่าเราไปขาย ทำให้ลูกของสามีคนที่ตาย ติดแกเพื่อจะมาเอาที่นา มาทำดีด้วยแล้วให้ยกที่นา4ไร่ให้ แต่แกก็ไม่ได้ให้ทำให้ลูกของสามีไม่พอใจเลยตัดขาดกัน แต่มีป้าข้างบ้านเป็นแม่บ้านของโรงเรียนแกชอบให้เด็กๆที่โรงเรียน เอาข้าวมาส่ง แกเป็นคนดีมากๆ เราเลยไม่อยากให้แกไปรบกวนใครอีกเพราะต่างคนต่างมีภาระ
เรากับพ่อเลยตัดสินใจที่จะพาแกมาอยู่บ้านหลังเดียวกัน แกก็บอกว่าถ้าไม่ขนของแกไปด้วยแกก็จะไม่ไป ทำให้พ่อของเราปล่อยแกอยู่แบบนั้น แต่แล้ววันหนึ่งก็มาถึง แกล้มกระดูกร้าว เพราะคนที่ไม่ค่อยเดินพอเดินทำอะไรเองบ่อยๆขาก็อ่อนง่ายผิดปกติ แกใช้เงินของแกจ้างคนมาดูแล แต่กลับคนที่ดูแลแกมาตลอดเหมือนป้าแม่บ้านแกไม่เคยได้สินน้ำใจสักบาท ต่างจากคนที่มาดูแลตกลงกันวันล่ะ50 แต่คนนี้ฉลาดขอเท่าไหร่แกก็จ่ายให้
เราก็ไม่เอ๊ะใจเพราะไม่อยากยุ่งกับเงินของแก แกจะค่อยเรียกคนนี้ต่อหน้าคนอื่น ว่าลูก ยกยอปอปั้นว่าเค้ามาดูแลดี ทั้งๆที่คนอื่นไม่รู้ว่าจ้างมา แต่คนดูแลแกดันหลุดปากพูดกับคนโน้นคนนี่ ว่าถ้าไม่มีเงินจะมาทำทำไมให้เหนื่อย ทำให้แกหน้าเสีย าก็ได้แกมาอยู่บ้านในสภาพที่เดินไม่ได้ ซึ่งมันหนักสุดๆสำหรับครอบครัวเรา แกทำอะไรไม่ได้ แพมเพิสก็ต้องใส่ เป็นผู้ป่วยติดเตียง จากที่ไปหาแค่หมอเบาหวานก็ต้องเพิ่มหมอกระดูก คุณหมอกระดูกก็บอกให้ทำกายภาพบำบัด แต่แกไม่เคยทำเลย แกอยู่บ้านแกก็นอน 24ชั่วโมง นอนแล้ว23ชั่วโมง อีก1ชั่วโมงลุกนั่งมากินข้าว แกไม่มีเงิน ย่าเลยให้แกขายที่นา แต่แกก็ไม่อยากขาย กลัวว่าจะไม่มีคนเลี้ยงถ้าไม่ที่นาหรือภาษาบ้านๆคือมูล แต่พ่อกับเราตกลงกันแล้ว ว่าจะไม่ร้องขอหรือไม่เอาทั้งนั้น เพราะที่ทำเพราะจำเป็น ไม่อยากให้ย่าเราเหนื่อย ย่าแนะนำให้แกขายหลายครั้งแกก็ไม่ขาย บอกว่ามีเงินใช้อยู่ แต่ทุกวันนี้เงินที่ซื้อข้าวทุกวันคือเงินของพ่อเรา 4-5ปีที่พ่อเราทำดีกับแกไปหมอก็มีแต่พ่อเรา แกไม่เคยถามพ่อเราเลย ว่าเหนื่อยไหม พามาหาหมอเจ้าของโรงงานเค้าจะว่าไหม ไม่เคยหลุดออกมาจากปากแกเลย มีแค่คำพูดเดิมๆซ้ำๆ พรุ่งนี้พาไปหาหมอ นี่คงเป็นผลกรรมที่ทำกับพ่อแม่ให้ต้องมาพบเจอโรคร้ายให้ทรมาน ส่วนกรรมที่ทำกับลูก คือต้องมาอยู่ในบั่นปลายสุดท้ายคนเดียว
วีรกรรมของแกมีเยอะกว่านี้นะคะนี่แค่คราวๆ แต่ที่อยากมาแชร์คืออยากให้ทุกคนได้รู้และนึกถึงเวรกรรมทุกวันนี้ทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับแบบนั้น
กรงกรรมกรงเกวียนที่อยากแชร์ให้อ่าน
จนอยู่มาได้ถึงปีที่2 แกก็มีโรคแทรกขึ้นมาเพิ่มคือโรคความดัน แล้วฉี่ไม่ออกทำให้ต้องใส่สาย จึงเป็นภาระหนักขึ้นมาเพิ่ม แกก็ได้ไปอาศัยอยู่บ้านของย่าคนที่2 ชั่วคราวเพราะมีรถไปไหนสะดวกและอยู่ใกล้โรงพยาบาล แต่เชื่อไหมค่ะ แกไปอยู่ แกไม่เคยออกค่าอะไรช่วยป้าของเราเลย ครอบครัวของย่ารองเป็นครอบครัวใหญ่มีอะไรคือต้องซื้อเผื่อคนทั้งบ้าน ป้าเราหมดค่าข้าวค่าน้ำให้แกให้คนในครอบครัววันล่ะ600บาท จนได้ขายทอง ย่ารองของเราเลยคุยกับแก
แกเลยให้แหวนที่สามีให้แกมา ป้าของเราก็เอาไปขาย พีคที่สุด มันคือแหวนปลอมค่ะทุกคน ป้าของเราอายจนต้องรีบออกมา แล้วมีอยู่อีกวันญาติๆทางสามีของแกไปเยี่ยม แกก็เลยควักตังออกมาให้ญาติฝั่งสามีนับเพราะกลัวหลานๆของป้าเราขโมย ย่ารอบของเราแบบมันใช่หรอคนที่ทำด้วยทุกวันไม่เคยได้ตัง นับตังกับแกสักบาทเดียวแถมยังมาว่าหลานๆของแกจะขโมยเงินทำให้ ย่ารองไม่พอใจที่ข้ามหน้าข้ามตาพี่น้องตัวเอง ย่ารองจึงส่งกลับไปอยู่บ้านหลังเดิม
หลังจากนั้นไม่นานวันหมอนัด พ่อวานให้ป้าไปเป็นธุระพาไปให้เพราะตัวเองไม่สะดวก ป้าก็ไป พอไปถึงโรงบาล แกเจอเพื่อน เพื่อนแกก็ถามแกว่า อ้าวทำไมได้กลับมาอยู่บ้านหลังนั่นอีกล่ะ แกก็เลยพูดกระแทกป้าเรา คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก ทำให้ป้าเราไม่พอใจทุกวันนี้แกก็เลยไม่มายุ่งด้วยอีกเลย สุดท้ายภาระทั้งหมดก็ตกมาที่ครอบครัวของเรา หลังๆมาแกเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จากที่เดินได้ปกติ กลับเป็นคนเหนื่อย ไม่อยากเดิน นอนทั้งวัน ใช้คนแก่ไปซื้อข้าวให้ แกมีที่นาที่ย่าทวดของเราแบ่งให้นะคะ4ไร่ แล้วแต่ก่อนแกแอบเอาที่นาของย่าเราไปขาย ทำให้ลูกของสามีคนที่ตาย ติดแกเพื่อจะมาเอาที่นา มาทำดีด้วยแล้วให้ยกที่นา4ไร่ให้ แต่แกก็ไม่ได้ให้ทำให้ลูกของสามีไม่พอใจเลยตัดขาดกัน แต่มีป้าข้างบ้านเป็นแม่บ้านของโรงเรียนแกชอบให้เด็กๆที่โรงเรียน เอาข้าวมาส่ง แกเป็นคนดีมากๆ เราเลยไม่อยากให้แกไปรบกวนใครอีกเพราะต่างคนต่างมีภาระ
เรากับพ่อเลยตัดสินใจที่จะพาแกมาอยู่บ้านหลังเดียวกัน แกก็บอกว่าถ้าไม่ขนของแกไปด้วยแกก็จะไม่ไป ทำให้พ่อของเราปล่อยแกอยู่แบบนั้น แต่แล้ววันหนึ่งก็มาถึง แกล้มกระดูกร้าว เพราะคนที่ไม่ค่อยเดินพอเดินทำอะไรเองบ่อยๆขาก็อ่อนง่ายผิดปกติ แกใช้เงินของแกจ้างคนมาดูแล แต่กลับคนที่ดูแลแกมาตลอดเหมือนป้าแม่บ้านแกไม่เคยได้สินน้ำใจสักบาท ต่างจากคนที่มาดูแลตกลงกันวันล่ะ50 แต่คนนี้ฉลาดขอเท่าไหร่แกก็จ่ายให้
เราก็ไม่เอ๊ะใจเพราะไม่อยากยุ่งกับเงินของแก แกจะค่อยเรียกคนนี้ต่อหน้าคนอื่น ว่าลูก ยกยอปอปั้นว่าเค้ามาดูแลดี ทั้งๆที่คนอื่นไม่รู้ว่าจ้างมา แต่คนดูแลแกดันหลุดปากพูดกับคนโน้นคนนี่ ว่าถ้าไม่มีเงินจะมาทำทำไมให้เหนื่อย ทำให้แกหน้าเสีย าก็ได้แกมาอยู่บ้านในสภาพที่เดินไม่ได้ ซึ่งมันหนักสุดๆสำหรับครอบครัวเรา แกทำอะไรไม่ได้ แพมเพิสก็ต้องใส่ เป็นผู้ป่วยติดเตียง จากที่ไปหาแค่หมอเบาหวานก็ต้องเพิ่มหมอกระดูก คุณหมอกระดูกก็บอกให้ทำกายภาพบำบัด แต่แกไม่เคยทำเลย แกอยู่บ้านแกก็นอน 24ชั่วโมง นอนแล้ว23ชั่วโมง อีก1ชั่วโมงลุกนั่งมากินข้าว แกไม่มีเงิน ย่าเลยให้แกขายที่นา แต่แกก็ไม่อยากขาย กลัวว่าจะไม่มีคนเลี้ยงถ้าไม่ที่นาหรือภาษาบ้านๆคือมูล แต่พ่อกับเราตกลงกันแล้ว ว่าจะไม่ร้องขอหรือไม่เอาทั้งนั้น เพราะที่ทำเพราะจำเป็น ไม่อยากให้ย่าเราเหนื่อย ย่าแนะนำให้แกขายหลายครั้งแกก็ไม่ขาย บอกว่ามีเงินใช้อยู่ แต่ทุกวันนี้เงินที่ซื้อข้าวทุกวันคือเงินของพ่อเรา 4-5ปีที่พ่อเราทำดีกับแกไปหมอก็มีแต่พ่อเรา แกไม่เคยถามพ่อเราเลย ว่าเหนื่อยไหม พามาหาหมอเจ้าของโรงงานเค้าจะว่าไหม ไม่เคยหลุดออกมาจากปากแกเลย มีแค่คำพูดเดิมๆซ้ำๆ พรุ่งนี้พาไปหาหมอ นี่คงเป็นผลกรรมที่ทำกับพ่อแม่ให้ต้องมาพบเจอโรคร้ายให้ทรมาน ส่วนกรรมที่ทำกับลูก คือต้องมาอยู่ในบั่นปลายสุดท้ายคนเดียว
วีรกรรมของแกมีเยอะกว่านี้นะคะนี่แค่คราวๆ แต่ที่อยากมาแชร์คืออยากให้ทุกคนได้รู้และนึกถึงเวรกรรมทุกวันนี้ทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับแบบนั้น