คือถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เงินที่ตัดผ่านบัตรอะไรต่างๆ จะวิ่งตรงออกนอกประเทศไปเข้ากระเป๋าของบริษัทที่ตั้งขึ้นในต่างประเทศ ไม่ผ่านการเสียภาษีในไทยเลย
ไม่โดนหักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ลูกค้าไม่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36)
ยิ่งถ้าบริษัทพวกนี้ไปตั้งอยู่ในประเทศหรือหมู่เกาะที่เป็น Tax Haven ก็เท่ากับว่า รายได้พวกนี้แทบจะไม่ต้องเสียภาษีที่ประเทศไหนเลย หรือเสียภาษีก็น้อยมากๆ
พวกนี้ อาจจะมีบริษัทลูกที่ตั้งในไทย ไว้คอยทำหน้าที่ backup office คอยช่วยเหลือทำหน้าที่ admin ต่างๅ ให้แก่บริษัทแม่ แล้วชาร์จค่าใช้จ่ายแบบ cost plus markup ไปที่ บ. แม่ แล้วเสียภาษีในไทยนิดหน่อย แต่คนรับรู้รายได้หลักจากธุรกิจ คือ บ.แม่ ซึ่งไม่ต้องเสียภาษีในไทย
ตอนนี้กำลังมีร่างกฎหมายภาษี e-commerce tax แต่ยังไม่รู้จะออกมาทันรัฐบาลนี้หรือเปล่า ที่จะบังคับให้บริษัทต่างชาติพวกนี้มาจด VAT ในไทยแล้วเสีย VAT 7% จากรายได้
ไม่ทราบว่าใครทำงานกับบริษัทพวกนี้บ้าง ถูกต้องอย่างที่ผมเข้าใจหรือเปล่าครับ
มีใครทราบ Business Model ของ Grab, UBER Lineman บ้างครับว่าเงินที่คนไทยจ่ายวิ่งตรงไปไหน แล้วเค้าเสียภาษีหรือเปล่า
ไม่โดนหักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ลูกค้าไม่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36)
ยิ่งถ้าบริษัทพวกนี้ไปตั้งอยู่ในประเทศหรือหมู่เกาะที่เป็น Tax Haven ก็เท่ากับว่า รายได้พวกนี้แทบจะไม่ต้องเสียภาษีที่ประเทศไหนเลย หรือเสียภาษีก็น้อยมากๆ
พวกนี้ อาจจะมีบริษัทลูกที่ตั้งในไทย ไว้คอยทำหน้าที่ backup office คอยช่วยเหลือทำหน้าที่ admin ต่างๅ ให้แก่บริษัทแม่ แล้วชาร์จค่าใช้จ่ายแบบ cost plus markup ไปที่ บ. แม่ แล้วเสียภาษีในไทยนิดหน่อย แต่คนรับรู้รายได้หลักจากธุรกิจ คือ บ.แม่ ซึ่งไม่ต้องเสียภาษีในไทย
ตอนนี้กำลังมีร่างกฎหมายภาษี e-commerce tax แต่ยังไม่รู้จะออกมาทันรัฐบาลนี้หรือเปล่า ที่จะบังคับให้บริษัทต่างชาติพวกนี้มาจด VAT ในไทยแล้วเสีย VAT 7% จากรายได้
ไม่ทราบว่าใครทำงานกับบริษัทพวกนี้บ้าง ถูกต้องอย่างที่ผมเข้าใจหรือเปล่าครับ