
สวัสดีค่ะ เมื่อวานเราดั้นด้นไปที่ WearHouse30 Documentary Club เพื่อจะดู Ryuichi Sakamoto : Coda สารคดีชีวิตของชายผู้เป็นตำนานทางด้านดนตรีของประเทศญี่ปุ่นหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญในวงการเพลงระดับโลกเลยก็ว่าได้ เดิมทีเราได้ชมผลงานการแสดงของเขา จากเรื่อง The last Emperor และ Merry Christmas Mr.Lawrance มาแล้ว เรื่องนี้จึงเป็นหนังเรื่องสุดท้ายในแค็ตตาล็อกค่ะ
Coda เป็นเครื่องหมายในการเขียนโน้ต มีความหมายว่า "ต้องกลับไปเล่นซ้ำที่ท่อนฮุคใหม่" เหมือนกับชีวิตของริวอิจิเองนั่นละที่ทำงานเพลงออกมาทีไรก็ดังเพราะงานเพลงของเขา มันเต็มไปด้วยความตั้งใจ ติดหู ใครฟังก็ชื่นชอบ หนังพาเราไปตามติดชีวิตคุณลุงริวอิจิที่กำลังซ่อมเปียโนที่โดนสึนามิซัดจนเสียงมันเพี้ยน ฟังแล้วแปร่งหูมาก ตลอดจนการเป็นผู้นำต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของประเทศญี่ปุ่น อันนี้ถือว่าเป็นแก่นของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะหนังมันตัดไปตัดมา ไม่สม่ำเสมอหรือเป็นเรื่องเดียวกันสักเท่าไหร่ นึกอยากจะโผล่เรื่องไหนก็โผล่ แต่คิดในแง่ดี อาจจะอยากให้เข้ากับชื่อเรื่องเลยวนมาที่ท่อนฮุคบ่อยๆ
หนังเริ่มต้นจากการบอกกับผู้ชมว่าชายแก่ ผมสีขาวคนนี้เป็นมะเร็ง เป็นนักเปียโน ซึ่งเราเองก็รู้แค่นั้นเหมือนกัน แล้ววันนี้ชายแก่คนนี้กำลังเดินเข้าป่า พาเราดูซากนู่น ซากนี้ อัดเสียง และเริ่มเคาะมัน เราเองก็ประหลาดใจว่าเขาทำไปเพื่ออะไร หลังจากนั้นชายแก่ก็กลับบ้าน และเริ่มใช้อุปกรณ์ทันสมัย 'ที่มันทันสมัยมาก' แต่งเพลงจากเสียงฝีเท้าของเขาที่ย่ำบนพื้นหญ้า หลังจากนั้นเสียงที่เขาเคาะนู่น เคาะนี่ก็เริ่มกลายเป็นเพลง แต่ชายแก่คนนี้เขาเป็นมะเร็งที่คอนี่น่า น่าแปลกใจนะ คนที่ผลิตเสียงกลับมาเป็นมะเร็งที่คอ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนทางธรรมชาติที่มนุษย์ใช้เปล่งเสียง คุณลุงริวอิจิบอกกับเราว่าเขายังไม่อยากตายจึงต้องดูแลตัวเองทั้งอาหารการกิน กินยา(ดูแล้วเธอจะเป็นคนที่กินยาได้ยากอยู่) และต้องแปรงฟังเสมอๆ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคไปติดที่คอ ริวอิจิบอกว่าอย่างดีตนจะอยู่ได้ 6 ปี อย่างแย่ 2 ปี แต่ถ้าอาการทรุดปีเดียวก็จากไปแล้ว ชีวิตของริวอิจิที่เราจะได้ดูสารคดีจึงเต็มไปด้วยการทำทุกวันให้มีค่า ทำงานที่เขารัก และไม่หยุดพัฒนาตนเอง
จากนั้นหนังก็ตัดงงๆ พาเราไปดูอดีตของ Young ริวอิจิ ซากาโมโต หนุ่มน้อยหน้าหล่อในวง Yellow Magic Orchestra วงดนตรีทรีโอที่มีเขาเล่นคีย์บอร์ด เพื่อนอีก 2 คนตีกลอง และเบส (ในVTR ที่ตัดมามีภรรยาเก่าของริวอิจิเล่นอยู่ในวงด้วย) จากนั้นหนุ่มน้อยริวอิจิก็เล่นภาพยนตร์ และแต่งเพลงที่ได้นำรางวัลลูกโลกทองคำมาให้เขา 'Merry Christmas Mr.Lawrance' นั่นเองจากนั้นหนังก็เราพาไปดูการทำเพลงให้ภาพยนตร์ที่คลาสสิคตลอดกาลอย่าง The last Emperor ที่ทำให้ริวอิจิได้ออสก้าและลูกโลกทองคำในฐานะ Composer ริวอิจิบอกกับเราว่า 1 อาทิตย์เขาแต่งเพลงไป 45 เพลง หากเป็นตอนนี้คงทำไม่ไหวแน่ๆ เราขนลุกเลยนะ ตอนที่เขาพาไปดูการทำงานของริวอิจิเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว ตอนนั้นริวอิจิทั้งหล่อและเก่ง เราได้คำตอบในใจทันทีเลยค่ะว่าจะเป็นแฟนคลับเขา (ในตอนที่เป็นวัยรุ่นนะ 555555)
เนื่องจากหนังใช้เวลาการถ่ายทำถึง 5 ปี เมื่อริวอิจิอาการดีขึ้นเขาจึงเริ่มทำเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ทำให้ลีโอนาโด้ได้ออสก้าสักที อย่าง The Revenant แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้ออสก้าสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ แต่เราว่าริวอิจิเองก็ทำมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ผลงานที่ผ่านมาเลย แล้วหนังก็พาเราไปดูเขาเคาะถ้วย ถัง กะละมัง หม้อ เอาโบลว์ไวโอลินถูกับฉาบบ้าง เอาขวดแก้วขนาดใหญ่ไปวางให้ฝนตกใส่เพื่อบันทึกเสียง จนในที่สุดเขาก็เอาถังมาครอบหัว แล้วไปยืนกลางสายฝนเพื่อฟังว่าเสียงเมื่อฝนกระทบถังมันเป็นยังไง
ริวอิจิ ซากะโมโตปัจจุบันเขาไม่มีครอบครัว(แต่เหมือนจะมีแฟนแหละ) เพราะหย่ากับภรรยาไปแล้ว ลูกสาวเพียงคนเดียวเป็นนักร้องเพลงป๊อบใสแอบเด็กแนว เราจะเห็นได้ว่าเขาไม่มีห่วงใดใด นอกจากตั้งใจทำงานเพลงที่จะไม่ทำให้เขาอับอายเมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว สำหรับ Composer ชาวยุโรปการทำงานเพลงให้ได้รางวัลบ่อยๆ อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ชาวเอเชียแบบเราที่สามารถพางานเพลงที่มีกลิ่นไอความเอเชียให้ได้รางวัลใหญ่ๆ ได้ มองไปทางไหนก็คงจะเห็นแค่ริวอิจินี่แหละที่สามารถทำได้ ไม่ว่าริวอิจิจะมีอายุได้อีกกี่ปีก็ตาม เราในฐานะคนที่เพิ่งเป็นแฟนคลับเขาอย่างสดๆ ร้อนๆ ก็ขอให้กำลังใจให้คุณลุงเดินหน้าทำเพลงต่อไป และขอให้คุณลุงมีความสุขเท่าที่คนคนหนึ่งสามารถจะมีความสุขได้
7/10 คะแนน สำหรับ Coda
100/10 คะแนน สำหรับคุณลุงริวอิจิ
Ryuichi Sakamoto : Coda - ชีวิตเป็นเหมือนบ่อน้ำที่ไม่มีวันแห้งเหือด
Coda เป็นเครื่องหมายในการเขียนโน้ต มีความหมายว่า "ต้องกลับไปเล่นซ้ำที่ท่อนฮุคใหม่" เหมือนกับชีวิตของริวอิจิเองนั่นละที่ทำงานเพลงออกมาทีไรก็ดังเพราะงานเพลงของเขา มันเต็มไปด้วยความตั้งใจ ติดหู ใครฟังก็ชื่นชอบ หนังพาเราไปตามติดชีวิตคุณลุงริวอิจิที่กำลังซ่อมเปียโนที่โดนสึนามิซัดจนเสียงมันเพี้ยน ฟังแล้วแปร่งหูมาก ตลอดจนการเป็นผู้นำต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของประเทศญี่ปุ่น อันนี้ถือว่าเป็นแก่นของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะหนังมันตัดไปตัดมา ไม่สม่ำเสมอหรือเป็นเรื่องเดียวกันสักเท่าไหร่ นึกอยากจะโผล่เรื่องไหนก็โผล่ แต่คิดในแง่ดี อาจจะอยากให้เข้ากับชื่อเรื่องเลยวนมาที่ท่อนฮุคบ่อยๆ
หนังเริ่มต้นจากการบอกกับผู้ชมว่าชายแก่ ผมสีขาวคนนี้เป็นมะเร็ง เป็นนักเปียโน ซึ่งเราเองก็รู้แค่นั้นเหมือนกัน แล้ววันนี้ชายแก่คนนี้กำลังเดินเข้าป่า พาเราดูซากนู่น ซากนี้ อัดเสียง และเริ่มเคาะมัน เราเองก็ประหลาดใจว่าเขาทำไปเพื่ออะไร หลังจากนั้นชายแก่ก็กลับบ้าน และเริ่มใช้อุปกรณ์ทันสมัย 'ที่มันทันสมัยมาก' แต่งเพลงจากเสียงฝีเท้าของเขาที่ย่ำบนพื้นหญ้า หลังจากนั้นเสียงที่เขาเคาะนู่น เคาะนี่ก็เริ่มกลายเป็นเพลง แต่ชายแก่คนนี้เขาเป็นมะเร็งที่คอนี่น่า น่าแปลกใจนะ คนที่ผลิตเสียงกลับมาเป็นมะเร็งที่คอ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนทางธรรมชาติที่มนุษย์ใช้เปล่งเสียง คุณลุงริวอิจิบอกกับเราว่าเขายังไม่อยากตายจึงต้องดูแลตัวเองทั้งอาหารการกิน กินยา(ดูแล้วเธอจะเป็นคนที่กินยาได้ยากอยู่) และต้องแปรงฟังเสมอๆ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคไปติดที่คอ ริวอิจิบอกว่าอย่างดีตนจะอยู่ได้ 6 ปี อย่างแย่ 2 ปี แต่ถ้าอาการทรุดปีเดียวก็จากไปแล้ว ชีวิตของริวอิจิที่เราจะได้ดูสารคดีจึงเต็มไปด้วยการทำทุกวันให้มีค่า ทำงานที่เขารัก และไม่หยุดพัฒนาตนเอง
จากนั้นหนังก็ตัดงงๆ พาเราไปดูอดีตของ Young ริวอิจิ ซากาโมโต หนุ่มน้อยหน้าหล่อในวง Yellow Magic Orchestra วงดนตรีทรีโอที่มีเขาเล่นคีย์บอร์ด เพื่อนอีก 2 คนตีกลอง และเบส (ในVTR ที่ตัดมามีภรรยาเก่าของริวอิจิเล่นอยู่ในวงด้วย) จากนั้นหนุ่มน้อยริวอิจิก็เล่นภาพยนตร์ และแต่งเพลงที่ได้นำรางวัลลูกโลกทองคำมาให้เขา 'Merry Christmas Mr.Lawrance' นั่นเองจากนั้นหนังก็เราพาไปดูการทำเพลงให้ภาพยนตร์ที่คลาสสิคตลอดกาลอย่าง The last Emperor ที่ทำให้ริวอิจิได้ออสก้าและลูกโลกทองคำในฐานะ Composer ริวอิจิบอกกับเราว่า 1 อาทิตย์เขาแต่งเพลงไป 45 เพลง หากเป็นตอนนี้คงทำไม่ไหวแน่ๆ เราขนลุกเลยนะ ตอนที่เขาพาไปดูการทำงานของริวอิจิเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว ตอนนั้นริวอิจิทั้งหล่อและเก่ง เราได้คำตอบในใจทันทีเลยค่ะว่าจะเป็นแฟนคลับเขา (ในตอนที่เป็นวัยรุ่นนะ 555555)
เนื่องจากหนังใช้เวลาการถ่ายทำถึง 5 ปี เมื่อริวอิจิอาการดีขึ้นเขาจึงเริ่มทำเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ทำให้ลีโอนาโด้ได้ออสก้าสักที อย่าง The Revenant แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้ออสก้าสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ แต่เราว่าริวอิจิเองก็ทำมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ผลงานที่ผ่านมาเลย แล้วหนังก็พาเราไปดูเขาเคาะถ้วย ถัง กะละมัง หม้อ เอาโบลว์ไวโอลินถูกับฉาบบ้าง เอาขวดแก้วขนาดใหญ่ไปวางให้ฝนตกใส่เพื่อบันทึกเสียง จนในที่สุดเขาก็เอาถังมาครอบหัว แล้วไปยืนกลางสายฝนเพื่อฟังว่าเสียงเมื่อฝนกระทบถังมันเป็นยังไง
ริวอิจิ ซากะโมโตปัจจุบันเขาไม่มีครอบครัว(แต่เหมือนจะมีแฟนแหละ) เพราะหย่ากับภรรยาไปแล้ว ลูกสาวเพียงคนเดียวเป็นนักร้องเพลงป๊อบใสแอบเด็กแนว เราจะเห็นได้ว่าเขาไม่มีห่วงใดใด นอกจากตั้งใจทำงานเพลงที่จะไม่ทำให้เขาอับอายเมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว สำหรับ Composer ชาวยุโรปการทำงานเพลงให้ได้รางวัลบ่อยๆ อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ชาวเอเชียแบบเราที่สามารถพางานเพลงที่มีกลิ่นไอความเอเชียให้ได้รางวัลใหญ่ๆ ได้ มองไปทางไหนก็คงจะเห็นแค่ริวอิจินี่แหละที่สามารถทำได้ ไม่ว่าริวอิจิจะมีอายุได้อีกกี่ปีก็ตาม เราในฐานะคนที่เพิ่งเป็นแฟนคลับเขาอย่างสดๆ ร้อนๆ ก็ขอให้กำลังใจให้คุณลุงเดินหน้าทำเพลงต่อไป และขอให้คุณลุงมีความสุขเท่าที่คนคนหนึ่งสามารถจะมีความสุขได้
7/10 คะแนน สำหรับ Coda
100/10 คะแนน สำหรับคุณลุงริวอิจิ