เคยมั้ย ทำงานที่แรกหลังเรียนจบ เคยทุ่มเททั้งตัว ตามหัวข้อเรยค่ะ
ค่ะจากที่เราเรียนจบเราก็ไปสมัครงานทำ
ก่อนอื่นเราขออธิบายโครงสร้างบริษัทนี่ก่อน เป็นเหมือนธุรกิจครอบครัว
แถวนั้นเค้าเรียกว่าระบบเฒ่าแก่ เราเป็นคนหนึ่งรึป่าวไม่รู้ ที่ทำงานถวายตัวเลย
เริ่มแรกเราก็ทำงานได้ไม่ค่อยดี เท่าไร อาจเป็นเพราะเราไม่มีค่อยมีประสบการณ์ แต่เราก็พยาทำให้มันออกมาดีนะ
ครั้งแรกเราเกือบถูกไล่ออกแล้ว แต่พี่หัวหน้างาน เค้าบอกว่ายังให้โอกาสเราทำงานต่อ
เราเห็นแบบนั้น เราก็พยายามทำงาน ฝึกฝนงาน จนเจ้านายเห็นความพยายาม
แล้วทำงานจนคล่อง หลังจากนั้นเขาให้เราทำอะไร เราก็สามารถทำได้
กลายเป็นว่าเราเกือบทำเองทุกอย่าง
(ปล.บริษัทที่นี่เปลี่ยนพนักงานบ่อยมากอาจเป็นเขาเขี้ยวงานหนักเกินไป และที่แผนกเราต้องมีพนักงานประมาณ 6 คนแต่จุดๆนั้นเราทำ คนเดียวเพราะเหลือคนเดียว )
พอเราทำเป็นทุกอย่างได้เขาก็ใช้เรา เราก็เต็มใจทำถือว่าเอาประสบการณ์ แล้วมาถึงจุดหนึ่งๆที่เราทำงานหนักเกินไปแล้ว
คือทำงานติดต่อกัน ประมาณ 10 เดือน (ทำงาน 7 วันตั้งแต่ 08.00-22.00น.เงินเดือน 12,000) บวกกับเจ้าของด่าเราว่าวันนึงทำไรบ้าง
(เขาเป็นคนพูดหยาบแต่เป็นใจดีที่เราสัมผัสนะ แต่

คือบอกกูไม่ทำอะไร )
เราไม่ได้พักเรย มาถึงจุดที่ว่า ไม่ไหวกับชีวิต มองกระจกแล้วร้องไห้
เห็นสภาพตัวเอง โทรมมาก แล้วพูดกับตัวเองว่าไหวมั้ยเนี้ย
วันหยุดอะไรก็ไม่ได้ไปไหน แม่ไปหาบ้างรึป่าว ชีวิตนี้จะอยู่ตรงนี้
จริงๆหรอว่ะ มานั่งทบทวน กลับมาคุยพี่ร่วมงานที่เราสนิท ว่าเราควรทำอย่างไร
พี่เขาก็บอกว่าให้ไปทำที่ดีกว่านี้จะทนทำไมพี่แก่แล้ว ในใจเราก็ยังไม่อยากออก
อาจจะเป็นเพราะเราผูกพันกับที่นี่ อาจเป็นเพราะเรากลัวการเริ่มตันใหม่
กลัวหางานไม่ได้ หลายๆอย่าง ในใจจะออกเรยแบบออกไปเรย
แต่พี่ทำงานบอกว่าให้มาทำให้ถูกต้อง เราก็โอเค เขียนลาออกดีกว่า
เช้าขึ้นมาเจ้านายเรียกไปพบว่าเป็นอะไร เราก็ได้แต่บอกว่าอยากกลับบ้าน
แล้วเขาก็บอกว่า อยากกลับจะให้กลับ ลาออกทำไม มีอะไรรึป่าว เราก็ไม่ตอบ
เขาบอกเรามาอยู่ขนาดนี้แล้วกูเห็นเป็นเป็นน้องนะ เป็นอะไร เราก็ไม่ตอบ
นึกในใจเราต้องออกให้ได้ พอเราไม่โต้ตอบอะไร เขาก็เหมือนโมโห เขาพยายามบอกเราว่าถ้าออกกูจะแจ้งตำรวจจับ
จะยัดข้อหาใส่ เราบอกว่าหนูทำอะไรผิด เขาก็บอกว่าอย่างน้อยก็ทำให้เสียเวลา
เราเป็นแบบนั้นเขียนใบลาออก หันหลังกลับบ้าน

เรย 7 วันผ่านไป
ฝ่ายบุคคลก็โทรมาให้มาไกล่เกลี่ย เราก็ไปนะ ปรากฎว่าคุณขา ยัดข้อหา ลักทรัพย์
เราเห้ยยอีผีบ้า ต้องทำเราขนาดนี้เรยหรอว่ะ เราบอกว่าถ้าไม่เลิกเราก็ไม่ยอมก็
เราไม่ได้ทำอะไรผิด หลังจากนี้เรื่องก็เงียบ แล้วเราก็รู้สันดาน นิสัยของเจ้าของ
เราบอกตัวเองว่า ดีแล้วที่เราออกจากขุมนรก
ไม่มีบริษัทไหนที่มองเราเป็นครอบครัวหรอก

หลอกลวง
ทั้งนี้เราขอขอเตือนน้องๆที่เรียนจบใหม่ ไม่ต้องทำงานถวายหัว ถวายตัว ขนาดนั้นหรอก เราทำงานแค่เเลกเงิน ไม่ใช่เป็นทาสเขา
ที่จริงเราไม่ได้โกรธพวกเขานะ อโหสิด้วย สงสารด้วยซ้ำ ชาติหน้าอย่าได้เจอกันอีก เขาทำตัวเขาทั้งนี้ ไม่มีลูกน้องมี่ดีเรย โอเครเราก็ออกมาแล้ว แต่

เจ็บปวด

นึกถึงทีไรเจ๊บปวดขึ้นมาทันที อยากลืมความทรงจำนี้ ยิ่งกว่าเลิกกว่าแฟนอีกเรา บ้าจริงๆ
พอได้งานใหม่ ทำงานได้ 17000 ทำงาน จ*ศ เข้าแป๊ะ เลิกเเป๊ะ คือดี แต่ก็ยังขอบคุณประสบการณ์ที่แข็งแร่งที่นั่นล่ะกันปล.เรื่องนร้เรท่องจริงไม่อิงนิยายค่ะขอบคุณ ที่เข้ามาอ่านนะค่ะ ที่เรามาตั้งกระทู้เพราะยังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่
ใครมีความทรงจำที่แสนเจ็บปวดแบบนี้บ้าง ก็มาแชร์ประสบการณ์บ้างนะค่ะ สวัสดี.
เคยมั้ย ทำงานที่แรกหลังเรียนจบ เคยทุ่มเททั้งตัว
ค่ะจากที่เราเรียนจบเราก็ไปสมัครงานทำ
ก่อนอื่นเราขออธิบายโครงสร้างบริษัทนี่ก่อน เป็นเหมือนธุรกิจครอบครัว
แถวนั้นเค้าเรียกว่าระบบเฒ่าแก่ เราเป็นคนหนึ่งรึป่าวไม่รู้ ที่ทำงานถวายตัวเลย
เริ่มแรกเราก็ทำงานได้ไม่ค่อยดี เท่าไร อาจเป็นเพราะเราไม่มีค่อยมีประสบการณ์ แต่เราก็พยาทำให้มันออกมาดีนะ
ครั้งแรกเราเกือบถูกไล่ออกแล้ว แต่พี่หัวหน้างาน เค้าบอกว่ายังให้โอกาสเราทำงานต่อ
เราเห็นแบบนั้น เราก็พยายามทำงาน ฝึกฝนงาน จนเจ้านายเห็นความพยายาม
แล้วทำงานจนคล่อง หลังจากนั้นเขาให้เราทำอะไร เราก็สามารถทำได้
กลายเป็นว่าเราเกือบทำเองทุกอย่าง
(ปล.บริษัทที่นี่เปลี่ยนพนักงานบ่อยมากอาจเป็นเขาเขี้ยวงานหนักเกินไป และที่แผนกเราต้องมีพนักงานประมาณ 6 คนแต่จุดๆนั้นเราทำ คนเดียวเพราะเหลือคนเดียว )
พอเราทำเป็นทุกอย่างได้เขาก็ใช้เรา เราก็เต็มใจทำถือว่าเอาประสบการณ์ แล้วมาถึงจุดหนึ่งๆที่เราทำงานหนักเกินไปแล้ว
คือทำงานติดต่อกัน ประมาณ 10 เดือน (ทำงาน 7 วันตั้งแต่ 08.00-22.00น.เงินเดือน 12,000) บวกกับเจ้าของด่าเราว่าวันนึงทำไรบ้าง
(เขาเป็นคนพูดหยาบแต่เป็นใจดีที่เราสัมผัสนะ แต่
เราไม่ได้พักเรย มาถึงจุดที่ว่า ไม่ไหวกับชีวิต มองกระจกแล้วร้องไห้
เห็นสภาพตัวเอง โทรมมาก แล้วพูดกับตัวเองว่าไหวมั้ยเนี้ย
วันหยุดอะไรก็ไม่ได้ไปไหน แม่ไปหาบ้างรึป่าว ชีวิตนี้จะอยู่ตรงนี้
จริงๆหรอว่ะ มานั่งทบทวน กลับมาคุยพี่ร่วมงานที่เราสนิท ว่าเราควรทำอย่างไร
พี่เขาก็บอกว่าให้ไปทำที่ดีกว่านี้จะทนทำไมพี่แก่แล้ว ในใจเราก็ยังไม่อยากออก
อาจจะเป็นเพราะเราผูกพันกับที่นี่ อาจเป็นเพราะเรากลัวการเริ่มตันใหม่
กลัวหางานไม่ได้ หลายๆอย่าง ในใจจะออกเรยแบบออกไปเรย
แต่พี่ทำงานบอกว่าให้มาทำให้ถูกต้อง เราก็โอเค เขียนลาออกดีกว่า
เช้าขึ้นมาเจ้านายเรียกไปพบว่าเป็นอะไร เราก็ได้แต่บอกว่าอยากกลับบ้าน
แล้วเขาก็บอกว่า อยากกลับจะให้กลับ ลาออกทำไม มีอะไรรึป่าว เราก็ไม่ตอบ
เขาบอกเรามาอยู่ขนาดนี้แล้วกูเห็นเป็นเป็นน้องนะ เป็นอะไร เราก็ไม่ตอบ
นึกในใจเราต้องออกให้ได้ พอเราไม่โต้ตอบอะไร เขาก็เหมือนโมโห เขาพยายามบอกเราว่าถ้าออกกูจะแจ้งตำรวจจับ
จะยัดข้อหาใส่ เราบอกว่าหนูทำอะไรผิด เขาก็บอกว่าอย่างน้อยก็ทำให้เสียเวลา
เราเป็นแบบนั้นเขียนใบลาออก หันหลังกลับบ้าน
ฝ่ายบุคคลก็โทรมาให้มาไกล่เกลี่ย เราก็ไปนะ ปรากฎว่าคุณขา ยัดข้อหา ลักทรัพย์
เราเห้ยยอีผีบ้า ต้องทำเราขนาดนี้เรยหรอว่ะ เราบอกว่าถ้าไม่เลิกเราก็ไม่ยอมก็
เราไม่ได้ทำอะไรผิด หลังจากนี้เรื่องก็เงียบ แล้วเราก็รู้สันดาน นิสัยของเจ้าของ
เราบอกตัวเองว่า ดีแล้วที่เราออกจากขุมนรก
ไม่มีบริษัทไหนที่มองเราเป็นครอบครัวหรอก
ทั้งนี้เราขอขอเตือนน้องๆที่เรียนจบใหม่ ไม่ต้องทำงานถวายหัว ถวายตัว ขนาดนั้นหรอก เราทำงานแค่เเลกเงิน ไม่ใช่เป็นทาสเขา
ที่จริงเราไม่ได้โกรธพวกเขานะ อโหสิด้วย สงสารด้วยซ้ำ ชาติหน้าอย่าได้เจอกันอีก เขาทำตัวเขาทั้งนี้ ไม่มีลูกน้องมี่ดีเรย โอเครเราก็ออกมาแล้ว แต่
พอได้งานใหม่ ทำงานได้ 17000 ทำงาน จ*ศ เข้าแป๊ะ เลิกเเป๊ะ คือดี แต่ก็ยังขอบคุณประสบการณ์ที่แข็งแร่งที่นั่นล่ะกันปล.เรื่องนร้เรท่องจริงไม่อิงนิยายค่ะขอบคุณ ที่เข้ามาอ่านนะค่ะ ที่เรามาตั้งกระทู้เพราะยังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่
ใครมีความทรงจำที่แสนเจ็บปวดแบบนี้บ้าง ก็มาแชร์ประสบการณ์บ้างนะค่ะ สวัสดี.