ฉันเคยเป็นผู้หญิงที่มีหน้าที่การงานที่ดี มีเงินเดือนดีๆ ช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว จะซื้อเดรสตัวสวย ลิปสติกสีใหม่ก็ซื้อด้วยเงินเดือนฉันเอง แทบไม่ต้องเอ่ยปากขอสามี
แต่มาวันนี้เมื่อฉันตั้งท้อง และเริ่มวางแผนกับสามีแล้วว่าต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเลี้ยงลูกอยู่บ้าน นั่นหมายถึงว่าฉันจะต้องลาออกจากงาน จากตำแหน่งที่มั่นคงเพื่อมาเลี้ยงลูกมนุษย์ตัวน้อยที่กำลังจะเกิดมา มันเป็นความคิดที่หวานอมขมกลืน ที่ฉันดีใจที่จะได้เลี้ยงลูกและฟูมฟักเค้าให้เติบโตด้วยมือฉันเอง และมันก็เป็นความคิดที่หน้ากลัวด้วยว่า ครอบครัวฉันจะยังมั่นคงทางด้านการเงินไหม สามีทำงานคนเดียวจะไหวพอที่จะเลี้ยงเราสองคนแม่ลูกหรือเปล่า และหน้าที่การงานที่สะสมมา วันนี้ฉันต้องทิ้งมันไปต่อหน้าต่อตาเพื่อมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกเต็มตัวหรือ
ความคิดสับสนวุ่นวายในหัว แต่เมื่อเราสองคนตัดสินใจแล้วว่า สามีทำหน้าที่ทำงานนอกบ้านหาเงิน ให้ความมั่นคงกับครอบครัว ส่วนฉันจะทำหน้าที่ในการเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด
แต่พอได้มาเลี้ยงลูกแบบเต็มตัวจริงๆ ฉันกลับพบว่า การเป็นแม่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มตัวนั้นมันไม่ได้ง่ายเลย ในวันที่ฉันท้อ ลูกฉันงอแง ไม่ยอมนอน มันทำให้ฉันหวนคิดถึงหน้าที่การงานที่ฉันเคยมี ฉันเคยได้ทำงานอย่างสงบมีสมาธิ แต่มาวันนี้ฉันจะอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมา ยังไม่มีเวลาอ่านให้จบ เพราะลูกร้องหิวนม ฉันเคยได้กินข้าวกลางวัน คุยสนุกสนานกับเพื่อนร่วมงาน แต่มาวันนี้มือนึงฉันอุ้มลูก อีกมือนึงฉันรีบเอาข้าวยัดเข้าปาก ไม่แน่ใจว่าได้เคี้ยวบ้างรึเปล่า ฉันเคยเลิกจากงานแล้วไปห้าง ดูหนัง กินข้าว ชีวิตแสนสบาย แต่มาวันนี้เมื่อลูกเข้านอนแล้ว ฉันต้องมาจัดการงานบ้านที่คั่งค้างไว้ทั้งวัน
กองผ้าที่รอการซัก และรอการพับ จานที่กองพูนสูงจะล้นอ่าง ขวดนมลูกที่แช่ไว้รอการล้าง กับสภาพฉันที่ยังไม่ได้อาบน้ำ เสื้อเต็มไปด้วยคราบอ้วก คราบแหวะนม มันทำให้ฉันอดน้อยใจไม่ได้เมื่อคนรอบกายถามว่า ฉันอยู่บ้านเลี้ยงลูกคงสบายเน๊อะ วันๆนึงคงนั่งว่างดูละคร ดูหนัง ฟังเพลง แต่ผู้คนเหล่านั้นหารู้ไม่ว่า ที่ลูกฉันกินอิ่มนอนอุ่น มีพัฒนาการที่ดีสมวัย และภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเค้า มันมีคนๆ นึงที่เสียสละทั้งแรงกาย แรงใจ ความอดทน การอดหลับอดนอน เวลาส่วนตัว ให้กับอีกมนุษย์คนนึงชื่อ ‘ลูก’ อย่างไม่มีข้อแม้ และคนๆ นั้นก็คือ ‘แม่ที่เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน’
ขอเป็นกำลังใจให้แม่ๆ ทั้งหลายที่อาจจะรู้สึกเครียด ซืมเศร้า ไร้ค่า แต่หันมามองลูกแล้ว คุณจะรู้สึกภูมิใจที่คุณได้เลี้ยงเองกับมือ เสียงหัวเราะ รอยยิ้มมันคือพลังงานอันยิ่งใหญ่ที่ผลักดันให้เรามีกำลังใจต่อไป
ปล. กระทู้นี้เป็นกระทู้ให้กำลังใจแม่ๆ ที่เลี้ยงลูกอยู่บ้าน สำหรับแม่ๆ ที่ทำงานไปด้วยกลับมายังต้องมาดูลูก คุณแกร่งยิ่งกว่า เจ้าของกระทู้ขอชื่นชมจากใจนะคะ เพราะรู้ว่ามันไม่ได้ง่ายเลย ส่วนคุณพ่อๆ ที่เข้ามาอ่านก็ไม่ต้องน้อยใจนะคะ ถ้าคุณทำงานเป็นเสาหลักของครอบครัว นั่นก็เป็นหน้าที่ที่สำคัญในการสร้างความครัวเช่นกันค่ะ อย่าลืมนะคะว่า ‘Team work makes a dream work’
ฝากติดตามเพจเล็กๆ นี้ด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/YummyMommyVenus
กระทู้แปะมือให้กำลังใจ ‘แม่ที่เลี้ยงลูกอยู่บ้าน’ ว่าคุณไม่ได้ด้อยค่า และคุณกำลังทำหน้าที่ที่สำคัญที่สุด
แต่มาวันนี้เมื่อฉันตั้งท้อง และเริ่มวางแผนกับสามีแล้วว่าต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเลี้ยงลูกอยู่บ้าน นั่นหมายถึงว่าฉันจะต้องลาออกจากงาน จากตำแหน่งที่มั่นคงเพื่อมาเลี้ยงลูกมนุษย์ตัวน้อยที่กำลังจะเกิดมา มันเป็นความคิดที่หวานอมขมกลืน ที่ฉันดีใจที่จะได้เลี้ยงลูกและฟูมฟักเค้าให้เติบโตด้วยมือฉันเอง และมันก็เป็นความคิดที่หน้ากลัวด้วยว่า ครอบครัวฉันจะยังมั่นคงทางด้านการเงินไหม สามีทำงานคนเดียวจะไหวพอที่จะเลี้ยงเราสองคนแม่ลูกหรือเปล่า และหน้าที่การงานที่สะสมมา วันนี้ฉันต้องทิ้งมันไปต่อหน้าต่อตาเพื่อมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกเต็มตัวหรือ
ความคิดสับสนวุ่นวายในหัว แต่เมื่อเราสองคนตัดสินใจแล้วว่า สามีทำหน้าที่ทำงานนอกบ้านหาเงิน ให้ความมั่นคงกับครอบครัว ส่วนฉันจะทำหน้าที่ในการเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด
แต่พอได้มาเลี้ยงลูกแบบเต็มตัวจริงๆ ฉันกลับพบว่า การเป็นแม่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มตัวนั้นมันไม่ได้ง่ายเลย ในวันที่ฉันท้อ ลูกฉันงอแง ไม่ยอมนอน มันทำให้ฉันหวนคิดถึงหน้าที่การงานที่ฉันเคยมี ฉันเคยได้ทำงานอย่างสงบมีสมาธิ แต่มาวันนี้ฉันจะอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมา ยังไม่มีเวลาอ่านให้จบ เพราะลูกร้องหิวนม ฉันเคยได้กินข้าวกลางวัน คุยสนุกสนานกับเพื่อนร่วมงาน แต่มาวันนี้มือนึงฉันอุ้มลูก อีกมือนึงฉันรีบเอาข้าวยัดเข้าปาก ไม่แน่ใจว่าได้เคี้ยวบ้างรึเปล่า ฉันเคยเลิกจากงานแล้วไปห้าง ดูหนัง กินข้าว ชีวิตแสนสบาย แต่มาวันนี้เมื่อลูกเข้านอนแล้ว ฉันต้องมาจัดการงานบ้านที่คั่งค้างไว้ทั้งวัน
กองผ้าที่รอการซัก และรอการพับ จานที่กองพูนสูงจะล้นอ่าง ขวดนมลูกที่แช่ไว้รอการล้าง กับสภาพฉันที่ยังไม่ได้อาบน้ำ เสื้อเต็มไปด้วยคราบอ้วก คราบแหวะนม มันทำให้ฉันอดน้อยใจไม่ได้เมื่อคนรอบกายถามว่า ฉันอยู่บ้านเลี้ยงลูกคงสบายเน๊อะ วันๆนึงคงนั่งว่างดูละคร ดูหนัง ฟังเพลง แต่ผู้คนเหล่านั้นหารู้ไม่ว่า ที่ลูกฉันกินอิ่มนอนอุ่น มีพัฒนาการที่ดีสมวัย และภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเค้า มันมีคนๆ นึงที่เสียสละทั้งแรงกาย แรงใจ ความอดทน การอดหลับอดนอน เวลาส่วนตัว ให้กับอีกมนุษย์คนนึงชื่อ ‘ลูก’ อย่างไม่มีข้อแม้ และคนๆ นั้นก็คือ ‘แม่ที่เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน’
ขอเป็นกำลังใจให้แม่ๆ ทั้งหลายที่อาจจะรู้สึกเครียด ซืมเศร้า ไร้ค่า แต่หันมามองลูกแล้ว คุณจะรู้สึกภูมิใจที่คุณได้เลี้ยงเองกับมือ เสียงหัวเราะ รอยยิ้มมันคือพลังงานอันยิ่งใหญ่ที่ผลักดันให้เรามีกำลังใจต่อไป
ปล. กระทู้นี้เป็นกระทู้ให้กำลังใจแม่ๆ ที่เลี้ยงลูกอยู่บ้าน สำหรับแม่ๆ ที่ทำงานไปด้วยกลับมายังต้องมาดูลูก คุณแกร่งยิ่งกว่า เจ้าของกระทู้ขอชื่นชมจากใจนะคะ เพราะรู้ว่ามันไม่ได้ง่ายเลย ส่วนคุณพ่อๆ ที่เข้ามาอ่านก็ไม่ต้องน้อยใจนะคะ ถ้าคุณทำงานเป็นเสาหลักของครอบครัว นั่นก็เป็นหน้าที่ที่สำคัญในการสร้างความครัวเช่นกันค่ะ อย่าลืมนะคะว่า ‘Team work makes a dream work’
ฝากติดตามเพจเล็กๆ นี้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/YummyMommyVenus