แลนด์สไลด์ ก.ท.ม .....เลือกอนาคตใหม่.....ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว cnck

3 วันสุดท้าย !!!!  ก่อนถึงการเลือกตั้ง 2562 ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 28 ของไทย 

ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง สนามเลือกตั้งที่เป็นไฮไลท์สำคัญที่สุด จะเป็นสนามใดไปไม่ได้นอกจาก สนามกรุงเทพมหานคร

ด้วยเหตุที่ว่าเป็นเมืองหลวง และ มีจำนวน ส.ส มากที่สุด

คน กรุงเทพฯ มีวัฒนธรรมในการเลือกตั้งที่แปลก  ไม่ปักใจลงคะแนนให้พรรคใดพรรคหนึ่งเป็นพิเศษ

เปลี่ยนไปได้เรื่อยๆตามสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นๆ  ถ้าจะใช้ศัพท์ให้ทันสมัย ก็ต้องพูดว่า

"กรุงเทพมหานคร เป็น swing state " ใครได้เสียงจำนวนมากของ ก.ท.ม  พรรคนั้นก็จะมีราศรีเพิ่มขึ้นมาทันที

ถ้าดูประวัติการเลือกตั้งในอดีต เฉพาะสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯ จะพบความแปลกอย่างหนึ่งคือ

คนกรุงเทพฯ จะเปลี่ยนความนิยมต่อพรรคการเมืองทุกๆ 10 ปี โดยประมาณ....

2522 ประชากรไทย  2535  พลังธรรม   2544 ไทยรักไทย  2550 ประชาธิปัตย์


ถ้าวงล้อประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย  การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคที่จะครองใจคน  ก.ท.ม  ก็ต้องเป็นพรรคใหม่

และถ้าอิงกระแสตอนนี้แล้ว  พรรคใหม่ที่มีแนวโน้มจะกวาดพื้นที่  ก.ท.ม   ก็คือ

พรรค อนาคตใหม่ นั่นเอง


การเลือกตั้งครั้งนี้ มีกติกาที่แปลกไปจากทุกครั้ง นั่นคือ

คะแนนของฝ่ายแพ้ ไม่สูญเปล่าอย่างทุกครั้ง แต่กลับถูกนำมาคิดเพื่อจัดสรรเป็น ส.ส บัญชีรายชื่อ

ซึ่งการออกแบบแบบนี้ ทำให้พรรคใหญ่ 2 พรรค คือ เพื่อไทย และ ประชาธิปัตย์ 

มีโอกาสสูงมากที่จะไม่ได้ ส.ส ระบบบัญชีรายชื่อเลยแม้แต่คนเดียว

เรียกได้ว่าเป็น พรรค หัวขาด ได้เต็มปาก

วิธีคิดคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ

https://pantip.com/topic/38675346

กลับมาที่สมมติฐานที่ว่า "ถ้าพรรคอนาคตใหม่แจ้งเกิดและทำให้เกิดแลนด์สไลด์ในสนาม ก.ท.ม นี้ได้ "

ผลที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้น

1 พรรคเพื่อไทย มีโอกาสได้ ปาร์ตี้ลิสต์ มากขึ้น

ถึงแม้ พรรคเพื่อไทย อาจจะเสีย ส.ส เขต  ไปประมาณ 8-10 ที่

(คาดการณ์จากจำนวน  ส.ส เดิม และจากโพลต่างๆเมื่อราวสองสัปดาห์ก่อน)

แต่สิ่งที่เพื่อไทยจะได้ก็คือ คะแนนที่แพ้เขตเลือกตั้งต่างๆ 22 เขต จะถูกนำไปรวมไปคิดตามสูตร "ส.ส. พึงจะมีได้"

ซึ่งหมายความว่า  บัญชีรายชื่อเบอร์ต้นๆของเพื่อไทย เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ คุณภูมิธรรม ฯ

ก็จะมีความหวังเข้าสู่สภามากขึ้น


 พูดอีกอย่างตามกลยุทธ์ก็คือ "เอาม้าชั้นกลางไปเปลี่ยนม้าชั้นดีนั่นเอง"

2 ทำลายโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ และปลด อภิสิทธิ์ ลงจากหัวหน้าพรรค

มาถึงตรงนี้ ทุกคนที่เป็นแฟนการเมืองต่างก็รู้ดีว่า 

"การชนะการเลือกตั้งในแบบเขต จะได้เปรียบกว่าการได้ที่นั่งในระบบบัญชีรายชื่อ"

เหตุผลเพราะ

การชนะในแบบเขต ใช้คะแนนการเลือกตั้งน้อยกว่า ยิ่งคราวนี้มีแนวโน้มผู้มาใช้สิทธิ์มาก

การจะได้  ส.ส บัญชีรายชื่อ 1 คน อาจจะต้องใช้คะแนนถึง 80,000 ถึง 150,000 คะแนน  ต่อคน

ในขณะที่การชนะแบบเขต โดยเฉพาะเขตที่มีผู้สมัครสูสีเบียดกันเกินกว่า 2 คน

คนที่ชนะการเลือกตั้งอาจใช้คะแนนแค่ 4 หมื่นเศษ ก็ได้  ส.ส 1 ที่ แล้ว

ในสนามกรุงเทพ แชมป์เก่าคือ ประชาธิปัตย์ อาจจะชนะถึง 22-25 ที่นั่งในระบบเขต

และชนะด้วยคะแนนน้อยกว่าที่ควรจะเป็นด้วย  ถ้า อนาคตใหม่  สร้างปรากฏการณ์ตรงนี้ได้

สิ่งที่ ปชป ได้เปรียบก็จะหมดไป  เพราะถึงแม้จะเอาคะแนนไปคิดระบบบัญชีรายชื่อ แต่คำนวนแล้ว

อาจจะเปลี่ยนเป็น  ส.ส ได้ไม่เกิน 7 ที่  นั่นคือ  ส.ส ลดลงทันที 13-15 ที่

นั่นทำให้โอกาสที่พรรคนี้จะได้คะแนนเกิน 100 ยิ่งริบหรี่  และถ้าภาคใต้พรรคนี้ถูกเบียดไปอีก 10 ที่นั่ง

มาร์ค อภิสิทธิ์  ก็ game over ทันที และอำนาจในการต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาลก็จะน้อยลงหรือหมดไป


เหตุผลหลัก 2 ข้อ เบื้องต้น  จึงอยากให้คนที่จะยังลังเลตัดสินใจไม่ได้ ลองมอง พรรค อนาคตใหม่ ดู

ส่วนคนที่ตั้งใจเลือกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเขตที่ไม่ได้เป็นตัวเก็ง (ประมาณ 20 เขต)

ลองคิดทบทวนดูว่า ถ้าท่านลงให้ เพื่อไทย  คะแนนท่านจะสูญเปล่าทิ้งน้ำหรือไม่ ?

(เนื่องจากพรรคเพื่อไทยถูกคาดการณ์ว่า จะไม่ได้ บัญชีรายชื่ออยู่แล้ว  นอกจากจะชนะเขตน้อย)

ส่วนใครที่เป็น กองแช่ง ปชป ก็ตัดสินใจว่า ควรลงให้พรรคใดถึงจะ ถูกจริตได้ความสะใจ มากที่สุด

อยากเป็นส่วนหนึ่งหรืออยากให้มีปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ครั้งนี้หรือไม่ ?

ตัดสินใจตามที่ท่านชอบได้เลย

ป.ล  เม้นท์ย่อย จะเล่ารายละเอียดถึงการเกิดล็อกถล่มแต่ละครั้งของ การเลือกตั้งในสนาม ก.ท.ม

ป.ล 2  วันนี้อ่านของ เปลว สีเงิน มีการใช้ศัพท์ว่า "เลยโค้งวัดเบญจะ เข้าสู่ทางตรง" เลยอยากจะเล่าที่มาของศัพท์คำนี้

ป.ล 3  มีนักการเมืองคนหนึ่งได้ชื่อว่า "ผู้ไม่เคยแพ้ในทุกสนามเลือกตั้ง ก.ท.ม"  ลองทายเล่นๆว่าคือใคร ?

ป.ล 4  ดูสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศแล้ว มีโอกาสมากที่จะเกิดแลนด์สไลด์

ป.ล 5 กลยุทธ์ "เอาม้าชั้นกลางไปเปลี่ยนม้าชั้นดี เป็นกลยุทธ์ที่ 11 ชื่อ  李代桃僵 .

cnck