เมื่อคุณแม่ของผม เจอดีที่ รพ. ดัง

เรื่องที่ผมจะมาเล่าแบ่งปันเรื่องนี้ ขอยืนยันนั่งยันว่า เป็นเรื่องจริง 100% แล้วเรื่องนี้เกิดกับตัวของคุณแม่ผมเองครับ
                                                                 ( เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว )

รพ.แห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็น รพ. ที่ดังอันดับต้นๆของประเทศก็ได้ สาเหตุเริ่มต้นที่ต้องมา รพ.นี้ คุณยายมีนัดผ่าหัวเข่า จองลงคิวลงวัน
ไว้เป็นที่เรียบร้อยหมดแล้ว หลังจากผ่าตัดเสร็จ ต้องพักรักษากายอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ ที่ รพ.แห่งนี้ หลังจากที่การผ่าตัดเสร็จสิ้น
คุณยายก็ถูกส่งลงมาห้องพักพิเศษ แบบเดี่ยว สมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้วตึกที่พักผู้ป่วยนี้จะเก่ามากๆ บริเวณทางเดินเข้าหน้าห้องพักแต่
ละห้อง ค่อนข้างน่ากลัวพอสมควร ประตูจะเป็นไม้ดั้งเดิม ทุกๆหน้าห้องจะมีป้ายชื่อของผู้ที่บริจาคเงินสร้างห้องหรือพวกอุปกรณ์ที่
อยู่ภายในห้อง ตั้งแต่สมัยก่อตั้ง รพ. แรกๆเลยก็ว่าได้ ถ้านึกไม่ออกว่าบรรยากาศทางเดินหน้าห้องเป็นยังไง ลองดูภาพนี้ครับ 
                       ภาพนี้ไม่ใช่ของ รพ. ที่จะเล่าเรื่องนี้นะครับ เพียงแต่เป็นบรรยากาศคล้ายๆแนวๆนี้ เกือบ 85% ได้ครับ

ช่วงที่คุณยายถูกส่งลงมาที่ห้องนี้ ประมาณ 1900 - 20.00 ได้แล้ว ค่ำๆคนยังพอมีบ้างพอสมควร พวกผมและคุณแม่ก็เตรียมผ้าห่ม
เตรียมอุปกรณ์ให้คุณแม่ไว้ใช้ตอนอยู่เฝ้าคุณยาย ซึ่งคุณยายนอนสลบอยู่บนเตียง พยาบาลแจ้งว่าน่าจะรู้สึกตัวช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้
วันแรกที่ต้องอยู่ที่ รพ. แห่งนี้ คุณแม่จะเป็นคนนอนเฝ้าคนเดียว ส่วนผมและคุณพ่อคุณตาต้องกลับบ้านกัน เพราะต่างคนมีงานและ
ผมก็กำลังเรียนอยู่ด้วย เลยแยกย้ายกันกลับบ้าน.. ( แทรกนิดนึง ) ขอเล่าถึงบรรยากาศภายในห้องพักหน่อยนะครับ หาภาพไม่ได้จริงๆ
มันนานมาก ผนังทั้งห้องจะเป็นไม้เก่าๆสีเข้มๆ พื้นจะเป็นกระเบื้องยางเก่าพอสมควร ตู้เย็น โซฟา เป็นของเก่าหมด รวมๆน่ากลัวมากๆ
ไฟสีส้มสลัวๆ ชวนขนลุกตั้งแต่ยังไม่นอนเลยด้วยซ้ำ ( ต่อ ) หลังจากทุกคนแยกย้ายกันหมดแล้ว คุณแม่ก็อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย
นั่งดูทีวีไปเรื่อยๆฆ่าเวลา เพราะไม่คุ้นสถานที่ จู่ๆแม่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า  ลืมซื้อพวงมาลัยมาไหว้ถวายเจ้าที่ในห้องพัก  ทำไงดีล่ะ..
หันมามองนาฬิกาก็ปาไป 22.00 แล้ว ร้านแถวไหนจะมาขายพวงมาลัยตอนนี้ จะเสี่ยงเดินไปหน้า รพ. ตอนนี้ก็กลัวคุณยายจะตื่น
เผื่อเรียกพาไปห้องน้ำหรือเรียกหา คุณแม่เลยตัดสินใจ ไม่เป็นไร ไว้ค่อยไปซื้อพรุ่งนี้เข้ามาไหว้ทีหลังก็ได้ จะได้ไหว้ศาลใหญ่ที่
ข้างล่างหน้าตึกไปด้วยเลยทีเดียว คุณแม่ก็เลยนั่งดูทีวีต่อจนถึงเวลา น่าจะ 23.00 เลยปิดทีวี เดินไปปิดไฟสีส้มสลัวๆของห้องพัก
แต่เปิดไฟตรงหน้าประตูดวงเล็กๆไว้ 1 ดวง กับไฟในห้องน้ำ 1 ดวง ซึ่งแง้มประตูห้องน้ำไว้นิดนึง คุณแม่ก็ทำการเริ่มนอนพักบน
โซฟาของห้อง และเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีไม่แน่ใจกี่โมง ตื่นสลึมสลือเพราะได้ยินเสียงคนคุยกันในห้องที่อยู่
พอคุณแม่ค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นไม่ใช่พยาบาล ไม่ใช่หมอ ไม่ใช่แม่บ้าน ไม่ใช่พวกผม แต่เป็นใครก็ไม่รู้ มายืนรุมจ้องคุณแม่
ตรงโซฟา คุณแม่เล่าว่าเท่าที่จำได้ มีประมาณ 5-6 คน มายืนมองยืนรุมจ้องเป็นวงกลม ชุดที่พวกนั้นใส่ เป็นชุดไทยโบราณ น่าจะ
สมัยรัชการที่ 5 มี ผู้ชายถอดเสื้อน่าจะใส่จงกระเบนข้างล่าง แต่ดูน่ากลัวเกรงขามมากๆ ผู้หญิงก็ใส่ชุดแบบข้าราชการโบราณสีขาว

  
ชุดจะออกประมาณนี้ครับ เท่าที่คุณแม่หาและส่งแบบชุดมาให้ผม ผู้ชายแต่งตัวแบบเต็มยศก็มี ถอดเสื้อมีกล้ามมีรอยสักก็มี ปนๆกัน
คุณแม่เหมือนถูกผีอำ พูดไม่ออกขยับตัวไม่ได้ ได้แต่หรี่ตามองไปมา ทำได้แค่สวดมนต์แผ่เมตตา และขอโทษหากลบหลู่อะไรไป
พรุ่งนี้จะซื้อพวงมาลัยมาถวายที่หัวเตียงและถวายที่ศาลด้านล่าง ให้อย่างดีเลย หลังจากนั้นคุณแม่ก็เหมือนสลบไป มารู้สึกตัวตอน
แม่บ้านเคาะห้องมาทำความสะอาดตอนเช้า พอตื่นปุป ก็รีบลงไปหาซื้อพวงมาลัยมาไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เรื่องนี้ทำเอาคุณแม่ขนลุก
ถึงมากที่สุด เลยมานั่งปรึกษาพวกผมว่า เขาเจอมาแบบงี้ๆ กลัวมากๆ แล้ว + คุณแม่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว กลัวจะแย่ไปด้วย จะทำไงดี
เลยไปปรึกษาพยาบาล ว่าจะขอจ้างพยาบาลดูแลพิเศษเลยบอกกับคุณยายว่า รู้สึกป่วยๆกลัวมาติดคุณยาย เลยจ้างพยาบาลมาดูแล
แทน คุณยายก็เข้าใจและเห็นด้วยไม่อยากให้มาอยู่เฝ้า กลัวเจอเชื้อโรคติดไข้มาแพร่เชื้อคุณยายอีกด้วย แต่พวกผมและคุณแม่ก็ยัง
มาเยี่ยมคุณยายทุกๆวันนะครับ ไม่ได้ทิ้งไปไหน เพียงแต่ ช่วงกลางคืน ขอไม่อยู่ด้วย ให้ทางพยาบาลที่รับจ๊อบดูแลเวลานอก ให้เขา
อยู่ช่วยดูแลแทน ช่วงเช้าคุณแม่ค่อยกลับมาดูแลต่อ จนถึงค่ำค่อยกลับ 

ปล.หากพิมพ์อ่านยากหรือเรียบเรียงไม่ค่อยเข้าใจ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ แต่ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง 100% ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่