ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ จขกท. เป็นผู้หญิงอายุ 25 ปีค่ะ เรียนจบปริญญาตรี ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยตั้งแต่อายุ 18 ครอบครัวฐานะปานกลางค่ะแต่อยากแบ่งเบาภาระพ่อแม่เลยเลือกจะทำงานไปด้วยเรียนด้วย
-ถ้าแท๊กผิดอย่างไรต้องขอโทษล่วงหน้านะคะ -ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนทิ้งคำถามไว้ได้ค่ะ จะมาตอบเท่าที่ตอบได้ -กระทู้นี้เขียนเพื่ออยากช่วยเหลือหลายๆ คนที่ไม่กล้าไปพบจิตแพทย์ จิตแพทย์ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ
วันที่ 14/03/2562 วันนี้เป็นวันที่ตัดสินใจหาจิตแพทย์ เพราะเริ่มกลัวความคิดตัวเองแล้ว
ก่อนอื่นขอแนะนำการหาหมอที่นี่ก่อนนะคะ รพ.สมเด็จเจ้าพระยาเปิดรับคิวตั้งแต่ 7.00 น. ถึง 10.00 น. ถ้ามาแล้วคิวเต็มทาง รพ.จะนัดให้มาในวันถัดไปหรือวันที่เราสะดวกแล้วแต่จะตกลงกับทาง รพ. ที่นี่มีคลีนิกนอกเวลาด้วยค่ะเปิด 17.00 น. ปิด 19.00 น.
วันนี้ได้พบกับคุณหมอ ทางคุณหมอได้สอบถามจุดประสงค์ที่มา รพ. เราก็เล่าไปว่าเกิดเหตุการณ์ผิดหวังเรื่องงาน จากการโดนที่ทำงานขายฝันเรื่องบรรจุเข้าทำงานเลยตัดสินใจลาออก (ไม่ขอลงรายละเอียดเรื่องงานนะคะ) และก่อนหน้านี้ช่วง ม.ปลาย เราเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้ว 1 ครั้ง เนื่องจากครอบครัวมีปัญหา พ่อแม่มีการทำร้ายร่างกายกันและทำร้ายเราด้วย
ช่วงเริ่มคิดจะออกจากงาน มีคิดเรื่องอยากตายบ่อย อยากตายทุกครั้งที่ท้อแท้ ร้องไห้มากเกินผิดปกติ ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือหลายคนเราก็ร้องไห้ได้ มันผิดจากนิสัยของเราที่เป็นคนเฮฮา ร่าเริง ทำให้เพื่อนหัวเราะได้ตลอด เริ่มมีอาการขี้กังวลมากเกินจนเพื่อนกับแฟนทัก แล้วเราก็ทำงานผิดพลาดไม่มีสมาธิ กลางคืนนอนตี 3-4 ตลอดนอนไม่หลับ จากคนที่มีเพื่อนเยอะก็ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากมีเพื่อน บางครั้งไม่อยากเจอแม้กระทั่งกับแฟน อยากอยู่คนเดียวในห้องนอนที่บ้าน ตื่นเช้ามาไม่เคยสดชื่น คิดว่าแค่อยู่ให้พ้นไปวันๆ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่านั่นล่ะค่ะแล้วก็วนลูปร้องไห้อีกตามเคย เลยเป็นจุดที่ตัดสินใจมาพบหมอ
หลังจากที่คุยกับคุณหมอร่วม 2 ชม. คุยไปร้องไห้ไปจนใช้ทิชชู่ของหมอหมดห่อ 55555 คุณหมอได้ปรึกษากับอาจารย์หมอแล้วสรุปว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า และจะต้องใช้ยาในการรักษา แต่เรายังไม่ได้เป็นถึงขั้นที่จะคิดหาวิธีตาย หมอจ่ายยาอย่างเบาๆ ให้
เอาจริงๆ นะเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะเป็น เราทำแบบทดสอบออนไลน์หลายชุด แต่ละชุดก็บอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า แต่เราคิดว่าเราคงคิดมากไปเองหรือเปล่า ถ้าใครที่กำลังคิดว่าตัวเองจะเป็นหรือลองทำแบบทดสอบแล้วมีแนวโน้ม เราว่าหาหมอเถอะค่ะ คุณจะมีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น อย่างน้อยถ้าไม่ได้เป็นคุณก็ยังได้ระบายออกมาบ้าง
ค่าใช้จ่ายในการหาหมอครั้งแรกค่ะ เรายังมีนัดพบหมอต่ออีก ครั้งต่อไปเป็นอย่างไรไว้จะมาอัพเดทนะคะ
วันที่โรคซึมเศร้าเข้ามาเป็นเพื่อนกัน
-ถ้าแท๊กผิดอย่างไรต้องขอโทษล่วงหน้านะคะ -ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนทิ้งคำถามไว้ได้ค่ะ จะมาตอบเท่าที่ตอบได้ -กระทู้นี้เขียนเพื่ออยากช่วยเหลือหลายๆ คนที่ไม่กล้าไปพบจิตแพทย์ จิตแพทย์ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ
วันที่ 14/03/2562 วันนี้เป็นวันที่ตัดสินใจหาจิตแพทย์ เพราะเริ่มกลัวความคิดตัวเองแล้ว
ก่อนอื่นขอแนะนำการหาหมอที่นี่ก่อนนะคะ รพ.สมเด็จเจ้าพระยาเปิดรับคิวตั้งแต่ 7.00 น. ถึง 10.00 น. ถ้ามาแล้วคิวเต็มทาง รพ.จะนัดให้มาในวันถัดไปหรือวันที่เราสะดวกแล้วแต่จะตกลงกับทาง รพ. ที่นี่มีคลีนิกนอกเวลาด้วยค่ะเปิด 17.00 น. ปิด 19.00 น.
วันนี้ได้พบกับคุณหมอ ทางคุณหมอได้สอบถามจุดประสงค์ที่มา รพ. เราก็เล่าไปว่าเกิดเหตุการณ์ผิดหวังเรื่องงาน จากการโดนที่ทำงานขายฝันเรื่องบรรจุเข้าทำงานเลยตัดสินใจลาออก (ไม่ขอลงรายละเอียดเรื่องงานนะคะ) และก่อนหน้านี้ช่วง ม.ปลาย เราเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้ว 1 ครั้ง เนื่องจากครอบครัวมีปัญหา พ่อแม่มีการทำร้ายร่างกายกันและทำร้ายเราด้วย
ช่วงเริ่มคิดจะออกจากงาน มีคิดเรื่องอยากตายบ่อย อยากตายทุกครั้งที่ท้อแท้ ร้องไห้มากเกินผิดปกติ ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือหลายคนเราก็ร้องไห้ได้ มันผิดจากนิสัยของเราที่เป็นคนเฮฮา ร่าเริง ทำให้เพื่อนหัวเราะได้ตลอด เริ่มมีอาการขี้กังวลมากเกินจนเพื่อนกับแฟนทัก แล้วเราก็ทำงานผิดพลาดไม่มีสมาธิ กลางคืนนอนตี 3-4 ตลอดนอนไม่หลับ จากคนที่มีเพื่อนเยอะก็ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากมีเพื่อน บางครั้งไม่อยากเจอแม้กระทั่งกับแฟน อยากอยู่คนเดียวในห้องนอนที่บ้าน ตื่นเช้ามาไม่เคยสดชื่น คิดว่าแค่อยู่ให้พ้นไปวันๆ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่านั่นล่ะค่ะแล้วก็วนลูปร้องไห้อีกตามเคย เลยเป็นจุดที่ตัดสินใจมาพบหมอ
หลังจากที่คุยกับคุณหมอร่วม 2 ชม. คุยไปร้องไห้ไปจนใช้ทิชชู่ของหมอหมดห่อ 55555 คุณหมอได้ปรึกษากับอาจารย์หมอแล้วสรุปว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า และจะต้องใช้ยาในการรักษา แต่เรายังไม่ได้เป็นถึงขั้นที่จะคิดหาวิธีตาย หมอจ่ายยาอย่างเบาๆ ให้
เอาจริงๆ นะเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะเป็น เราทำแบบทดสอบออนไลน์หลายชุด แต่ละชุดก็บอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า แต่เราคิดว่าเราคงคิดมากไปเองหรือเปล่า ถ้าใครที่กำลังคิดว่าตัวเองจะเป็นหรือลองทำแบบทดสอบแล้วมีแนวโน้ม เราว่าหาหมอเถอะค่ะ คุณจะมีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น อย่างน้อยถ้าไม่ได้เป็นคุณก็ยังได้ระบายออกมาบ้าง
ค่าใช้จ่ายในการหาหมอครั้งแรกค่ะ เรายังมีนัดพบหมอต่ออีก ครั้งต่อไปเป็นอย่างไรไว้จะมาอัพเดทนะคะ