ว่าด้วยพื้นฐานฐานนะครอบครัวระดับปานกลาง มีพี่น้อง 4 คน เราอายุติดกับพี่สาวแม่คลอดพี่สาวเสร็จก็ท้องเราต่อทันที ทุกคนมีการศึกษา
ตอนเราอายุ 10 แม่ให้ย้ายไปอยู่กับตายายและน้าๆซึ่งคนละอำเภอกับแม่ ด้วยไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง แม่หวังให้ตายายน้าๆส่งเสียเรา แต่ไม่ใช่เลย เขาก็คงไม่อยากรับผิดชอบ(เราคิดเอง) แต่พวกเขาก็ไม่ได้อะไรมากมายกับเรา เพราะแม่เป็นลูกสาวคนโต มีน้องๆเยอะ แม่ถูกตายายเลี้ยงมาแบบสปอยย์คนเดียวในบ้าน แม่จึงมีความอาวุโส และแม่จะใช้อำนาจที่เขามีอยู่มากมายโดยไร้ขอบเขตในหมู่ที่น้องแม่จะมีความสำคัญกับตาและยายกว่าน้าๆทุกคน จบระดับประถม เราสอบได้ รร.ที่มีชื่อเสียงในตัวจังหวัด ซึ่งขณะนั้นถือว่าคัดเด็กพอสมควร ..ซึ่งก็ทำให้แม่ไม่พอใจ เพราะพี่สาวเราเคยสอบไม่ได้และต้องไปอยู่เอกชนทำให้แม่ใช้จ่ายเงินมาก แต่แม่จะมาประหยัดเอากับเราหรือเปล่า อันนี้ตั้งข้อสังเกตุแต่คงไม่ก้าถามหรือโต้เถียง ไม่งั้นมีเขียงบินใส่ วันที่เราขอค่าเทอมแม่ ก็โดนด่าสาปแช่งไม่เหลือชิ้นดี เราเป็นคนที่ทำให้เขาเหนื่อยเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ต้องจ่ายค่ารถ ค่าเทอม ค่าชุดนักเรียน กว่าจะได้เงินมา เราโดนสพประมาทไว้ด้วยคำพูดที่แสนจะเจ็บปวด ..แม่ให้เงินเราใช้วันละ 20 บาท คือ ข้าวจานเดียวสมัยนู้น น้ำหากินเอาเอง ค่ารถไปกลับอีก 20 บาท ช่วงเรียน ม.1 ถึง ม.6 คือช่วงที่ชีวิตลำบากมาก ได้เงินเฉพาะ จันทร์ถึงศุกร์เท่านั้น เสาร์อาทิตย์ไม่มี เพราะไม่ไป รร. แม่บอกไม่จำเป็นต้องใช้เงิน เมื่อมีเมนส์ เราไม่มีเงินเผื่อไว้ซื้อผ้าอนามัย ถุงเท้า เสื้อชั้นใน กางเกงใน เราต้องเก็บเงินเอาจาก วันละ 20 บาทนั่นแหละ เพื่อมาซื้อของใช้ส่วนตัว ก็คือ อดอาหารกลางวันเอา ..ยิ่งโต ยิ่งค่าใช้จ่ายเยอะ ...ไหนจะสบู่ ยาสีฟัน ของใช้เบ็ดเตล็ดอีก ก็รวมอยู่ในวันละ 20 นั่นแหละ ถ้าวันหยุดยาวๆ อยากกลับไปบ้านก็รวมใน 20 อีกนั่นแหละ ก็หมายความว่า ไม่ให้ตายแต่ไม่ให้โต ถ้าขอเพิ่ม จะโดนสาดเสียเทเสีย เราคงได้กลับชาติมาเกิดได้หลายชาติกันเลยทีเดียว
คือที่บ้าน แม่คนเดียวจะเป็ฯผู้กุมอำนาจ กุมเศรษฐกิจของทั้งบ้าน พ่อก็ไม่ค่อยกล้าหือแม่สักเท่าไหร่ ..แต่พ่อเข้าใจเราเป็นอย่างดี เราเคยปรับทุกข์กับพ่อในทุกๆเรื่อง พ่อคอยลูบหัวเราแล้วบอกว่า อดทน ตั้งใจเรียน สักวันเราต้องโต เราต้องมีงานทำมีเงินเป็นของตัวเอง และจะเป็นอิสระกับทุกสิ่ง ให้ทำดี ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ช่วงปิดเทอม เก็บเงินค่ารถไปกลับระหว่างอำเภอบ้านยายไปบ้านแม่ก็ไกลเอาการ ค่ารถไปกลับไปกลับหกสิบกว่าบาท ก็อดข้าวกลางวันเอา .แม่เราให้เงิน 20 บาท 5 วันเท่านั้น ไม่นับเสาร์อาทิตย์ ช่วงปิดเทอมไม่ได้เงินรายวัน เพราะวันหยุดไม่มีสิทธิ์ได้อยู่แล้ว เราอยากช่วยพ่อประหยัดเงิน กลัวโดนคำสาบแช่ง อยากกลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อ เผื่อว่าได้กินครบมื้อกับเขาบ้าง เมื่อเจอหน้าแม่ แม่จะถามว่ามาทำไม ? เปลืองค่ารถ พอเราบอกว่าเงินค่ารถจ่ายเอง อดเอาจากค่าขนม แม่บอกไม่ต้องมา เปลืองข้าวสุกกูอีก ไล่ให้กลับไปอยู่บ้านตายายและน้าๆ เราต้องช่วยดูแลน้องๆลูกน้า ที่พวกเขาคอยสอนการบ้าน น้องจะมีคำถามคำพูดเหมือนว่าเรามาเบียดเบียนน้าๆ ก็ต้องยอมรับความจริงอ่ะนะ ได้แน่นิ่งเงียบ ฝั่งบ้านตากับยายก็บอกให้เรากลับไปบ้านในช่วงปิดเทอม ..
ช่วงนี้เราจะเป็นลมบ่อยๆ วูบบ่อยๆ ครูส่งรายงานไปที่ ผปค.ให้พ่อมารับไปหาหมอ เราเป็นโลหิตจางเนื่องจากร่างกายขาดสารอาหาร ขาดธาตุเหล็ก ขาดสังสะสีรุนแรง เกร็ดเลือดต่ำ เปอร์เซ็นต์เลือดในร่างกายเหลือน้อยมาก แต่เราไม่บอกใคร หมอให้ยาอะไรไม่รู้มากินสามสี่ห่อ หมดยาก็หมดกัน ไม่ต่อ จะไม่ขาดสารอาหารได้ยังไง ในแต่ละวันเราแทบไม่มีอะไรลงท้องเลย มีโอกาสกินข้าวมื้อเย็นกับตากับยาย แต่บางครั้งเราไม่เลือกที่จะกิน ยอมหิว ยอมทุกอย่างเพื่อไม่ให้น้าๆ ตายายรังเกียจพ่อ เราจะบอกเขาว่ากินมาแล้วจากมื้อกลางวันยังอิ่มอยู่ บางทีบางวันแอบทำพริกน้ำปลาแบบอีสานซื้อข้าวเหนียว 5 บาทไว้แอบกินกันหิว ถึงเวลากินอาหารพร้อมกัน จะบอกเขาว่า ทำการบ้าน ยังไม่หิว กินไปก่อน ด้วยความเกรงใจน้าๆ ไม่อยากรบกวนเขา พ่อแม่เราก็ใช่ว่าฐานะจะเลวร้าย. ครอบครัวน้าๆและตายายรับรู้ว่าเราไม่ค่อยกินอาหารที่บ้าน คิดว่าแม่คงให้เงินเรามากินข้างนอก ตากับยายไม่รู้ว่าสถานะความเป็นจริงของเราเป็นอย่างไร ไม่อยากให้ผู้ใหญ่บาดหมางน้ำใจกัน เราไม่ใช่คนอีสานนะ แต่ข้าวเหนียวกับน้ำจิ้มแจ่มคือง่ายสุดหละ
ชีวิตเราโดนเตะโด่งแบบนี้จนกระทั่งจบ ม.6 อยากเรียนต่อ แต่ความหวังแทบไม่มี ใครจะส่ง แอบปรึกษาพ่อ บอกว่า จะพยายามหาเงินให้เราได้เรียน เราบอกว่าถ้าไม่มีเงินตอนนี้เราจะพักสักปี แต่คงเรียนไม่ทันรุ่นกับเพื่อนๆ ..ช่วงหยุดนี้เราพยายามหาเงินด้วยตัวเอง ขอเงินพ่อเป็นทุน 200 ทำขนมขายหน้า รร.แถวบ้าน ทำที่บ้าน ไปขายที่ รร.โดนัทฟักทองทำตามที่ครูสอนวิชาคหกรรม ทำตอนที่แม่ออกไปทำสวน เราไม่เคยคุยกับแม่ ไม่เคยโต้เถียง ไม่เคยสนทนา เราจะเป็นฝ่ายหลบ สยบ นิ่งเงียบ แต่เมื่อแม่รับรู้ เพราะชาวบ้านแถวนั้นพูดให้ฟังว่าขนมเราเด็กๆชอบวางปุ๊บหมดปั๊บ เราขยันหาเงิน ทำให้แม่เสียหน้ามาก บวกกับเราไม่ปรึกษาเขาเลยก็เลยโดนมาตการเด็ดขาด เมื่อแม่เจอหน้าเรา แม่ก่นด่าสาปแช่ง ว่าเราทำให้เขาเสียหน้า ไล่ให้เราไปอยูกับตากับยาย ให้ไปขายที่อื่น เรารู้สึกบอบช้ำ ตรม ขมขื่น แม่ตัดอนาคตเราไม่พอ เกลียดอะไรเรานักหนา อยากถามแม่ว่า ตอนแม่คลอดแม่หันเท้าไปทางไหน เราออกมาถึงได้ซวยนักซวยหนา โดนสาปแช่งทุกครั้งที่เจอหน้า เราทำอะไรคือ ผิดหมด นั่งหายใจก็ผิด ทำมาหากินก็ผิด สอบได้รร.มีชื่อเสียงก็ผิด เราเกิดมาผิดที่ผิดทางใช่มั๊ย? ..เราเถียงในใจแต่ในหน้าเรากลับยิ้มเยือกเย็น นิ่งมาก ...สติมาปัญญาเกิด พ่อสอนไว้ ...แม่มีความสุขกับการเกลียดลูก ก็ขอให้มีความสุขต่อไป 😒😒มีต่อ ขอพักแป้บ
แก้ปัญหาอย่างไร เมื่อโดนแม่ใช้อำนาจความเป็นแม่ทำลายชีวิต มีอคติ ทำร้ายจิตใจ กดดันโดยไม่มีเหตุผล
ตอนเราอายุ 10 แม่ให้ย้ายไปอยู่กับตายายและน้าๆซึ่งคนละอำเภอกับแม่ ด้วยไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง แม่หวังให้ตายายน้าๆส่งเสียเรา แต่ไม่ใช่เลย เขาก็คงไม่อยากรับผิดชอบ(เราคิดเอง) แต่พวกเขาก็ไม่ได้อะไรมากมายกับเรา เพราะแม่เป็นลูกสาวคนโต มีน้องๆเยอะ แม่ถูกตายายเลี้ยงมาแบบสปอยย์คนเดียวในบ้าน แม่จึงมีความอาวุโส และแม่จะใช้อำนาจที่เขามีอยู่มากมายโดยไร้ขอบเขตในหมู่ที่น้องแม่จะมีความสำคัญกับตาและยายกว่าน้าๆทุกคน จบระดับประถม เราสอบได้ รร.ที่มีชื่อเสียงในตัวจังหวัด ซึ่งขณะนั้นถือว่าคัดเด็กพอสมควร ..ซึ่งก็ทำให้แม่ไม่พอใจ เพราะพี่สาวเราเคยสอบไม่ได้และต้องไปอยู่เอกชนทำให้แม่ใช้จ่ายเงินมาก แต่แม่จะมาประหยัดเอากับเราหรือเปล่า อันนี้ตั้งข้อสังเกตุแต่คงไม่ก้าถามหรือโต้เถียง ไม่งั้นมีเขียงบินใส่ วันที่เราขอค่าเทอมแม่ ก็โดนด่าสาปแช่งไม่เหลือชิ้นดี เราเป็นคนที่ทำให้เขาเหนื่อยเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ต้องจ่ายค่ารถ ค่าเทอม ค่าชุดนักเรียน กว่าจะได้เงินมา เราโดนสพประมาทไว้ด้วยคำพูดที่แสนจะเจ็บปวด ..แม่ให้เงินเราใช้วันละ 20 บาท คือ ข้าวจานเดียวสมัยนู้น น้ำหากินเอาเอง ค่ารถไปกลับอีก 20 บาท ช่วงเรียน ม.1 ถึง ม.6 คือช่วงที่ชีวิตลำบากมาก ได้เงินเฉพาะ จันทร์ถึงศุกร์เท่านั้น เสาร์อาทิตย์ไม่มี เพราะไม่ไป รร. แม่บอกไม่จำเป็นต้องใช้เงิน เมื่อมีเมนส์ เราไม่มีเงินเผื่อไว้ซื้อผ้าอนามัย ถุงเท้า เสื้อชั้นใน กางเกงใน เราต้องเก็บเงินเอาจาก วันละ 20 บาทนั่นแหละ เพื่อมาซื้อของใช้ส่วนตัว ก็คือ อดอาหารกลางวันเอา ..ยิ่งโต ยิ่งค่าใช้จ่ายเยอะ ...ไหนจะสบู่ ยาสีฟัน ของใช้เบ็ดเตล็ดอีก ก็รวมอยู่ในวันละ 20 นั่นแหละ ถ้าวันหยุดยาวๆ อยากกลับไปบ้านก็รวมใน 20 อีกนั่นแหละ ก็หมายความว่า ไม่ให้ตายแต่ไม่ให้โต ถ้าขอเพิ่ม จะโดนสาดเสียเทเสีย เราคงได้กลับชาติมาเกิดได้หลายชาติกันเลยทีเดียว
คือที่บ้าน แม่คนเดียวจะเป็ฯผู้กุมอำนาจ กุมเศรษฐกิจของทั้งบ้าน พ่อก็ไม่ค่อยกล้าหือแม่สักเท่าไหร่ ..แต่พ่อเข้าใจเราเป็นอย่างดี เราเคยปรับทุกข์กับพ่อในทุกๆเรื่อง พ่อคอยลูบหัวเราแล้วบอกว่า อดทน ตั้งใจเรียน สักวันเราต้องโต เราต้องมีงานทำมีเงินเป็นของตัวเอง และจะเป็นอิสระกับทุกสิ่ง ให้ทำดี ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ช่วงปิดเทอม เก็บเงินค่ารถไปกลับระหว่างอำเภอบ้านยายไปบ้านแม่ก็ไกลเอาการ ค่ารถไปกลับไปกลับหกสิบกว่าบาท ก็อดข้าวกลางวันเอา .แม่เราให้เงิน 20 บาท 5 วันเท่านั้น ไม่นับเสาร์อาทิตย์ ช่วงปิดเทอมไม่ได้เงินรายวัน เพราะวันหยุดไม่มีสิทธิ์ได้อยู่แล้ว เราอยากช่วยพ่อประหยัดเงิน กลัวโดนคำสาบแช่ง อยากกลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อ เผื่อว่าได้กินครบมื้อกับเขาบ้าง เมื่อเจอหน้าแม่ แม่จะถามว่ามาทำไม ? เปลืองค่ารถ พอเราบอกว่าเงินค่ารถจ่ายเอง อดเอาจากค่าขนม แม่บอกไม่ต้องมา เปลืองข้าวสุกกูอีก ไล่ให้กลับไปอยู่บ้านตายายและน้าๆ เราต้องช่วยดูแลน้องๆลูกน้า ที่พวกเขาคอยสอนการบ้าน น้องจะมีคำถามคำพูดเหมือนว่าเรามาเบียดเบียนน้าๆ ก็ต้องยอมรับความจริงอ่ะนะ ได้แน่นิ่งเงียบ ฝั่งบ้านตากับยายก็บอกให้เรากลับไปบ้านในช่วงปิดเทอม ..
ช่วงนี้เราจะเป็นลมบ่อยๆ วูบบ่อยๆ ครูส่งรายงานไปที่ ผปค.ให้พ่อมารับไปหาหมอ เราเป็นโลหิตจางเนื่องจากร่างกายขาดสารอาหาร ขาดธาตุเหล็ก ขาดสังสะสีรุนแรง เกร็ดเลือดต่ำ เปอร์เซ็นต์เลือดในร่างกายเหลือน้อยมาก แต่เราไม่บอกใคร หมอให้ยาอะไรไม่รู้มากินสามสี่ห่อ หมดยาก็หมดกัน ไม่ต่อ จะไม่ขาดสารอาหารได้ยังไง ในแต่ละวันเราแทบไม่มีอะไรลงท้องเลย มีโอกาสกินข้าวมื้อเย็นกับตากับยาย แต่บางครั้งเราไม่เลือกที่จะกิน ยอมหิว ยอมทุกอย่างเพื่อไม่ให้น้าๆ ตายายรังเกียจพ่อ เราจะบอกเขาว่ากินมาแล้วจากมื้อกลางวันยังอิ่มอยู่ บางทีบางวันแอบทำพริกน้ำปลาแบบอีสานซื้อข้าวเหนียว 5 บาทไว้แอบกินกันหิว ถึงเวลากินอาหารพร้อมกัน จะบอกเขาว่า ทำการบ้าน ยังไม่หิว กินไปก่อน ด้วยความเกรงใจน้าๆ ไม่อยากรบกวนเขา พ่อแม่เราก็ใช่ว่าฐานะจะเลวร้าย. ครอบครัวน้าๆและตายายรับรู้ว่าเราไม่ค่อยกินอาหารที่บ้าน คิดว่าแม่คงให้เงินเรามากินข้างนอก ตากับยายไม่รู้ว่าสถานะความเป็นจริงของเราเป็นอย่างไร ไม่อยากให้ผู้ใหญ่บาดหมางน้ำใจกัน เราไม่ใช่คนอีสานนะ แต่ข้าวเหนียวกับน้ำจิ้มแจ่มคือง่ายสุดหละ
ชีวิตเราโดนเตะโด่งแบบนี้จนกระทั่งจบ ม.6 อยากเรียนต่อ แต่ความหวังแทบไม่มี ใครจะส่ง แอบปรึกษาพ่อ บอกว่า จะพยายามหาเงินให้เราได้เรียน เราบอกว่าถ้าไม่มีเงินตอนนี้เราจะพักสักปี แต่คงเรียนไม่ทันรุ่นกับเพื่อนๆ ..ช่วงหยุดนี้เราพยายามหาเงินด้วยตัวเอง ขอเงินพ่อเป็นทุน 200 ทำขนมขายหน้า รร.แถวบ้าน ทำที่บ้าน ไปขายที่ รร.โดนัทฟักทองทำตามที่ครูสอนวิชาคหกรรม ทำตอนที่แม่ออกไปทำสวน เราไม่เคยคุยกับแม่ ไม่เคยโต้เถียง ไม่เคยสนทนา เราจะเป็นฝ่ายหลบ สยบ นิ่งเงียบ แต่เมื่อแม่รับรู้ เพราะชาวบ้านแถวนั้นพูดให้ฟังว่าขนมเราเด็กๆชอบวางปุ๊บหมดปั๊บ เราขยันหาเงิน ทำให้แม่เสียหน้ามาก บวกกับเราไม่ปรึกษาเขาเลยก็เลยโดนมาตการเด็ดขาด เมื่อแม่เจอหน้าเรา แม่ก่นด่าสาปแช่ง ว่าเราทำให้เขาเสียหน้า ไล่ให้เราไปอยูกับตากับยาย ให้ไปขายที่อื่น เรารู้สึกบอบช้ำ ตรม ขมขื่น แม่ตัดอนาคตเราไม่พอ เกลียดอะไรเรานักหนา อยากถามแม่ว่า ตอนแม่คลอดแม่หันเท้าไปทางไหน เราออกมาถึงได้ซวยนักซวยหนา โดนสาปแช่งทุกครั้งที่เจอหน้า เราทำอะไรคือ ผิดหมด นั่งหายใจก็ผิด ทำมาหากินก็ผิด สอบได้รร.มีชื่อเสียงก็ผิด เราเกิดมาผิดที่ผิดทางใช่มั๊ย? ..เราเถียงในใจแต่ในหน้าเรากลับยิ้มเยือกเย็น นิ่งมาก ...สติมาปัญญาเกิด พ่อสอนไว้ ...แม่มีความสุขกับการเกลียดลูก ก็ขอให้มีความสุขต่อไป 😒😒มีต่อ ขอพักแป้บ