สวัสดีค่ะทุกคน เราชื่อวาวานะคะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลยที่มาแชร์ประสบการณ์ของเราที่ประสบพบเจอในวัยเด็กค่ะ เคยอ่านแต่ของคนอื่นวันนี้มาแชร์เรื่องของตัวเองบ้าง เราเล่าไม่ค่อยเก่งสักเท่าไหร่ หากมีจุดไหนที่เล่าวกไปวนมาต้องขออภัยด้วยนะคะ
ต้องบอกก่อนเลยว่า เราเป็นคนที่ตอนเด็กๆ เรากลัวผีมาก กลัวสิ่งที่มองไม่เห็นสุดๆ เพราะเรามักจะเจอผู้ใหญ่คอยหลอกอย่าทำแบบนี้นะเดี๋ยวผีจะมาหาอย่าทำแบบนั้นนะเดี๋ยวผีจะมาหลอก แล้วทุกคนเคยได้ยินคนเลี้ยงผีกันมั้ย ที่คนเลี้ยงจะต้องรับขันต่อจากกัน หากอีกคนตาย….
ย้อนไปตอนเราอยู่ ป.4-5 แม่ของเราและพี่น้องของเราอยู่ที่โคราช แต่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องให้เราย้ายโรงเรียนแบบกระทันหัน ย้ายจากที่โคราช มาขึ้นชั้นป.4 ที่พิษณุโลก แม่ของแม่เรา ก็คือยายและน้องสาวแม่ อยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก ความสัมพันธ์เรากับยายและน้าสาวด้วยความที่ว่ายายไม่เคยเลี้ยงเราตั้งแต่ยังเล็กและเราก็ไม่เคยเห็นยาย เพิ่งจะมาเจอยายก็ตอนที่ย้ายมา ความสัมพันธ์เลยไม่สนิทกันเท่าไหร่ เคยคุยกันแค่ผ่านทางโทรศัพท์
บ้านของยาย จะเป็นบ้านสองชั้น ด้านล่างเป็นปูนด้านบนเป็นไม้ มีบันไดค่อนข้างที่จะชัน ประมาณ 10 ขั้นได้ เวลาเดินขึ้นลงต้องระวัง และจะมีกระต๊อบเล็กๆอยู่หน้าบ้าน มีห้องน้ำอยู่ในบ้านของยายและนอกบ้าน ซึ่งกระต๊อบตรงนี้ เป็นที่ที่เราย้ายมาอยู่ ตอนย้ายมาอยู่ใหม่ๆ เราได้ยิน เรื่องเล่าจากแม่ของเรา ญาติพี่น้อง และชาวบ้านที่อยู่ใกล้ละแวกกัน พูดกันว่ายายเราเลี้ยงผี และบางคนก็เรียกว่า หรือบ้านผีปอบซึ่งเราไม่ชอบเลยที่ทุกคนเรียกกันแบบนี้
ต้องบอกก่อนเลยว่า ตอนเด็กๆ เราเป็นเด็กหัวดื้อหัวรั้น ชอบเถียง ในสิ่งที่ผู้ใหญ่คิดว่าตัวเองถูกแต่ไม่รับฟัง เหตุผลของเด็กเลย มีความเป็นตัวเองสูง ค่อนข้างที่จะก๋ากั่นเลยละ ถ้าภาษาผู้ใหญ่เค้าจะบอกกับเราว่าเราเป็นเด็ก ที่ชอบยอกย้อนชอบเถียง ยายเลยไม่ชอบเราสักเท่าไหร่
ยายของเรา อายุ 80 กว่าปี แกหลังค่อม ถ้าแกเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสอง แกจะต้องใช้มือทั้งสองข้าง ค่อยค่อยไต่ขึ้นไปทีละขั้น แกผมหยิก ผมขาวเกือบจะหมดหัว ตาฝ้าข้างนึง ปากจะเคี้ยวหมากอยู่ตลอดเวลา ยายเราเป็นคนนิ่งๆ พูดเสียงแหบๆ คงเป็นเรื่องปกติของคนแก่ทั่วไป แต่สำหรับเราที่เราเจอยายครั้งแรกเรามีมีความรู้สึกกลัว
ตอนที่เราย้ายเข้ามาใหม่ๆเราก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมยายถึงชอบขึ้นไปบนบ้านบ่อยๆ แล้วบนบ้านนึกภาพออกมั้ยว่าบันไดมันค่อนข้างที่จะชันอ่ะ กว่าแกจะขึ้นไปได้แต่ละขั้นเห็นแล้วกลัว กลัวแกจะตกลงมา ยายกับน้าเราจะอาศัยอยู่กันชั้นล่าง ชั้นบนส่วนใหญ่แล้วเป็นตู้เสื้อผ้าเป็นที่เก็บของและมีหิ้งอยู่ด้านบน ยายกับน้าเค้าอาศัยกันอยู่แค่สองคนก่อนที่เราจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วย
บางวันจะมีพิธีไหว้ เราก็ไม่รู้ว่าไหว้อะไร ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นพิธีไหว้ผี ผีที่ยายเลี้ยงไว้ แต่เราก็จำไม่ได้ว่าไหว้วันไหนบ้างเพราะตอนนั้นก็นานมาแล้ว จนตอนนี้เราอายุ 28 ปีแล้ว ในตอนนั้นสิ่งที่เราโคตรจะสงสัยที่สุดเลย คือ ยายชอบจะไต่ขึ้นไปบนบ้านช้าๆทีละขั้น เหมือนมีอะไรอยู่บนนั้น ทุกครั้งที่ไหว้จะไปข้างบนบ้านตลอด พอแกขึ้นไปเราจะชอบแอบดู ความเป็นเด็กอ่ะเนาะคืออยากรู้ไงว่าทำไมถึงขึ้นไปแล้วไปไหว้อะไร แล้วได้ยินเสียงพูดพึมพำ เราจับใจฟังอยู่นานว่าเป็นภาษาอะไรแต่ก็ฟังไม่ออกเพราะมันไม่ใช่ภาษาไทย พึมพำอยู่นานมาก
ในช่วง ที่ย้ายมาอยู่ใหม่ๆ แม่กำชับกับเราตลอดว่า ห้ามขึ้นไปบนบ้านชั้นสองเด็ดขาด และห้ามไปเล่นของบนหิ้ง ของยายที่อยู่บนบ้าน ยายเป็นคนสั่งไว้ แต่ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กอ่ะเนอะ คืออยากรู้ ว่าทำไมถึงห้ามแล้วมีอะไรอยู่ข้างบน แต่อีกใจก็กลัวสุดๆ
จนกระทั่งวันนึงความที่เราอยากรู้มากๆมาถึง วันนั้นเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นช่วงที่เราหยุดเรียนพอดี ตอนนั้นยายนอนหลับอยู่ชั้นล่างของบ้าน แกมักจะหลับตอนกลางวันเสมอ แม่เราไปทำธุระข้างนอกน้าเราไปทำงานยังไม่กลับมา เราอยู่บ้านกับยายแค่สองคน ซึ่งปกติแล้วเราจะไม่ได้เข้ามาในบ้านเลย ถ้าแม่ไม่อยู่
ในวันนั้นเป็นเวลาบ่ายๆ เราแอบขึ้นไปบนบ้าน ก่อนจะขึ้นไปบนบ้าน เราแอบดูยายอยู่พักใหญ่ๆเลย ดูให้แน่ใจแล้วว่ายายแกหลับสนิทแล้วจริงๆ เราก็แอบย่องขึ้นไปบนบ้านแบบเงียบที่สุด ตอนก้าวขึ้นบันไดทุกขั้นตาก็หันไปมองยายอยู่เรื่อยๆ ว่ายายตื่นมั้ย พอขึ้นไปบนบ้านได้ เราเห็นหิ้งไม้เก่า ไม่ใช่หิ้งพระนะ มองหาพระแล้วไม่มี
บนหิ้งมีห่อผ้าสีขาวว่างอยู่อันเดียว
ด้วยความที่เราเป็นเด็กตัวเล็ก แล้วหิ้งมันสูง เรามองไปเห็นเก้าอี้พอที่จะปีนขึ้นไปหยิบของบนหิ้งได้ เราหยิบเก้าอี้แบบเงียบที่สุด แล้วค่อยๆปีนแบบเงียบๆขึ้นไปหยิบห่อนั่นมาดู เป็นไงละ ความสงสัยของเด็กอ่ะยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุมั้ยละ นี่ขนาดกลัวนะ แต่ก็อยากรู้เลยตัดสินใจแบบเอาว่ะอยากรู้อ่ะ พอเราเปิดผ้าดู ข้างในหอมัน จำได้ติดตาเลย เป็นหุ่นรูปทรงเป็นผู้หญิง มีผมหยิกๆสีดำผมยาวมาก หน้าตาดูน่ากลัว ถูกเย็บจากผ้าเก่าๆ แล้วมาต่อเป็นรูปเป็นร่างหุ่นผู้หญิง แล้วก็พันด้วยด้ายสีแดงยุ่ยๆ เรากำลังจะพลิกกลับด้านดูข้างหลัง…..
เสียงแหบๆของยายก็ดังขึ้น จากด้านหลัง
’’ ขึ้นมาเฮ็ดหยังบนนี้ ‘‘ ลงไปเดี๋ยวนี่เลย!! เราหันควับไปมองยายทันที ยายใช้มือสองข้างไต่บันไดขึ้นมา หน้าแกคือโกรธเราจัดเลย มองเราแบบตาค้างตาแข็งๆ แล้วตอนที่แกไต่บันไดขึ้นมา ปกติแล้วตอนที่เราเห็นแกขึ้นมาบนบ้านแกจะค่อยๆไต่ขึ้นมาแบบช้าๆเหมือนคนแก่ทั่วไป แต่ตอนนั้นแกใต่บันไดขึ้นมาแบบเร็วมาก เรารู้สึกกลัวสุดๆ ยายในตอนนั้นไม่เหมือนยายที่เห็นในทุกวันเหมือนผีมากกว่า ด้วยความที่เราตกใจสุดขีด เราตกจากเก้าอี้ หุ่นในมือหล่นลงพื้น ตอนนั้นจำได้เลยใจเต้นแรงมาก เหมือนใจจะหลุด แล้วในหัวคือมีแต่ความสงสัยไปหมด ทำไมยายถึงรู้ ก่อนจะขึ้นมาเรามองยายอยู่พักใหญ่ว่าแกหลับสนิทแล้วจริงๆ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่แกจะตื่นขึ้นมา และเราทำอะไรแบบเบาที่สุดแบบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ปกติแล้วยายเป็นคนหลับช่วงบ่ายๆแล้วแกจะหลับลึกมาก ขนาดแม่เรียกปลุกมากินยาแกยังไม่ยอมจะตื่นเลย
ในวันนั้นก็เจอแม่บ่นแม่ด่าอยู่ชุดใหญ่เลย แล้วก็ฝังแปลกๆด้วย
ต้องบอกก่อนเลยว่ายายเราเป็นคนค่อนข้างที่จะเอาแต่ใจในเรื่องอาหารการกิน ส่วนน้าเราดูแลเอาใจใส่ยายอย่างดีมาตลอด ยายเป็นคนที่อยากจะกินอะไรก็ต้องกินให้ได้เดี๋ยวนั้น ยกตัวอย่างอยากกินหวาย ซึ่งหวายมันหายากนะ น้าเราก็สรรหาไปหามาให้ยายกิน แล้วมันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งยายอยากกินอะไรดิบๆเลือดๆตอนประมาณตีสองตีสาม ถ้าเป็นสมัยนี้ก็จะเป็นฟิวซอยจุ๊ป่ะ อยากกิน ลาบเลือดสดๆไรงี้ วันนั้นก็ทะเลาะกับน้าเราว่าดึกป่านนี้แล้วจะมีที่ไหนขาย เดี๋ยวตอนเช้าจะไปซื้อมาให้ได้มั้ย ยายเราก็ไม่ยอม จนมาช่วงเวลาประมาณตีสี่น้าเราต้องขับรถออกไปในตัวเมืองที่เค้าขายพวกวัวเครื่องในวัวซื้อเอามาให้ยายเรากินให้ได้ในวันนั้นอ่ะ สำหรับเราในตอนนั้นเรามองว่ามันแปลก เรามองว่ายาย ว่าแกเป็นคนเอาแต่ใจเกินไป ในตอนนั้นเราก็ไม่ค่อยจะชอบยายเท่าไหร่ด้วย เพราะยายชอบว่าเรา
แล้วนึกภาพออกป่ะกินอะไรสดๆอ่ะ เราแบบอี้มาก
ไม่นานหลังจากนั้น เราได้ยินพวกญาติๆคุยกันว่า ยายตั้งใจจะให้ลูกสาวของน้า รับขันต่อจากแก น้าเรามีลูกสาวหนึ่งคน ลูกสาวน้าเรา แกเป็นคนที่สวยมาก เข้ามหาลัยแล้วแต่ไม่รู้ว่าตอนนั้นอยู่ปีอะไรแต่ดูโตมากๆแล้ว เป็นคนที่สวยมากๆด้วย แกเรียนอยู่มหาลัยที่กรุงเทพนานๆทีจะกลับมาหาน้าและยาย
เราได้ยินที่ผู้ใหญ่เค้าพูดกันว่าจะให้ลูกสาวของน้ารับขันต่อจากยาย จะทำพิธีให้กินน้ำต่อจากขันของยาย เพื่อที่จะสืบทอดอะไรซักอย่าง ในตอนนั้นเราเป็นเด็กเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ ว่ามันเป็นพิธีการอะไรทำไมมันแปลกจัง
รุ่งเช้าขึ้นมาเค้าก็ทำพิธีกัน ลูกสาวของน้าไม่ยอมกินน้ำ น้าก็พยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นาน เค้าทำพิธีกันในบ้าน
แต่เราก็ไม่รู้ว่าเค้าได้กินน้ำในขันหรือไม่ เพราะเราแอบดูอยู่นอกบ้านไม่กล้าเข้าไป กลัว
ยังมีเรื่องเกี่ยวกับยายอีกเยอะที่ไม่ได้เล่า ยายกินไก่ดิบสดๆด้วย ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง เคยเจอแต่ในทีวีหรือในหนัง อันนี้เดี๋ยวค่อยมาเล่าให้ฟังทีหลังนะคะ
แล้วไม่ถึงอาทิตย์ต่อมา….หลังจากเสร็จพิธีย้ายก็เสียชีวิตค่ะ เรากลัวมากๆในตอนนั้นตอนที่ยายตายไปคืนแรก ไม่รู้ในตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่ เราไปเอาผ้าเช็ดน้ำหมากของยายผืนสีชมพู มาปิดตาเพราะนอนไม่หลับ กลัว เรื่องนี้เราจำได้ขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้ ยังเล่าให้แม่ฟังหลายๆรอบจนถึงทุกวันนี้ว่ายายแกเฮี้ยนมาหลอกเรา
คืนนั้นคืนแรกเราเอาผ้าเช็ดน้ำหมากยายมาปิดตา แล้วกำลังจะเคลิ้มหลับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือ เรารู้สึกว่าเราขยับตัวไม่ได้ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับบนตัวเรา พอลืมตาขึ้นมา เราเห็นเป็นยาย แกนั่งค่อมทับตัวเราอยู่ จำได้ได้เลยตอนนั้นใบหน้าแกซีดเชียว ตาจ้องเขม็งมาที่เรา มือสองข้างแกกดไหล่เราไว้ เราขยับตัวไม่ได้เลย เราพยายามหลับตาสวดมนต์ ท่องนะโมสามจบ ตอนนั้นจำได้เลยว่าไม่รู้กี่จบที่ท่องไป ลืมตาขึ้นมาก็ไม่เห็นย้ายแล้ว แต่ก็ยังขยับตัวไม่ได้อยู่ดี แม่เรานอนอยู่มุ่งข้างๆ เราพยายามตะโกนเรียกแม่ สุดเสียง แต่เสียงไม่ออกปากไม่ขยับ พยายามจะขยับมือเพื่อที่จะหยิกตัวเองแต่ในตอนนั้นมันไม่มีแรงเลย ตอนนั้นเริ่มกลัวสุดขีดร้องไห้ เหมือนคนสติแตกเพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เราพูดกับยายทั้งน้ำตาว่า ‘‘ ยายอย่ามาหลอกหนูเลยหนูจะไม่ยุ่งกับของๆยายแล้ว ‘‘ แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมจำได้เลยว่าอยู่แบบนั้นเป็นแบบนั้นอยู่นานมากกกก ทรมานสุดๆ โคตรจะกลัว จนสุดท้ายเราไม่ไหว พูดเสียงแข็งกับยายไปเลย ‘‘ ถ้ายายยังหลอกหนูไม่ยอมปล่อยหนู หนูจะแช่งให้ยายไม่ได้ไปผุดได้เกิดเลยคอยดู ‘‘
แล้วจู่ๆตัวเราก็ขยับได้เป็นปกติตอนนั้นเลยหลังจากที่พูดจบ เรากรี๊ดสุดเสียงเรียกแม่ รีบกระโจนเข้าไปมุ้งที่แม่ ตัวเราสั่นไม่หยุดเลย เราไม่เคยมีอาการสั่นแบบนี้มาก่อนจนอยากให้แม่พาไปโรงพยาบาลในคืนตอนนั้นเลยเพราะมันสั่นแบบไม่หยุดจริงๆ สั่นไปทั้งตัว เราก็เล่าให้แม่ฟัง แม่ได้แต่กอดปลอบแล้วก็ลูบหัวเราไปจนเช้า
พอเช้า เราก็ได้แต่คิดว่ามันเป็นความฝันหรือว่าเรื่องจริงหรือมันเป็นอะไรกันแน่แต่ในตอนนั้นเราจำได้ว่ามันเป็นความจริง ไม่ใช่ฝันอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่กี่ปีที่ไม่รู้ว่าลูกสาวของน้าได้กินน้ำนั้นหรือไม่ก็มาประสบอุบัติเหตุจากไป…..
เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคนได้ฟังเรื่องเล่าของเราประสบการณ์จริงแล้วคิดว่าผีมีจริงมั้ย มาแชร์ประสบการณ์คนเลี้ยงผีหรือรับขันกันได้นะคะและเรายังมีเรื่องของยายอีกเยอะเลยที่เล่ายังไม่ได้เล่า
หากเราเล่าวกไปวนมาหรือพิมพ์คำผิดๆถูกๆบ้าง ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ
ทุกคนเชื่อเรื่องผีหรือสิ่งลี้ลับกันมั้ย? แชร์ประสบการณ์วัยเด็ก ยายเลี้ยงผี
ต้องบอกก่อนเลยว่า เราเป็นคนที่ตอนเด็กๆ เรากลัวผีมาก กลัวสิ่งที่มองไม่เห็นสุดๆ เพราะเรามักจะเจอผู้ใหญ่คอยหลอกอย่าทำแบบนี้นะเดี๋ยวผีจะมาหาอย่าทำแบบนั้นนะเดี๋ยวผีจะมาหลอก แล้วทุกคนเคยได้ยินคนเลี้ยงผีกันมั้ย ที่คนเลี้ยงจะต้องรับขันต่อจากกัน หากอีกคนตาย….
ย้อนไปตอนเราอยู่ ป.4-5 แม่ของเราและพี่น้องของเราอยู่ที่โคราช แต่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องให้เราย้ายโรงเรียนแบบกระทันหัน ย้ายจากที่โคราช มาขึ้นชั้นป.4 ที่พิษณุโลก แม่ของแม่เรา ก็คือยายและน้องสาวแม่ อยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก ความสัมพันธ์เรากับยายและน้าสาวด้วยความที่ว่ายายไม่เคยเลี้ยงเราตั้งแต่ยังเล็กและเราก็ไม่เคยเห็นยาย เพิ่งจะมาเจอยายก็ตอนที่ย้ายมา ความสัมพันธ์เลยไม่สนิทกันเท่าไหร่ เคยคุยกันแค่ผ่านทางโทรศัพท์
บ้านของยาย จะเป็นบ้านสองชั้น ด้านล่างเป็นปูนด้านบนเป็นไม้ มีบันไดค่อนข้างที่จะชัน ประมาณ 10 ขั้นได้ เวลาเดินขึ้นลงต้องระวัง และจะมีกระต๊อบเล็กๆอยู่หน้าบ้าน มีห้องน้ำอยู่ในบ้านของยายและนอกบ้าน ซึ่งกระต๊อบตรงนี้ เป็นที่ที่เราย้ายมาอยู่ ตอนย้ายมาอยู่ใหม่ๆ เราได้ยิน เรื่องเล่าจากแม่ของเรา ญาติพี่น้อง และชาวบ้านที่อยู่ใกล้ละแวกกัน พูดกันว่ายายเราเลี้ยงผี และบางคนก็เรียกว่า หรือบ้านผีปอบซึ่งเราไม่ชอบเลยที่ทุกคนเรียกกันแบบนี้
ต้องบอกก่อนเลยว่า ตอนเด็กๆ เราเป็นเด็กหัวดื้อหัวรั้น ชอบเถียง ในสิ่งที่ผู้ใหญ่คิดว่าตัวเองถูกแต่ไม่รับฟัง เหตุผลของเด็กเลย มีความเป็นตัวเองสูง ค่อนข้างที่จะก๋ากั่นเลยละ ถ้าภาษาผู้ใหญ่เค้าจะบอกกับเราว่าเราเป็นเด็ก ที่ชอบยอกย้อนชอบเถียง ยายเลยไม่ชอบเราสักเท่าไหร่
ยายของเรา อายุ 80 กว่าปี แกหลังค่อม ถ้าแกเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสอง แกจะต้องใช้มือทั้งสองข้าง ค่อยค่อยไต่ขึ้นไปทีละขั้น แกผมหยิก ผมขาวเกือบจะหมดหัว ตาฝ้าข้างนึง ปากจะเคี้ยวหมากอยู่ตลอดเวลา ยายเราเป็นคนนิ่งๆ พูดเสียงแหบๆ คงเป็นเรื่องปกติของคนแก่ทั่วไป แต่สำหรับเราที่เราเจอยายครั้งแรกเรามีมีความรู้สึกกลัว
ตอนที่เราย้ายเข้ามาใหม่ๆเราก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมยายถึงชอบขึ้นไปบนบ้านบ่อยๆ แล้วบนบ้านนึกภาพออกมั้ยว่าบันไดมันค่อนข้างที่จะชันอ่ะ กว่าแกจะขึ้นไปได้แต่ละขั้นเห็นแล้วกลัว กลัวแกจะตกลงมา ยายกับน้าเราจะอาศัยอยู่กันชั้นล่าง ชั้นบนส่วนใหญ่แล้วเป็นตู้เสื้อผ้าเป็นที่เก็บของและมีหิ้งอยู่ด้านบน ยายกับน้าเค้าอาศัยกันอยู่แค่สองคนก่อนที่เราจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วย
บางวันจะมีพิธีไหว้ เราก็ไม่รู้ว่าไหว้อะไร ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นพิธีไหว้ผี ผีที่ยายเลี้ยงไว้ แต่เราก็จำไม่ได้ว่าไหว้วันไหนบ้างเพราะตอนนั้นก็นานมาแล้ว จนตอนนี้เราอายุ 28 ปีแล้ว ในตอนนั้นสิ่งที่เราโคตรจะสงสัยที่สุดเลย คือ ยายชอบจะไต่ขึ้นไปบนบ้านช้าๆทีละขั้น เหมือนมีอะไรอยู่บนนั้น ทุกครั้งที่ไหว้จะไปข้างบนบ้านตลอด พอแกขึ้นไปเราจะชอบแอบดู ความเป็นเด็กอ่ะเนาะคืออยากรู้ไงว่าทำไมถึงขึ้นไปแล้วไปไหว้อะไร แล้วได้ยินเสียงพูดพึมพำ เราจับใจฟังอยู่นานว่าเป็นภาษาอะไรแต่ก็ฟังไม่ออกเพราะมันไม่ใช่ภาษาไทย พึมพำอยู่นานมาก
ในช่วง ที่ย้ายมาอยู่ใหม่ๆ แม่กำชับกับเราตลอดว่า ห้ามขึ้นไปบนบ้านชั้นสองเด็ดขาด และห้ามไปเล่นของบนหิ้ง ของยายที่อยู่บนบ้าน ยายเป็นคนสั่งไว้ แต่ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กอ่ะเนอะ คืออยากรู้ ว่าทำไมถึงห้ามแล้วมีอะไรอยู่ข้างบน แต่อีกใจก็กลัวสุดๆ
จนกระทั่งวันนึงความที่เราอยากรู้มากๆมาถึง วันนั้นเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นช่วงที่เราหยุดเรียนพอดี ตอนนั้นยายนอนหลับอยู่ชั้นล่างของบ้าน แกมักจะหลับตอนกลางวันเสมอ แม่เราไปทำธุระข้างนอกน้าเราไปทำงานยังไม่กลับมา เราอยู่บ้านกับยายแค่สองคน ซึ่งปกติแล้วเราจะไม่ได้เข้ามาในบ้านเลย ถ้าแม่ไม่อยู่
ในวันนั้นเป็นเวลาบ่ายๆ เราแอบขึ้นไปบนบ้าน ก่อนจะขึ้นไปบนบ้าน เราแอบดูยายอยู่พักใหญ่ๆเลย ดูให้แน่ใจแล้วว่ายายแกหลับสนิทแล้วจริงๆ เราก็แอบย่องขึ้นไปบนบ้านแบบเงียบที่สุด ตอนก้าวขึ้นบันไดทุกขั้นตาก็หันไปมองยายอยู่เรื่อยๆ ว่ายายตื่นมั้ย พอขึ้นไปบนบ้านได้ เราเห็นหิ้งไม้เก่า ไม่ใช่หิ้งพระนะ มองหาพระแล้วไม่มี
บนหิ้งมีห่อผ้าสีขาวว่างอยู่อันเดียว
ด้วยความที่เราเป็นเด็กตัวเล็ก แล้วหิ้งมันสูง เรามองไปเห็นเก้าอี้พอที่จะปีนขึ้นไปหยิบของบนหิ้งได้ เราหยิบเก้าอี้แบบเงียบที่สุด แล้วค่อยๆปีนแบบเงียบๆขึ้นไปหยิบห่อนั่นมาดู เป็นไงละ ความสงสัยของเด็กอ่ะยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุมั้ยละ นี่ขนาดกลัวนะ แต่ก็อยากรู้เลยตัดสินใจแบบเอาว่ะอยากรู้อ่ะ พอเราเปิดผ้าดู ข้างในหอมัน จำได้ติดตาเลย เป็นหุ่นรูปทรงเป็นผู้หญิง มีผมหยิกๆสีดำผมยาวมาก หน้าตาดูน่ากลัว ถูกเย็บจากผ้าเก่าๆ แล้วมาต่อเป็นรูปเป็นร่างหุ่นผู้หญิง แล้วก็พันด้วยด้ายสีแดงยุ่ยๆ เรากำลังจะพลิกกลับด้านดูข้างหลัง…..
เสียงแหบๆของยายก็ดังขึ้น จากด้านหลัง
’’ ขึ้นมาเฮ็ดหยังบนนี้ ‘‘ ลงไปเดี๋ยวนี่เลย!! เราหันควับไปมองยายทันที ยายใช้มือสองข้างไต่บันไดขึ้นมา หน้าแกคือโกรธเราจัดเลย มองเราแบบตาค้างตาแข็งๆ แล้วตอนที่แกไต่บันไดขึ้นมา ปกติแล้วตอนที่เราเห็นแกขึ้นมาบนบ้านแกจะค่อยๆไต่ขึ้นมาแบบช้าๆเหมือนคนแก่ทั่วไป แต่ตอนนั้นแกใต่บันไดขึ้นมาแบบเร็วมาก เรารู้สึกกลัวสุดๆ ยายในตอนนั้นไม่เหมือนยายที่เห็นในทุกวันเหมือนผีมากกว่า ด้วยความที่เราตกใจสุดขีด เราตกจากเก้าอี้ หุ่นในมือหล่นลงพื้น ตอนนั้นจำได้เลยใจเต้นแรงมาก เหมือนใจจะหลุด แล้วในหัวคือมีแต่ความสงสัยไปหมด ทำไมยายถึงรู้ ก่อนจะขึ้นมาเรามองยายอยู่พักใหญ่ว่าแกหลับสนิทแล้วจริงๆ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่แกจะตื่นขึ้นมา และเราทำอะไรแบบเบาที่สุดแบบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ปกติแล้วยายเป็นคนหลับช่วงบ่ายๆแล้วแกจะหลับลึกมาก ขนาดแม่เรียกปลุกมากินยาแกยังไม่ยอมจะตื่นเลย
ในวันนั้นก็เจอแม่บ่นแม่ด่าอยู่ชุดใหญ่เลย แล้วก็ฝังแปลกๆด้วย
ต้องบอกก่อนเลยว่ายายเราเป็นคนค่อนข้างที่จะเอาแต่ใจในเรื่องอาหารการกิน ส่วนน้าเราดูแลเอาใจใส่ยายอย่างดีมาตลอด ยายเป็นคนที่อยากจะกินอะไรก็ต้องกินให้ได้เดี๋ยวนั้น ยกตัวอย่างอยากกินหวาย ซึ่งหวายมันหายากนะ น้าเราก็สรรหาไปหามาให้ยายกิน แล้วมันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งยายอยากกินอะไรดิบๆเลือดๆตอนประมาณตีสองตีสาม ถ้าเป็นสมัยนี้ก็จะเป็นฟิวซอยจุ๊ป่ะ อยากกิน ลาบเลือดสดๆไรงี้ วันนั้นก็ทะเลาะกับน้าเราว่าดึกป่านนี้แล้วจะมีที่ไหนขาย เดี๋ยวตอนเช้าจะไปซื้อมาให้ได้มั้ย ยายเราก็ไม่ยอม จนมาช่วงเวลาประมาณตีสี่น้าเราต้องขับรถออกไปในตัวเมืองที่เค้าขายพวกวัวเครื่องในวัวซื้อเอามาให้ยายเรากินให้ได้ในวันนั้นอ่ะ สำหรับเราในตอนนั้นเรามองว่ามันแปลก เรามองว่ายาย ว่าแกเป็นคนเอาแต่ใจเกินไป ในตอนนั้นเราก็ไม่ค่อยจะชอบยายเท่าไหร่ด้วย เพราะยายชอบว่าเรา
แล้วนึกภาพออกป่ะกินอะไรสดๆอ่ะ เราแบบอี้มาก
ไม่นานหลังจากนั้น เราได้ยินพวกญาติๆคุยกันว่า ยายตั้งใจจะให้ลูกสาวของน้า รับขันต่อจากแก น้าเรามีลูกสาวหนึ่งคน ลูกสาวน้าเรา แกเป็นคนที่สวยมาก เข้ามหาลัยแล้วแต่ไม่รู้ว่าตอนนั้นอยู่ปีอะไรแต่ดูโตมากๆแล้ว เป็นคนที่สวยมากๆด้วย แกเรียนอยู่มหาลัยที่กรุงเทพนานๆทีจะกลับมาหาน้าและยาย
เราได้ยินที่ผู้ใหญ่เค้าพูดกันว่าจะให้ลูกสาวของน้ารับขันต่อจากยาย จะทำพิธีให้กินน้ำต่อจากขันของยาย เพื่อที่จะสืบทอดอะไรซักอย่าง ในตอนนั้นเราเป็นเด็กเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ ว่ามันเป็นพิธีการอะไรทำไมมันแปลกจัง
รุ่งเช้าขึ้นมาเค้าก็ทำพิธีกัน ลูกสาวของน้าไม่ยอมกินน้ำ น้าก็พยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นาน เค้าทำพิธีกันในบ้าน
แต่เราก็ไม่รู้ว่าเค้าได้กินน้ำในขันหรือไม่ เพราะเราแอบดูอยู่นอกบ้านไม่กล้าเข้าไป กลัว
ยังมีเรื่องเกี่ยวกับยายอีกเยอะที่ไม่ได้เล่า ยายกินไก่ดิบสดๆด้วย ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง เคยเจอแต่ในทีวีหรือในหนัง อันนี้เดี๋ยวค่อยมาเล่าให้ฟังทีหลังนะคะ
แล้วไม่ถึงอาทิตย์ต่อมา….หลังจากเสร็จพิธีย้ายก็เสียชีวิตค่ะ เรากลัวมากๆในตอนนั้นตอนที่ยายตายไปคืนแรก ไม่รู้ในตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่ เราไปเอาผ้าเช็ดน้ำหมากของยายผืนสีชมพู มาปิดตาเพราะนอนไม่หลับ กลัว เรื่องนี้เราจำได้ขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้ ยังเล่าให้แม่ฟังหลายๆรอบจนถึงทุกวันนี้ว่ายายแกเฮี้ยนมาหลอกเรา
คืนนั้นคืนแรกเราเอาผ้าเช็ดน้ำหมากยายมาปิดตา แล้วกำลังจะเคลิ้มหลับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือ เรารู้สึกว่าเราขยับตัวไม่ได้ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับบนตัวเรา พอลืมตาขึ้นมา เราเห็นเป็นยาย แกนั่งค่อมทับตัวเราอยู่ จำได้ได้เลยตอนนั้นใบหน้าแกซีดเชียว ตาจ้องเขม็งมาที่เรา มือสองข้างแกกดไหล่เราไว้ เราขยับตัวไม่ได้เลย เราพยายามหลับตาสวดมนต์ ท่องนะโมสามจบ ตอนนั้นจำได้เลยว่าไม่รู้กี่จบที่ท่องไป ลืมตาขึ้นมาก็ไม่เห็นย้ายแล้ว แต่ก็ยังขยับตัวไม่ได้อยู่ดี แม่เรานอนอยู่มุ่งข้างๆ เราพยายามตะโกนเรียกแม่ สุดเสียง แต่เสียงไม่ออกปากไม่ขยับ พยายามจะขยับมือเพื่อที่จะหยิกตัวเองแต่ในตอนนั้นมันไม่มีแรงเลย ตอนนั้นเริ่มกลัวสุดขีดร้องไห้ เหมือนคนสติแตกเพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เราพูดกับยายทั้งน้ำตาว่า ‘‘ ยายอย่ามาหลอกหนูเลยหนูจะไม่ยุ่งกับของๆยายแล้ว ‘‘ แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมจำได้เลยว่าอยู่แบบนั้นเป็นแบบนั้นอยู่นานมากกกก ทรมานสุดๆ โคตรจะกลัว จนสุดท้ายเราไม่ไหว พูดเสียงแข็งกับยายไปเลย ‘‘ ถ้ายายยังหลอกหนูไม่ยอมปล่อยหนู หนูจะแช่งให้ยายไม่ได้ไปผุดได้เกิดเลยคอยดู ‘‘
แล้วจู่ๆตัวเราก็ขยับได้เป็นปกติตอนนั้นเลยหลังจากที่พูดจบ เรากรี๊ดสุดเสียงเรียกแม่ รีบกระโจนเข้าไปมุ้งที่แม่ ตัวเราสั่นไม่หยุดเลย เราไม่เคยมีอาการสั่นแบบนี้มาก่อนจนอยากให้แม่พาไปโรงพยาบาลในคืนตอนนั้นเลยเพราะมันสั่นแบบไม่หยุดจริงๆ สั่นไปทั้งตัว เราก็เล่าให้แม่ฟัง แม่ได้แต่กอดปลอบแล้วก็ลูบหัวเราไปจนเช้า
พอเช้า เราก็ได้แต่คิดว่ามันเป็นความฝันหรือว่าเรื่องจริงหรือมันเป็นอะไรกันแน่แต่ในตอนนั้นเราจำได้ว่ามันเป็นความจริง ไม่ใช่ฝันอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่กี่ปีที่ไม่รู้ว่าลูกสาวของน้าได้กินน้ำนั้นหรือไม่ก็มาประสบอุบัติเหตุจากไป…..
เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคนได้ฟังเรื่องเล่าของเราประสบการณ์จริงแล้วคิดว่าผีมีจริงมั้ย มาแชร์ประสบการณ์คนเลี้ยงผีหรือรับขันกันได้นะคะและเรายังมีเรื่องของยายอีกเยอะเลยที่เล่ายังไม่ได้เล่า
หากเราเล่าวกไปวนมาหรือพิมพ์คำผิดๆถูกๆบ้าง ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ