ข้อเสนอ นโยบาย ด้านสังคมสูงอายุ แรงงาน และ สวัสดิการ รองรับ ภาระประเทศ ใกล้เลือกตั้งแล้วนะ

พรรคการเมืองไหน
มีนโยบาย ตรงๆ น่าจะดี

อาทิเช่น

ควรคิด มาตรการ รองรับ เรื่อง การรักษาพยาบาล แรงงานสูงอายุ
ถ้าคิดไม่ออก ควรดูตัวอย่าง ประเทศที่มีสังคมสูงวัย
อาทิเช่น ญี่ปุ่น

เช่น

อนุญาติ เปิดข้อยกเว้นในกฏหมาย ให้จ้าง แรงงานสูงวัย เกิน 60 ได้
โดยหากเลิกจ้าง ไม่ต้องจ่ายค่าเลิกจ้างซ้ำอีกตามมาตรา 118
เพื่อจูงใจให้คนแก่หางานง่าย
และ ปัจจุบัน ข้อนี้เป็นอุปสรรคสำคัญ
ที่ทำให้ภาคเอกชน ลังเลในการจ้างผู้สูงวัย
เนื่องจาก แรงงานสูงวัย มีโอกาสเลิกจ้างภายในห้าปี สิบปี
มากกว่า แรงงานปกติ ที่มักจะจากกันด้วยการลาออก
เพราะ แรงงานเยาววัย มักจะไม่ต้องจ่ายเลิกจ้าง ใน 5-10 ปี
เพราะในทางปฏิบัติ มักจะจากกันด้วยการลาออก ใน 5-10ปี
มากกว่าคนสูงวัย มักจะสุขภาพไม่ไหวต้องเลิกจ้าใน 5-10 ปี

อนุญาต เปิดข้อยกเว้นในกฏหมาย
ให้สามารถใช้อัตราค่าจ้างได้ต่ำกว่า ค่าแรงขั่นต่ำได้
โดยไม่ผิดกฏหมายแก่แรงงานสูงวัย
ให้ท่านทำงานเบาๆ ค่าจ้างนิดๆหน่อยๆ ได้โดยไม่ขัดต่อกฏหมาย

อนุญาต เปิดข้อยกเว้นในกฏหมาย  ให้จ้าง สัปดาห์ละ สามวันได้ ให้ท่านสลับกันมาทำงาน
โดยไม่ถือเป็นการขัดกับข้อบังคับการทำงาน ที่สถานประกอบการจดไว้ที่สนง.คุ้มครองแรงงานฯ
คือไม่ต้องให้สถานประกอบการจำเป็นต้องไปยื่นแก้ไขข้อบังคับการทำงาน เวลาทำงานกับทาง กรมฯ ซึ่งยุ่งยาก

หรือ
ควรอนุญาต ให้แรงงานอายุเยอะ
เข้าทำกองทุนใหม่ ปกส. โดยเก็บเบี้ยเฉพาะในส่วนรักษาสุขภาพ
โดยงดเว้นเบี้ย ชราภาพ ในกองใหม่
โดยในส่วนชราภาพ รายเดือน ให้กองทุนเดิม จ่าย บำนาญตามไปปกติ
อย่าไปเอาเงินเกษียณคนชราภาพ คืน
คนชรา ที่กลับเข้าระบบทำงาน จะได้ไม่เสียสิทธิ บำนาญชราภาพ
ที่เขาควรได้รับอยู่แล้ว ถ้านอนอยู่บ้านเฉยๆ

และการที่กลับเข้ามาสู่ระบบ ใหม่ ก็ได้สิทธิพยาบาล
หักค่าจ้างเข้ากองทุนสุขภาพในกองใหม่
โดยยอมรับค่าจ้างถูกๆ และทำงานน้อยวัน
เหมาะสม ต่อสภาพสังคม
ช่วยแบ่งเบา รัฐในภาระของงบฯบัตรสามสิบบาทด้วย

คิดง่ายๆ ตามหลักเศรษฐกิจ
เราไม่ควรปล่อยให้คนชรา
นอนอยู่บ้าน กินบำนาญ กินสวัสดิการเฉยๆ
ถ้าท่าน พอมีงานทำเบาๆ
จะได้มีส่วนช่วยบรรเทา
ภาระด้าน สวัสดิการสุขภาพของรัฐ
และสร้างสังคมที่ มั่นคงได้
ดีกว่าปล่อยท่านเคว้ง

.