ตอนที่ติดห้องเย็นนี่เป็นทริปที่สองของดิฉันค่ะ
พอดีตอนที่ดิฉันไปญี่ปุ่นครั้งแรกได้ซื้อมีดทำครัวกลับไปใช้ค่ะ (ใช้ดีเลย) พอดีมีดมันบิ่นทำตก ดิฉันเลยเอามันกลับมาญี่ปุ่นด้วยเพราะที่ร้านขายมีดบอกว่าเอากลับมาลับฟรี พอตอนกรอกใบขาเข้าเค้าถามว่ามีอาวุธมั้ย ก้อติ๊กไปว่ามี
พอไปถึงตม เค้าก็ถามว่ามีอะไรดิฉันก็บอกมีทำครัวจะเอามาลับ เค้าก็โทรไปเรียกซุปมาพาฉันไปห้องข้างๆ มีคนอยู่ สามสี่คน เป็นป้าฝรั่งคนนึ่งที่ไม่รู้ที่อยู่เลยกรอกใบตม ไม่ได้เพราะชีบอกว่ามาหาลูกชายที่ทำงานอยู่โตเกียวพักกับลูกชายเลยไม่รู้ที่อยู่ คนอื่นดิฉันไม่รู้ว่าทำไมเค้าติดห้องเย็น
กลับมาเข้าเรื่องดิฉันบ้างคุณหัวหน้าเค้าก็เอาพาสปอร์ตดิฉันไป แล้วดิฉันก็อธิบายให้เค้าฟังเป็นภาษาอังกฤษว่าทำไมถึงเอามีดมา อีกซักห้านาทีเค้าบอกยูมาคราวที่แล้วไม่ได้ใช้ชื่อนี้ใช่มั้ยทำไมพาสปอร์ตขาวจั๊วะ ดิฉันก็ลืมไป เออ จริง พอดีแต่งงานแล้วเปลี่ยนนามสกุลเลยทำพาสปอร์ตใหม่ เล่มเก่าก็ไม่ได้เอามาด้วย แต่มีใบสำเนาทะเบียนสมรสอยู่ เลยเอาให้เค้าดู แล้วบอกนามสกุลเก่าไปให้เค้าตรวจสอบ แล้วคุณหัวหน้าเค้าก็กลับไปในห้องทำงานเค้าอีกซักสิบนาทีเค้าก็ออกมาใหม่พร้อมกับวีซ่าให้เข้าได้ แล้วก็บอกดิฉันว่าศุลกากรจะตรวจกระเป๋านะตอนไปรับกระเป๋า
พอถึงคุณศุลกากรก็อธิบายอีกรอบหนึ่ง คุณลุงศุลกากรก็บ่นใหญ่ คราวนี้ยูซื้อหินลับมีดกลับไปด้วยนะ แล้วลับเองเลย ฮ่าๆๆๆ ดิฉันเลยถามเค้าว่าสรุปมีดทำครัวนี่ต้องบอกมั้ย ว่ามีอาวุธ เค้าบอกว่าบอกสิ เค้าต้องดู โอเค ทำดีแล้ว ช้าไปสามสิบนาทีดีกว่ามีปัญหาทีหลังเนอะ ปล.เดินทางคนเดียวเที่ยวอินดี้ๆไม่ได้มีใครรอด้วยก็เลยโอเคค่ะ ปล.ห้องเย็นด่านแรกเย็นนิดๆนะแบบยะเยือกๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีนะ ตลกดี แต่ไปรอบหน้านี่ไม่เอาไปละนะมีดน่ะลับเองก็ได้วะ
เคยเข้าห้องเย็นญี่ปุ่นที่นาริตะ มาเล่าให้ฟัง
พอดีตอนที่ดิฉันไปญี่ปุ่นครั้งแรกได้ซื้อมีดทำครัวกลับไปใช้ค่ะ (ใช้ดีเลย) พอดีมีดมันบิ่นทำตก ดิฉันเลยเอามันกลับมาญี่ปุ่นด้วยเพราะที่ร้านขายมีดบอกว่าเอากลับมาลับฟรี พอตอนกรอกใบขาเข้าเค้าถามว่ามีอาวุธมั้ย ก้อติ๊กไปว่ามี
พอไปถึงตม เค้าก็ถามว่ามีอะไรดิฉันก็บอกมีทำครัวจะเอามาลับ เค้าก็โทรไปเรียกซุปมาพาฉันไปห้องข้างๆ มีคนอยู่ สามสี่คน เป็นป้าฝรั่งคนนึ่งที่ไม่รู้ที่อยู่เลยกรอกใบตม ไม่ได้เพราะชีบอกว่ามาหาลูกชายที่ทำงานอยู่โตเกียวพักกับลูกชายเลยไม่รู้ที่อยู่ คนอื่นดิฉันไม่รู้ว่าทำไมเค้าติดห้องเย็น
กลับมาเข้าเรื่องดิฉันบ้างคุณหัวหน้าเค้าก็เอาพาสปอร์ตดิฉันไป แล้วดิฉันก็อธิบายให้เค้าฟังเป็นภาษาอังกฤษว่าทำไมถึงเอามีดมา อีกซักห้านาทีเค้าบอกยูมาคราวที่แล้วไม่ได้ใช้ชื่อนี้ใช่มั้ยทำไมพาสปอร์ตขาวจั๊วะ ดิฉันก็ลืมไป เออ จริง พอดีแต่งงานแล้วเปลี่ยนนามสกุลเลยทำพาสปอร์ตใหม่ เล่มเก่าก็ไม่ได้เอามาด้วย แต่มีใบสำเนาทะเบียนสมรสอยู่ เลยเอาให้เค้าดู แล้วบอกนามสกุลเก่าไปให้เค้าตรวจสอบ แล้วคุณหัวหน้าเค้าก็กลับไปในห้องทำงานเค้าอีกซักสิบนาทีเค้าก็ออกมาใหม่พร้อมกับวีซ่าให้เข้าได้ แล้วก็บอกดิฉันว่าศุลกากรจะตรวจกระเป๋านะตอนไปรับกระเป๋า
พอถึงคุณศุลกากรก็อธิบายอีกรอบหนึ่ง คุณลุงศุลกากรก็บ่นใหญ่ คราวนี้ยูซื้อหินลับมีดกลับไปด้วยนะ แล้วลับเองเลย ฮ่าๆๆๆ ดิฉันเลยถามเค้าว่าสรุปมีดทำครัวนี่ต้องบอกมั้ย ว่ามีอาวุธ เค้าบอกว่าบอกสิ เค้าต้องดู โอเค ทำดีแล้ว ช้าไปสามสิบนาทีดีกว่ามีปัญหาทีหลังเนอะ ปล.เดินทางคนเดียวเที่ยวอินดี้ๆไม่ได้มีใครรอด้วยก็เลยโอเคค่ะ ปล.ห้องเย็นด่านแรกเย็นนิดๆนะแบบยะเยือกๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีนะ ตลกดี แต่ไปรอบหน้านี่ไม่เอาไปละนะมีดน่ะลับเองก็ได้วะ