ทัศนะความเห็นกับการแต่งงานที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา (ภาพซีจีทีเอ็น)

 

รายงาน Pew เมื่อหลายปีก่อน ได้ชี้ให้เห็นว่า คนอเมริกัน อายุ 40 -50 กว่าๆ ที่ยังเป็นโสดยังไม่เคยแต่งงานนั้น มีจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ ถึง 25 เปอร์เซ็นต์

ประเทศจีนก็ไม่มีข้อยกเว้นในแนวโน้มนี้ โดยข้อมูลจากกระทรวงกิจการพลเรือนของจีนในปี 2560 เปิดเผยว่า มีคนโสด 200 ล้านคนในประเทศจีน และจำนวนนั้นยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ตัวเลขจากการสำรวจสำมะโนประชากรของประชากรแห่งชาติในปี 2010 และรายงานสถานะความอุดมสมบูรณ์ของปี 2016 แสดงอายุเฉลี่ยของการแต่งงานครั้งแรกในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1990 ทั้งชายและหญิง โดยจะแต่งงานช้าลง โดยอายุเฉลี่ยสำหรับผู้หญิงอยู่ที่ 22 ปี ในปี 1990

"ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะรีบแต่งงาน การแต่งงานเป็นแค่ทางเลือกตราบใดที่ชีวิตไม่ได้เดือดร้อนอะไร"

เหตุผลที่ โซว ซู่หลิง ครูอายุ 30 ปี พูดถึงความโสดของตนเองว่า เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกสบายใจที่ได้ใช้ชีวิตโสด ฉันมีงานที่น่าพอใจ พ่อแม่ที่ให้การสนับสนุน มีเพื่อนตลอดชีวิตและสุนัขที่น่ารักที่สุดในโลก!

ฉันเดินทางนาน ๆ ใช้เวลาเพลิดเพลินกับดนตรี ภาพยนตร์และภาพวาด และออกกำลังกายในยิม ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะรีบเข้าสู่การแต่งงาน จนกว่าฉันจะพบใครสักคนที่สามารถเพิ่มความสุขของฉันเป็นสองเท่า"

ในวัฒนธรรมจีนโบราณ การหย่าร้างคือตราบาป แต่ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากขึ้นเลือกที่จะตัดสัมพันธ์ ถ้าการครองชีวิตคู่ไม่ราบรื่น

สาเหตุของการเป็นโสดอาจแตกต่างกันไป สำหรับ ลิบรา เนี่ย บรรณาธิการของเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ของรัฐ บอกว่ามันเกี่ยวกับเรื่องการมีลูกเช่นกัน

"ฉันไม่อยากมีลูก แต่ถ้าฉันแต่งงาน พ่อแม่ของฉันและสามีก็คงไม่พ้นคาดหวังว่าฉันจะมีลูกสักคนแน่นอน นอกจากนี้ การแต่งงานแล้วไม่มีลูก ก็จะเป็นอีกปัญหาของเราอีก ดังนั้นสำหรับฉันการแต่งงานยังไม่อยู่ในสมการชีวิต"

ศาสตราจารย์ตู้เผิง รองประธานมหาวิทยาลัย เหรินหมินแห่งประเทศจีนและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาอายุและประชากร กล่าวว่า “ความเป็นโสด (Singledom) มีหลายปัจจัย การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมทำให้ผู้หญิงมีช่องทางอาชีพที่เพียงพอในการดำเนินชีวิตที่เป็นอิสระ ดังนั้น จึงไม่รีบหาความมั่นคงชีวิตผ่านการแต่งงาน อิทธิพลจากตะวันตกมีส่วนทำให้ทัศนคติต่อการแต่งงานและไม่แต่งงานเปิดกว้างขึ้น ในขณะที่ความพร้อมของการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้เลื่อนออกไปตามอายุของการสำเร็จการศึกษาตามธรรมชาติซึ่งทำให้การแต่งงานช้า และนโยบายการวางแผนครอบครัวเก่าที่เสนอการแต่งงานล่าช้าและการคลอดบุตรก็มีบทบาทเช่นกัน

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม หมู่คนหนุ่มสาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เกิดในปี 1990 และต่อ ๆ ไปนั้นไม่ได้มีความเต็มใจที่จะแต่งงานกันนักเช่นอดีต

การสำรวจ 2018 ที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 40,000 คนผ่านบัญชี WeChat โดย KnowYourself ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านจิตวิทยาสังคม ที่ได้รับความนิยม พบว่าคนที่เกิดในปี 1990 และ 2000 มีโอกาสน้อยที่จะคิดว่าการแต่งงานเป็นสิ่งจำเป็น
การรับมือกับปรากฏการณ์
การแต่งงานที่ล่าช้า หรือ กระทั่งเป็นโสดดีกว่า คือผลจากการเปิดกว้างและความก้าวหน้าของประเทศจีน อย่างไรก็ตามในระยะยาว กลับมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบด้านลบ อาทิ ปัญหาการมีคนช่วยเหลือยามสูงอายุ ความไม่ผูกพันกับครอบครัว ฯลฯ

แผนการที่ออกโดยสภาแห่งรัฐจีนในปี 2560 คาดการณ์ว่า ในปี 2573 หนึ่งในสี่ของประชากรจีน จะมีอายุ 60 ปีหรือมากกว่า ซึ่งปรากฏการณ์นี้รัฐบาลควรปรับนโยบายสาธารณะให้ดีขึ้น

เขาเสนอมาตรการรวมถึงการให้สิ่งจูงใจเพิ่มเติมสำหรับคนที่จะมีลูกคนที่สอง ใช้นโยบายสิทธิพิเศษเพิ่มเติมเพื่อผู้เสียภาษีเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้นและตอกย้ำสิทธิของคนหนุ่มสาวในวันหยุดพักผ่อนและวันหยุดพักผ่อนประจำปี สามารถมีส่วนร่วมกับชุมชนของพวกเขา

ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาประชากรกล่าวเสริมว่า ในอนาคตเมื่อวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมของจีนมีวิวัฒนาการขึ้นมา มันเป็นไปได้มากที่การแต่งงานและการมีลูกในขณะที่ยังไม่แต่งงานจะกลายเป็นที่ยอมรับมากขึ้น

ในท้ายที่สุดมันเป็นทางเลือกส่วนบุคคลว่าจะแต่งงานหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านความจริงที่ว่า ยังมีอีกหลายคนที่มีความสุขและเติมเต็มชีวิตจากการแต่งงาน

จางจิง แม่และทนายความอายุ 35 ปีกับลูกสาวอายุสี่ขวบกล่าวว่า "การแต่งงานกับคนที่คุณรัก หมายถึงความสัมพันธ์ที่หวานชื่นกำลังขยายไปสู่อนาคตที่มั่นคง ครอบครัวที่เกิดจากคนอิสระสองคน ช่วยกันสร้างออกแบบและพัฒนา ผ่านการเลี้ยงลูก การดูแลผู้สูงอายุ แบ่งปันความสุขและเอาชนะความยากลำบากร่วมกัน"

 

ข่าวจาก : MGR Online