สวัสดีค่ะ หวังว่ากระทู้นี้ จะทำให้คนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าดีขึ้นได้นะคะ สักนิดก็ยังดี
เราเอง ยอมรับว่า เป็นโรคซึมเศร้า นานถึง 7-8 เดือน
คือจิตตก หดหู่สุดๆ ไม่อยากทำอะไร หงุดหงิด
เครียด ! ไม่ขี้เกียจ แต่ ทรมานที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ดีขึ้น
เงินก็หด งานก็หาย คนรักก็ทิ้ง ไม่ใยดี เพื่อนก็ไม่อยากคบใคร
เหมือนตัวคนเดียว เหมือนอึดอัด โดยไม่รู้ว่า สาเหตุอยู่ที่ไหน
เหมือน น้อตหลุด เคว้งคว้าง เบื่อ หดหู่
รู้สึกว่า ทุกอย่างมันไม่เข้าข้าง ชีวิตไม่ยุติธรรมกับเรา
จากอาการนี้ ทำให้น้ำหนักตัวขึ้น ควบคุมตัวเองยากขึ้น
รู้สึกไม่มีใครเข้าใจ เหงา ! เหมือนแบกโลกทั้งใบ
มองโลกแง่ลบ รู้สึกคนอื่น ไม่มีน้ำใจ
โลกไม่น่าอยู่ น่ารำคาญ รู้สึกทุกคนแล้งน้ำใจ
....กว่าเราจะผ่านจุดนี้ได้นะคะ 7-8 เดือน ตอนนี้อาจจะยัง
ไม่หายสนิท แต่เราจะมาบอกวิธีค่ะ
1. เปลี่ยนที่อยู่ ไม่ต้องคิดว่าที่ไหนสบายใจ ขอแค่ทำให้เรารู้สึกดี
( ปัจจัยภายนอก คือสิ่งสำคัญ นะคะ บางคนคิดจะเปลี่ยนตัวเองจากข้างใน แต่ลืมไปว่า ไอ้ผลกระทบ ที่ทำให้ใจเราป่วย
คือเรื่อง นอก กาย ทั้งนั้น ฉะนั้น กายใจสัมพันธ์กันค่ะ
เปลี่ยนที่อยุ่ เปลี่ยนตำแหน่ง อย่างเรา เรากลับบ้านค่ะ
เพราะไม่ทำงานอะไร กลับบ้าน ยังมีพ่อแม่ดูแล
....อันนี้ ไม่ใช่ว่าเราไปเป็นภาระเขานะคะ หากเรามีสติ
เราจะรุ้ว่า ถ้าอยากพัก ! เราจะไปพักที่ไหน ( คนเรามีที่พักกายใจไม่เหมือนกันค่ะ เรายกตัวอย่างของเรา เรากลับบ้าน
แต่หากใครมีปัญหา กับครอบครัว ควรหาเพื่อนสนิท
หรือญาติ หรือใครก็ได้ที่เราไว้ใจเขา ได้ )
พอเปลี่ยนที่ เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้เราสบายขึ้น
เบาขึ้น ...กำลังใจมันจะเพิ่มมา เป็นสเต้ปค่ะ
2. อย่าปล่อยตัวให้โทรม อันนี้จริงๆนะคะ ไม่จำเป็นต้องแต่งสวย
แต่งหล่อก็ได้ค่ะ แต่ขอให้ดูแลตัวเอง คุมน้ำหนัก
หรือ ออกกำลังไปเลยก็ได้( ส่วนตัวไม่ชอบออกค่ะ จะใช้วิธี
กินน้อย เดิน ไม่ทานจุกจิก ไม่ทานของอ้วนค่ะ)
เพราะว่า พอภายนอกเรา เรารุ้สึกดีแล้ว พลังใจมันจะเพิ่มค่ะ
....เราอาศัยอยู่ ในกาย เราก็ต้องดูแล กายให้ดีค่ะ
เมื่อเราเห็นว่า กายเราดี ไม่โทรม ไม่หมอง ...สมองมันจะคิดบวก
ขึ้นมา จิตใจ มันจะฟูขึ้น อีกสเต็ป ตามกำลัง
อีกอย่างคือ เราจะรู้สึกดีกับตัวเอง มากขึ้น เพราะเราสามารถ
ควบคุม ตัวเองได้
3. อย่าใส่ใจข่าวลบ คนพูดลบ คิดลบ ข่าวสารที่จะทำให้เรา
รุ้สึกชีวิต รันทด หดหู่ เช่น ผัวเมียมีกิ๊ก คนคอมเม้นด่ากัน
หรืออะไรต่างๆ ที่จะทำให้เรารู้สึก โลกมันห่วย
หากใจยังไม่มีกำลังพอ จงหลีกเลี่ยง ทั้งข่าว หรือคนประเภทนั้นไปก่อน
เราไม่ได้เห็นแก่ตัวนะคะ
...แต่เราต้องมี สติ ! รู้จักตัวเองว่า เราอ่อนไหวแค่ไหน
เราอยู่ในช่วง สภาวะจิตแบบไหน ต้องรุ้ตัวเองค่ะ
กำลังเรามากพอ ที่จะอ่านแล้วไม่เก็บมาคิดได้ไหม?
ถ้าเรารุ้ตัวว่า กำลังเราตอนนี้ไม่ได้มากพอ
ที่จะรู้สึกดีหรือเฉยๆได้
กับอะไร ลบๆ ให้หลีกเลี่ยง ไปเลยค่ะ ! ต้องรุ้จักตัวเองนะคะ
4. หลีกเลี่ยง คนที่ไม่เข้าใจค่ะ คนเข้าใจคือเข้าใจ
คนไม่เข้าใจ ยังไง ก็ไม่เข้าใจ หากรุ้ว่าเพื่อนพี่
หรือคนนั้น คนนี้ไม่เข้าใจ
อย่าไป จมปลักที่จะแสดงออกให้เขาเข้าใจ
เสียเวลา และ ทำให้ใจหมดกำลังมาก
พูดง่ายๆ อย่าไปอธิบายตัวตนกับคนที่ไม่เข้าใจ
ปล่อยมันไป อย่างเรา เราบล๊อค หลีกเลี่ยงไปเลย
บางทีต้องทำเพื่อตัวเองบ้าง เห็นแก่คนอื่นมากไป
เราก็ทุกข์ ทุกข์มา ใครรับผิดชอบ? นอกจากเรา?
...ควรมี สายกลางให้ตัวเองเนอะ เราจะรุ้ดีคนประเภทไหน
ทำให้เรา รุ้สึกแย่ ต่อให้เขาหวังดีก็เถอะ ถ้าเขาไม่เข้าใจ
คือเขาไม่เข้าใจ หลีกเลี่ยงซะ! เมตตาตัวเองเถอะ
ตัวเรารุ้ดีที่สุด ว่าอะไรคือ
ความพอดีของเรา ความพอดีแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
อย่าถามคนอื่น ให้ถามตัวเอง ...
5. ให้ทบทวนเป้าหมายตัวเอง ...จิต พอมันมีกำลังจากการ
เปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง เห็นสิ่งใหม่ๆ หลีกเลี่ยงสิ่งลบๆ
ควบคุมตนเองได้ ทำกายให้สดใส มีชีวิตชีวา
จิตจะดริ่มมีกำลังค่ะ สมองจะเริ่มไม่ตัน ใจจะเริ่มไม่อึดอัด
เอาช่วงเวลานี้ คิดถึงเป้าหมายดีดี ในชีวิต แล้วค่อยๆลงมือทำ
ในสิ่งที่เรา สามารถทำได้ ....อย่าฝืน! หากกำลังทุน
และกำลังใจไม่พอ ให้ทำเล็กๆ ค่อยๆทำ
พอมันได้ ทีละขั้น ตอนนั้น ความซึมเศร้าเริ่มหายไปแล้วค่ะ
เราจะเริ่ม รุ้สึกดี ที่ได้อยู่กับตัวเอง
6. ศึกษา คนที่เป็นเหมือนเรา ข้อนี้หลายคนเข้าใจผิดมาก
ว่าการ ที่เรา ไปคุยกับคนประเภทเดียวกัน จะทำให้แย่ลง!
เราพิสูจน์มาแล้วว่า ยิ่งเห็นปัญหาของคนอื่นที่เป็นเหมือนเรา
เรายิ่งรู้สึก เห็นอะไรมากมายที่เป็น ความคิดผืดๆของเรา
***คนอื่น สามารถเป็นกระจก สะท้อนเราได้
เมื่อเราเห็นว่า สิ่งที่คนอื่นเป็นเหมือนเรา เราจะไม่เป็นเหมือนเขาทันที ตอนนั้นเราจะคิดได้เอง ว่าเราคิดยังไงกับตัวเอง
ชัดเจน และเราจะรู้เลยว่า ปัญหาของเราอยู่ที่ไหน?
การรุ้จักตัวเอง การรับฟังคนอื่น และการยอมรับตัวเอง
ทำให้เรา ค่อยๆดีขึ้น จนเข้าสู่ภาวะปกติ ได้ค่ะ
.......หลังจากเรารุ้ตัวแล้ว ว่าเรา ปกติขึ้น ให้เรารีบคิดว่า
เราจะจัดการ ชีวิตตัวเอง ยังไงดี
เริ่มวาง แผน และลงมือทำ มันเรื่อยๆ อย่าเร่งรีบ ตัวเอง
เพราะเราอยู่ในจุดที่ สบายกายใจแล้ว อย่าหาเรื่อง
กดดัน แต่จง สร้าง บางอย่าง เพื่อตัวเอง ให้ตัวเอง
รู้สึก มีค่า ...อาจไม่ต้องคิดถึงตำว่ารวย อะไรเลย
แค่ตั้งว่า วันนี้ ฉันจะทำให้ฉันรู้สึกดีกับตัวเอง
ด้วยการทำสิ่งที่มีประโยชน์ (หางาน หาความรู้ ช่วยเหลือคน
ดูหนัง หรืออะไรก็ได้ ที่ทำให้ตัวเอง รู้สึกโอเค)
7. อยู่กับคนหรือเพื่อน ที่ทำให้เรารู้สึกดี มีตัวตน มีค่า
( ถูกคน ถูกที่ ถูกเรื่อง อะไรก็ดีขึ้นหมด อาจจะคุยกับคน
ที่ทำให้เรา รู้สึกดี มีกำลังใจ ก็ได้นะคะ)
8.ออกไปเจออะไรใหม่ๆทำอะไรใหม่ๆ พูดจาใหม่ๆ
กล้าคุยกับคนแปลกหน้า ด้วยการรู้กาละเทศะ
เพิ่มสกิล ใหม่ๆ แต่งตัวดีขึ้น แต่งตัวใหม่ๆ
อะไรก้ได้ เป็นสิ่ง ดีดี ใหม่ๆ ลองทำเลย
......จริงๆเราว่ามีเยอะรายละเอียดกว่านี้นะ เราพิมยาว
มันก็ลืมได้555555+ สุดท้าย อยากบอกว่า
...กายและใจ ปัจจัย ภายใน และภายนอก สัมพันธ์กันมาก
อย่าโฟกัสว่า เปลี่ยนที่ความคิด..
......ต้องเปลี่ยนภายนอกก่อน ความคิดจะเปลี่ยนตาม
สัมผัส ทั้งหลาย ทำให้เกิดความคิด ก่อนจะตกไปที่ความรู้สึก
...เราก็เคยเข้าใจว่า มันเปนโรคภายใน มันต้องเปลี่ยนภายใน
แต่เรา ลืมไปว่า ไอ้โรคภายใน นี่มาจากผลกระทบภายนอก
ที่ได้เห็น ได้ยิน ได้สัมผัสทั้งนั้น
เราไปโฟกัสเปลี่ยนภายใน ตั้งนาน ปรากฏว่า พอเปลี่ยน
แวดล้อม เปลี่ยนที่ เปลี่ยนมุม คัดคน รู้จักเลือกคน
ข้างใน มันจะปลอดโปร่ง พอปลอดโปร่ง มันจะมีกำลังใจขึ้นมา
พอมีกำลังใจขึ้นมา ทุกๆอย่างจะค่อยๆเปลี่ยนเอง
ที่สำคัญ ถ้าทำอะไรไม่ได้ อย่าลืมดูแลตัวเอง ให้ดูดี
หากเรา เห็นกาย มันสดชื่น มันน่ามอง
ใจเรา ความคิดเรา เปลี่ยนไปทางที่ดีขึ้นแน่นอน
ค่อยๆ ลุก ทีละสเต็ปนะคะ ตอนนี้เราโอเคขึ้นมากๆค่ะ
โตขึ้น มาก เริ่มรู้สึกดี กับตัวเอง
อีกอย่าง อย่าลืมรับฟังคนที่เป้นเหมือนเรา นะคะ นอกจาก
เราจะไม่รู้สึกเดียวดาย การที่เราได้เห็นคนเปนอาการเดียวกัน
ทำให้เรา รู้จักตัวเองมากขึ้นค่ะ เห็นข้อผิดพลาดในความคิดเรา
มากขึ้น ....เราจะเห็นว่า เร่องของเราอาจไมหนักเลย
หรือ เราจะเห็นว่ส คนนี้ทุกข์เพราะคิดแบบนี้ เราจะไม่เป็นแบบนั้นเลย ..
......เราจะเข้าใจเขา ไม่ต่อต้าน และเราจะเห็นบางอย่าง
ในความคิดตัวเอง ที่มันขังเราไว้
รู้อะไรไม่สู้ รู้งิ .....หวังว่า จะเป็นวิธีที่ทำให้ดีขึ้นนะคะ
เอาชนะโรคซึมเศร้า ทีละนิด
เราเอง ยอมรับว่า เป็นโรคซึมเศร้า นานถึง 7-8 เดือน
คือจิตตก หดหู่สุดๆ ไม่อยากทำอะไร หงุดหงิด
เครียด ! ไม่ขี้เกียจ แต่ ทรมานที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ดีขึ้น
เงินก็หด งานก็หาย คนรักก็ทิ้ง ไม่ใยดี เพื่อนก็ไม่อยากคบใคร
เหมือนตัวคนเดียว เหมือนอึดอัด โดยไม่รู้ว่า สาเหตุอยู่ที่ไหน
เหมือน น้อตหลุด เคว้งคว้าง เบื่อ หดหู่
รู้สึกว่า ทุกอย่างมันไม่เข้าข้าง ชีวิตไม่ยุติธรรมกับเรา
จากอาการนี้ ทำให้น้ำหนักตัวขึ้น ควบคุมตัวเองยากขึ้น
รู้สึกไม่มีใครเข้าใจ เหงา ! เหมือนแบกโลกทั้งใบ
มองโลกแง่ลบ รู้สึกคนอื่น ไม่มีน้ำใจ
โลกไม่น่าอยู่ น่ารำคาญ รู้สึกทุกคนแล้งน้ำใจ
....กว่าเราจะผ่านจุดนี้ได้นะคะ 7-8 เดือน ตอนนี้อาจจะยัง
ไม่หายสนิท แต่เราจะมาบอกวิธีค่ะ
1. เปลี่ยนที่อยู่ ไม่ต้องคิดว่าที่ไหนสบายใจ ขอแค่ทำให้เรารู้สึกดี
( ปัจจัยภายนอก คือสิ่งสำคัญ นะคะ บางคนคิดจะเปลี่ยนตัวเองจากข้างใน แต่ลืมไปว่า ไอ้ผลกระทบ ที่ทำให้ใจเราป่วย
คือเรื่อง นอก กาย ทั้งนั้น ฉะนั้น กายใจสัมพันธ์กันค่ะ
เปลี่ยนที่อยุ่ เปลี่ยนตำแหน่ง อย่างเรา เรากลับบ้านค่ะ
เพราะไม่ทำงานอะไร กลับบ้าน ยังมีพ่อแม่ดูแล
....อันนี้ ไม่ใช่ว่าเราไปเป็นภาระเขานะคะ หากเรามีสติ
เราจะรุ้ว่า ถ้าอยากพัก ! เราจะไปพักที่ไหน ( คนเรามีที่พักกายใจไม่เหมือนกันค่ะ เรายกตัวอย่างของเรา เรากลับบ้าน
แต่หากใครมีปัญหา กับครอบครัว ควรหาเพื่อนสนิท
หรือญาติ หรือใครก็ได้ที่เราไว้ใจเขา ได้ )
พอเปลี่ยนที่ เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้เราสบายขึ้น
เบาขึ้น ...กำลังใจมันจะเพิ่มมา เป็นสเต้ปค่ะ
2. อย่าปล่อยตัวให้โทรม อันนี้จริงๆนะคะ ไม่จำเป็นต้องแต่งสวย
แต่งหล่อก็ได้ค่ะ แต่ขอให้ดูแลตัวเอง คุมน้ำหนัก
หรือ ออกกำลังไปเลยก็ได้( ส่วนตัวไม่ชอบออกค่ะ จะใช้วิธี
กินน้อย เดิน ไม่ทานจุกจิก ไม่ทานของอ้วนค่ะ)
เพราะว่า พอภายนอกเรา เรารุ้สึกดีแล้ว พลังใจมันจะเพิ่มค่ะ
....เราอาศัยอยู่ ในกาย เราก็ต้องดูแล กายให้ดีค่ะ
เมื่อเราเห็นว่า กายเราดี ไม่โทรม ไม่หมอง ...สมองมันจะคิดบวก
ขึ้นมา จิตใจ มันจะฟูขึ้น อีกสเต็ป ตามกำลัง
อีกอย่างคือ เราจะรู้สึกดีกับตัวเอง มากขึ้น เพราะเราสามารถ
ควบคุม ตัวเองได้
3. อย่าใส่ใจข่าวลบ คนพูดลบ คิดลบ ข่าวสารที่จะทำให้เรา
รุ้สึกชีวิต รันทด หดหู่ เช่น ผัวเมียมีกิ๊ก คนคอมเม้นด่ากัน
หรืออะไรต่างๆ ที่จะทำให้เรารู้สึก โลกมันห่วย
หากใจยังไม่มีกำลังพอ จงหลีกเลี่ยง ทั้งข่าว หรือคนประเภทนั้นไปก่อน
เราไม่ได้เห็นแก่ตัวนะคะ
...แต่เราต้องมี สติ ! รู้จักตัวเองว่า เราอ่อนไหวแค่ไหน
เราอยู่ในช่วง สภาวะจิตแบบไหน ต้องรุ้ตัวเองค่ะ
กำลังเรามากพอ ที่จะอ่านแล้วไม่เก็บมาคิดได้ไหม?
ถ้าเรารุ้ตัวว่า กำลังเราตอนนี้ไม่ได้มากพอ
ที่จะรู้สึกดีหรือเฉยๆได้
กับอะไร ลบๆ ให้หลีกเลี่ยง ไปเลยค่ะ ! ต้องรุ้จักตัวเองนะคะ
4. หลีกเลี่ยง คนที่ไม่เข้าใจค่ะ คนเข้าใจคือเข้าใจ
คนไม่เข้าใจ ยังไง ก็ไม่เข้าใจ หากรุ้ว่าเพื่อนพี่
หรือคนนั้น คนนี้ไม่เข้าใจ
อย่าไป จมปลักที่จะแสดงออกให้เขาเข้าใจ
เสียเวลา และ ทำให้ใจหมดกำลังมาก
พูดง่ายๆ อย่าไปอธิบายตัวตนกับคนที่ไม่เข้าใจ
ปล่อยมันไป อย่างเรา เราบล๊อค หลีกเลี่ยงไปเลย
บางทีต้องทำเพื่อตัวเองบ้าง เห็นแก่คนอื่นมากไป
เราก็ทุกข์ ทุกข์มา ใครรับผิดชอบ? นอกจากเรา?
...ควรมี สายกลางให้ตัวเองเนอะ เราจะรุ้ดีคนประเภทไหน
ทำให้เรา รุ้สึกแย่ ต่อให้เขาหวังดีก็เถอะ ถ้าเขาไม่เข้าใจ
คือเขาไม่เข้าใจ หลีกเลี่ยงซะ! เมตตาตัวเองเถอะ
ตัวเรารุ้ดีที่สุด ว่าอะไรคือ
ความพอดีของเรา ความพอดีแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
อย่าถามคนอื่น ให้ถามตัวเอง ...
5. ให้ทบทวนเป้าหมายตัวเอง ...จิต พอมันมีกำลังจากการ
เปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง เห็นสิ่งใหม่ๆ หลีกเลี่ยงสิ่งลบๆ
ควบคุมตนเองได้ ทำกายให้สดใส มีชีวิตชีวา
จิตจะดริ่มมีกำลังค่ะ สมองจะเริ่มไม่ตัน ใจจะเริ่มไม่อึดอัด
เอาช่วงเวลานี้ คิดถึงเป้าหมายดีดี ในชีวิต แล้วค่อยๆลงมือทำ
ในสิ่งที่เรา สามารถทำได้ ....อย่าฝืน! หากกำลังทุน
และกำลังใจไม่พอ ให้ทำเล็กๆ ค่อยๆทำ
พอมันได้ ทีละขั้น ตอนนั้น ความซึมเศร้าเริ่มหายไปแล้วค่ะ
เราจะเริ่ม รุ้สึกดี ที่ได้อยู่กับตัวเอง
6. ศึกษา คนที่เป็นเหมือนเรา ข้อนี้หลายคนเข้าใจผิดมาก
ว่าการ ที่เรา ไปคุยกับคนประเภทเดียวกัน จะทำให้แย่ลง!
เราพิสูจน์มาแล้วว่า ยิ่งเห็นปัญหาของคนอื่นที่เป็นเหมือนเรา
เรายิ่งรู้สึก เห็นอะไรมากมายที่เป็น ความคิดผืดๆของเรา
***คนอื่น สามารถเป็นกระจก สะท้อนเราได้
เมื่อเราเห็นว่า สิ่งที่คนอื่นเป็นเหมือนเรา เราจะไม่เป็นเหมือนเขาทันที ตอนนั้นเราจะคิดได้เอง ว่าเราคิดยังไงกับตัวเอง
ชัดเจน และเราจะรู้เลยว่า ปัญหาของเราอยู่ที่ไหน?
การรุ้จักตัวเอง การรับฟังคนอื่น และการยอมรับตัวเอง
ทำให้เรา ค่อยๆดีขึ้น จนเข้าสู่ภาวะปกติ ได้ค่ะ
.......หลังจากเรารุ้ตัวแล้ว ว่าเรา ปกติขึ้น ให้เรารีบคิดว่า
เราจะจัดการ ชีวิตตัวเอง ยังไงดี
เริ่มวาง แผน และลงมือทำ มันเรื่อยๆ อย่าเร่งรีบ ตัวเอง
เพราะเราอยู่ในจุดที่ สบายกายใจแล้ว อย่าหาเรื่อง
กดดัน แต่จง สร้าง บางอย่าง เพื่อตัวเอง ให้ตัวเอง
รู้สึก มีค่า ...อาจไม่ต้องคิดถึงตำว่ารวย อะไรเลย
แค่ตั้งว่า วันนี้ ฉันจะทำให้ฉันรู้สึกดีกับตัวเอง
ด้วยการทำสิ่งที่มีประโยชน์ (หางาน หาความรู้ ช่วยเหลือคน
ดูหนัง หรืออะไรก็ได้ ที่ทำให้ตัวเอง รู้สึกโอเค)
7. อยู่กับคนหรือเพื่อน ที่ทำให้เรารู้สึกดี มีตัวตน มีค่า
( ถูกคน ถูกที่ ถูกเรื่อง อะไรก็ดีขึ้นหมด อาจจะคุยกับคน
ที่ทำให้เรา รู้สึกดี มีกำลังใจ ก็ได้นะคะ)
8.ออกไปเจออะไรใหม่ๆทำอะไรใหม่ๆ พูดจาใหม่ๆ
กล้าคุยกับคนแปลกหน้า ด้วยการรู้กาละเทศะ
เพิ่มสกิล ใหม่ๆ แต่งตัวดีขึ้น แต่งตัวใหม่ๆ
อะไรก้ได้ เป็นสิ่ง ดีดี ใหม่ๆ ลองทำเลย
......จริงๆเราว่ามีเยอะรายละเอียดกว่านี้นะ เราพิมยาว
มันก็ลืมได้555555+ สุดท้าย อยากบอกว่า
...กายและใจ ปัจจัย ภายใน และภายนอก สัมพันธ์กันมาก
อย่าโฟกัสว่า เปลี่ยนที่ความคิด..
......ต้องเปลี่ยนภายนอกก่อน ความคิดจะเปลี่ยนตาม
สัมผัส ทั้งหลาย ทำให้เกิดความคิด ก่อนจะตกไปที่ความรู้สึก
...เราก็เคยเข้าใจว่า มันเปนโรคภายใน มันต้องเปลี่ยนภายใน
แต่เรา ลืมไปว่า ไอ้โรคภายใน นี่มาจากผลกระทบภายนอก
ที่ได้เห็น ได้ยิน ได้สัมผัสทั้งนั้น
เราไปโฟกัสเปลี่ยนภายใน ตั้งนาน ปรากฏว่า พอเปลี่ยน
แวดล้อม เปลี่ยนที่ เปลี่ยนมุม คัดคน รู้จักเลือกคน
ข้างใน มันจะปลอดโปร่ง พอปลอดโปร่ง มันจะมีกำลังใจขึ้นมา
พอมีกำลังใจขึ้นมา ทุกๆอย่างจะค่อยๆเปลี่ยนเอง
ที่สำคัญ ถ้าทำอะไรไม่ได้ อย่าลืมดูแลตัวเอง ให้ดูดี
หากเรา เห็นกาย มันสดชื่น มันน่ามอง
ใจเรา ความคิดเรา เปลี่ยนไปทางที่ดีขึ้นแน่นอน
ค่อยๆ ลุก ทีละสเต็ปนะคะ ตอนนี้เราโอเคขึ้นมากๆค่ะ
โตขึ้น มาก เริ่มรู้สึกดี กับตัวเอง
อีกอย่าง อย่าลืมรับฟังคนที่เป้นเหมือนเรา นะคะ นอกจาก
เราจะไม่รู้สึกเดียวดาย การที่เราได้เห็นคนเปนอาการเดียวกัน
ทำให้เรา รู้จักตัวเองมากขึ้นค่ะ เห็นข้อผิดพลาดในความคิดเรา
มากขึ้น ....เราจะเห็นว่า เร่องของเราอาจไมหนักเลย
หรือ เราจะเห็นว่ส คนนี้ทุกข์เพราะคิดแบบนี้ เราจะไม่เป็นแบบนั้นเลย ..
......เราจะเข้าใจเขา ไม่ต่อต้าน และเราจะเห็นบางอย่าง
ในความคิดตัวเอง ที่มันขังเราไว้
รู้อะไรไม่สู้ รู้งิ .....หวังว่า จะเป็นวิธีที่ทำให้ดีขึ้นนะคะ