อลเวงรักสองภพ ตอนที่ 22

center]




อลเวงรักสองภพ


โดย...ล. วิลิศมาหรา



ความเดิม

“คุณเคยมีแฟนกับเขาหรือเปล่า”

ช่อชบาแทบร้องกรี๊ด โกรธเขาจนปากสั่น สะบัดหน้าพรืดเดินเข้าไปในร้าน...เดี๋ยวคอยดูฤทธิ์แม่มั่ง

ศรศิลป์หัวเราะท่าทางของเธอ ทำไมถึงรู้สึกสนุกนักที่ได้ยั่วให้ช่อชบาโกรธ ไม่ใช่ว่าเขาจะชอบแกล้งผู้หญิงให้โมโหเล่น ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงอ่อนแอด้วยแล้วเขายินดีให้ความช่วยเหลือเสมอ เว้นแต่พวกเธอเป็นสาวมั่นที่ชอบช่วยเหลือตัวเอง ซึ่งเขามักจะหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปยุ่งด้วย

แต่ช่อชบาไม่ใช่สาวมั่น ท่าทางเกาะแขนเนตรนภิสแจเมื่อเช้านี้ ยังทำให้เขาแทบปล่อยก๊ากออกมา บอกไม่ถูกว่าทำไมชอบดูเวลาเธอโมโห ท่าทีของช่อชบาไม่ใช่กิริยาเสแสร้งดัดจริต ผู้หญิงหน้าตาบ้องแบ๊วคนนี้มักพูดหรือทำอะไรซื่อๆ ที่บางครั้งมองดูบ้าๆ บอๆ แต่ก็ไม่ต้องตีความคำพูดหรือท่าทางให้ยุ่งยาก

ผิดกับผู้หญิงจอมวางแผนคนนั้น ที่ป่านนี้คงขนข้าวของเข้ามาอยู่ในห้องติดกันกับเขาเรียบร้อยแล้ว เขานึกถึงนลินีอย่างหนักใจ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""



ในร้านขายชุดวิวาห์ที่ตบแต่งอย่างหรูหรา ซึ่งช่อชบาเพิ่งรู้ว่าเจ้าของร้านทำธุรกิจด้านนี้ครบวงจร ทั้งรับจัดงานวิวาห์พร้อมหาของชำร่วยและถ่ายพรีเวดดิ้งให้ด้วย จากข้อความที่ติดป้ายในร้าน

เจ้าของร้านเป็นสาวใหญ่ท่าทางใจดี หล่อนมองดูคู่รักที่พากันเดินเข้ามาในร้านอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ที่ทั้งคู่ดูเหมือนมึนตึงต่อกัน ฝ่ายหญิงโผล่เข้ามาก่อน ตามด้วยฝ่ายชายที่พอมาถึงก็หลบไปนั่งอยู่ที่ชุดเก้าอี้รับรองแขก ไม่พูดไม่จากัน ต่างจากคู่รักคู่อื่นที่มักควงคู่กันมาด้วยท่าทางหวานชื่น คุยกันกระหนุงกระหนิง แต่นั่นไม่ใช่กงการอะไรของตัวเองที่จะต้องสู่รู้ว่าคู่รักเขามีเรื่องอะไรกัน หน้าที่ก็คือคอยยิ้มหวานต้อนรับลูกค้าแล้วเอ่ยทักทาย

“สวัสดีค่ะ...ต้องการให้ช่วยอะไรบอกดิฉันได้เลยนะคะ”

“สวัสดีค่ะ จะมาซื้อชุดเจ้าสาวที่สวมหุ่นตัวนั้นค่ะ”

ช่อชบาไม่ยอมไปนั่งด้วยกันกับศรศิลป์ เธอยืนชี้มือไปที่ชุดสวยในตู้โชว์พลางบอกถึงความประสงค์ เจ้าของร้านมองตามแล้วเบิกตาขึ้น เพราะชุดที่โชว์อยู่นั้นราคาเหยียบแสนบาทเลยทีเดียว หล่อนหันมามองหน้าคนอยากได้ ลอบพิจารณาดูเสื้อผ้าและเครื่องประดับในตัวที่พอจะบอกถึงฐานะของลูกค้า ก็เห็นว่าหญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดพนักงานออฟฟิศที่ธรรมดามาก นอกจากนาฬิกาข้อมือแล้วก็ไม่สวมเครื่องประดับเลยสักชิ้น หล่อนจึงตอบเบาๆ อย่างไม่ค่อยแน่ใจในกำลังซื้อของลูกค้า แม้ว่าฝ่ายชายที่มาด้วยกันจะมีท่าทางดีกว่ามากก็ตาม แต่พวกเขาอาจไม่ใช่แฟนกันก็ได้

“อ้อ...คุณเจ้าสาวชอบชุดนั้นเหรอคะ ได้ค่ะ ชุดนั้นเป็นชุดที่ดีที่สุดของทางร้านเรา เอ้อ...ราคาค่อนข้างแพงค่ะ”

"เท่าไหร่คะ"

"ชุดนี้ราคาแสนสองหมื่นบาทค่ะ แต่สำหรับคุณลูกค้า เราจะลดให้ในราคาพิเศษเพียงแสนเดียวค่ะ"

“เอาใส่ถุงเลยครับ” ชายหนุ่มบนเก้าอี้นวมบอกสั้นๆ ทีท่าเหมือนรำคาญ

“ผมจ่ายด้วยบัตรเครดิตครับ” เขาหยิบบัตรเครดิตจากกระเป๋าเงินออกมายื่นให้ เจ้าของร้านตาลุก รีบรับมายื่นให้พนักงานหญิงอีกคนเอาไปจัดการชำระเงิน ก่อนหันมาถามฝ่ายหญิงอย่างพินอบพิเทา

“คุณเจ้าสาวจะลองชุดดูก่อนไหมคะ”

“ว้าว...ดีค่ะ สวมชุดเจ้าสาวแล้วแต่งหน้าทำผมให้เหมือนวันจะแต่งงานด้วยเลยได้ไหมคะ ดิฉันอยากถ่ายรูปเก็บไว้ดู ไม่รู้จะมีโอกาสอีกไหม”

ชอชบายิ้มหน้าบาน ตอบรับทันที ชำเลืองมองชายหนุ่มที่นั่งหน้าบูดอย่างหมั่นไส้...เดี๋ยวเหอะ จะแกล้งให้พูดไม่ออกเลยเชียว

“อ้อ ได้สิคะ ดิฉันจะออกแบบทรงผมและแต่งหน้าให้ บริการนี้ฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มแก่คุณเจ้าสาวค่ะ หากจะจัดงานวันไหน ฝากคิดถึงทางร้านเราด้วยนะคะ เราจะจัดงานแต่งให้อย่างสุดฝีมือเลยค่ะ”

เจ้าของร้านรีบพูดประจบเอาใจลูกค้ากระเป๋าหนัก หลังจากพนักงานจัดการรูดบัตรเรียบร้อยแล้วหล่อนก็รับมายื่นบัตรเครดิตคืนให้เจ้าของ ซึ่งเมื่อได้เงินแสนมาอย่างง่ายดาย ท่าทางเจ้าของร้านจึงยิ่งอ่อนน้อมมากขึ้นไปอีก

“ปรึกษางานแต่งกับเราได้เลยนะคะ เรามีครบทุกอย่างไว้บริการด้วยคุณภาพอันยอดเยี่ยมในราคาที่ย่อมเยา นี่เป็นตัวอย่างงานแต่งที่เราเคยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าค่ะ”

หล่อนหยิบอัลบั้มรูปงานแต่งงานเล่มใหญ่มาวางไว้ให้บนโต๊ะรับแขก แต่ชายหนุ่มไม่ได้แม้แต่จะเหลือบตามอง กลับท้วงคนรักกำมะลอขึ้นว่า

“เดี๋ยว ๆ ไหนคุณว่าจะแค่เข้ามาซื้อชุดไง มันสายมากแล้วนะคุณช่อ ผมยังต้องขับรถไปส่งคุณที่บ้านสวนอีก” เขาพยายามแย้ง แต่มีหรือที่ช่อชบาจะสนใจ เธอหันไปบอกเจ้าของร้านเสียงใส

“ฉันขอลองชุดค่ะ ตกลงทำผมแต่งหน้าด้วย เอาให้ครบเซ็ตเลยนะคะ เข้าไปข้างในห้องนั้นใช่ไหมคะ เราเข้าไปทำกันเถอะค่ะ...นี่คุณศร ฉันเป็นคนพิเศษของคุณพ่อคุณนะ...ท่องไว้ให้ขึ้นใจ”

หันมาบอกชายหนุ่มพลางยิ้มพราย ก่อนเดินนวยนาดเข้าไปในห้องแต่งตัวข้างในร้านกับเจ้าของร้าน ปล่อยให้ศรศิลป์นั่งทำหน้าเบื่อโลกอยู่ที่เก้าอี้รับแขกคนเดียว



เวลาผ่านไปนานมากราวกับว่าเจ้าหล่อนหายเข้าไปในห้องนั้นได้ชาติหนึ่งแล้ว หลังนั่งรอเป็นเวลานานจนหมดสิ้นความอดทน ศรศิลป์จึงตัดสินใจจะทิ้งช่อชบาไว้ที่นี่

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากะจะโทร. ไปบอกเนตรนภิสให้มารับตัวหล่อนไปส่งบ้านแทน แต่ทันใดนั้นประตูห้องแต่งตัวก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของช่อชบาที่ก้าวออกมา

ศรศิลป์นั่งถือโทรศัพท์ค้างตะลึงมองผู้หญิงในชุดวิวาห์ตรงหน้า...ช่อชบาในชุดเจ้าสาวแบบเกาะอกสีขาวยาวกรอมเท้า เผยหัวไหล่และเนินหน้าอกขาวนวลเนียน เนื้อผ้าลื่นพลิ้ว ระบายด้วยลูกไม้สีขาวทั้งที่ขอบเกาะอกและชายกระโปรง สวมถุงมือลูกไม้สีขาวยาวถึงข้อศอก ทรงผมหน้าม้าถูกดัดเป็นลอนสลวยยาวเคลียบ่า รวบผมด้านหน้าเปิดหน้าผากโล่ง ประดับไข่มุกสีขาวเม็ดเล็กๆ กระจายตามเส้นผม ทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มดูโดดเด่นขาวกระจ่าง ปอยผมสีน้ำตาลปล่อยระเคลียขมับสองข้างดูอ่อนหวานน่ารัก ไม่มีผมหน้าม้าสั้นเต่ออีกต่อไป ใบหน้าของหล่อนถูกตบแต่งไว้อย่างประณีต สวยราวกับเจ้าหญิงในหนังของวอสดิสนี่ย์

นี่คือแม่ช่อชบาจอมเฉิ่มจริงหรือนี่ ชายหนุ่มยกมือขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง แต่สาวสวยตรงหน้าก็ยังคงยืนส่งยิ้มหวานมาให้อยู่ที่เดิม

“คุณเจ้าบ่าวถึงกับตะลึงเลยเชียว คุณเจ้าสาวแต่งหน้าแต่งตัวแล้วสวยมากค่ะ ราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย มาค่ะ คุณสองคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันทางนี้ได้เลย เรามีสตูดิโอไว้พร้อม”

เจ้าของร้านชื่นชมผลงานตัวเอง ผายมือไปทางประตูห้องอีกห้องหนึ่ง ศรศิลป์ลุกขึ้นยืนเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ก้าวเดินตามผู้หญิงสองคนเข้าไปในห้องอย่างลืมตัว



ศรศิลป์ขับรถพาช่อชบามาถึงบ้านสวนเมื่อเย็นมากแล้ว เขาเสียเวลาในร้านขายชุดวิวาห์ร้านนั้นหลายชั่วโมงอย่างนึกไม่ถึง

สาวใหญ่เจ้าของร้านรู้จักประเหลาะเอาใจลูกค้า จนในที่สุดเขาก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายเป็นค่าถ่ายรูปพรีเวดดิ้งเพิ่มอีกหลายหมื่นบาท ทั้งที่ไม่เคยคิดจะมีงานวิวาห์กับแม่คนรักกำมะลอเลยแม้แต่น้อย มิหน้ำซ้ำตอนเดินออกมาจากในร้านด้วยกัน ช่อชบาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเป็นชุดเดิมอีก เจ้าหล่อนสวมชุดวิวาห์เดินเกาะแขนเขาออกมาอย่างหน้าชื่นตาบาน แถมยังหันไปโปรยยิ้มให้กับคนที่เหลียวมามองเสียด้วย ศรศิลป์จำต้องเดินทำหน้าปั้นยากควงแขนไปกับหล่อนจนกระทั่งถึงที่จอดรถ

ระหว่างนั่งมาด้วยกันในรถ เขาลอบชำเลืองมองคนนั่งข้างเป็นระยะ ไม่น่าเชื่อว่าพอแต่งเนื้อแต่งตัวเข้าหน่อย ผู้หญิงคนนี้จะดูสวยขึ้นผิดหูผิดตา ปกติหน้าตาของเลขาสาวออกไปทางจิ้มลิ้ม มองดูก็น่ารักดี ติดที่ชอบทำตัวเฉิ่มเชยไปหน่อย แต่เมื่อแต่งหน้าทาปากและอยู่ในชุดเกาะอกแบบนี้ หล่อนก็ดูสวยหวานเซ็กซี่เข้าทีดีอยู่เหมือนกัน แอบชำเลืองมองหลายครั้งเข้า สาวเจ้าก็รู้สึกตัว ช่อชบาหันมามองหน้าทำตาขวาง

“มองอะไรมิทราบคะเจ้านาย”

“เปล่า...มองโน่น”

เขายักไหล่ บุ้ยปากส่งไปข้างหน้าเลียนแบบหล่อนบ้าง ช่อชบาไม่สนใจคำตอบของเขา เหล่ตามองสำรวจเครื่องแต่งกายสะอาดสะอ้านเนี้ยบไปทั้งตัวของเขาพลางคิด...หรือว่าอีตานี่อยากแต่งตัวแบบเราบ้าง...ใช่แล้ว เขาอาจเป็นเกย์ควีนที่ชอบแต่งหญิงยามลับตาคนก็ได้

“คุณจะขอยืมชุดฉันไปแต่งบ้างก็ได้นะ ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้ว ใช้มันให้คุ้มค่าไปเลย ฉันไม่หวงหรอก”

ศรศิลป์แทบปล่อยก๊ากออกมากับความคิดแบบนั้นของเจ้าหล่อน แม่เจ้าประคุณคงคิดว่าเขามีใจเป็นหญิงล่ะสิ ก็น่าอยู่หรอก เพราะตัวเองดันไปว่าจ้างหล่อนให้มาเป็นคนรักกำมะลอเพื่อหลีกเลี่ยงการหมั้นกันกับสาวสวยอย่างนลินี เป็นใครก็คงต้องคิด เขาหัวเราะขลุก ๆ ในลำคอ

“ไว้วันหลังผมจะขอคุณให้ช่วยแต่ง...” รับสมอ้างด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“ได้สิ ฉันแต่งหน้าให้ด้วยก็ได้นะ ฉันไม่ชอบแต่งหน้าตัวเองนักหรอก แต่ชอบแต่งหน้าให้คนอื่น”

พูดแล้วก็นึกถึงหน้าแมวของเขาเมื่อคืนนี้ขึ้นมาอีก ช่อชบาจ้องหน้าเขาแล้วหัวเราะชอบใจ...ขำที่เขาไม่มีทางรู้ว่าใครกันแน่ที่บังอาจเข้าไปวาดหน้าแมวให้เขาถึงในห้องนอน

“นึกว่าถนัดแต่วาดหน้าแมวเสียอีก”

ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเขาถึงพูดออกไปแบบนั้น คงเพราะความกังขาในใจที่ไม่สามารถค้นหาคำตอบได้ ก็เลยพูดไปอย่างนั้นเอง ไม่นึกว่าจะทำให้ช่อชบาหยุดหัวเราะลงทันควัน เธอหันมาปฏิเสธเสียงหลง

“ฉันเปล่านะ...”

“เปล่าอะไร...เอ๊ะ คุณรู้เหรอว่าใครวาดหน้าแมวให้ผมคืนนั้น”

“ป๊าว....ไม่รู้เรื่องเลย...ก็...ก็ฉันจะบอกคุณไงว่าไม่รู้เรื่องอะไรที่คุณพูดมาเลย”

ทั้งแกว่งศีรษะทั้งปฏิเสธเสียงสูง เลิกคิ้วขึ้นพร้อมเบิกตากว้าง ใบหน้าหล่อนมีพิรุธมาก...มากเสียจนศรศิลป์นึกสงสัยหล่อนขึ้นมาตงิด ๆ แต่พอมาคิดดูอีกที หล่อนจะเข้าไปถึงห้องนอนในบ้านของเขาได้ยังไง ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ ดังนั้นแม้จะยังสงสัยท่าทีของเลขาสาวเป็นอันมาก แต่ก็ไม่อาจเชื่อได้ว่าหล่อนจะเป็นคนทำ

ศรศิลป์มองหน้าหญิงสาวอย่างคลางแคลงใจ ชักรู้สึกว่าแม่ตัวดีคนนี้มีอะไรชวนพิศวงอยู่มาก ...ซึ่งต้องพิสูจน์


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่