หน้าต่างบานนั้น (Original 31-10-2007 อ้างอิงอาจวันที่เซฟไฟล์)
อากาศเย็นสบายจากฤดูกาลในยามเช้าตรู่...ดวงอาทิตย์สีส้มกลมโตเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าเพื่อส่งผ่านแสงสว่างและความอบอุ่นลงมายังเบื้องล่าง...ท้องฟ้าซึ่งบัดนี้เริ่มเผยให้เห็นสีฟ้าอันสดใสของวันใหม่
ลมเย็นเอื่อยพัดพาใบไม้แห้งกรอบที่พร้อมจะหลุดออกจากขั้วบนกิ่งไม้ให้ร่วงตามแรงลมนั้นอย่างไม่ยากเย็น
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังวิ่งเหยาะๆ มาตามทางด้วยจังหวะก้าวเท้าที่ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป เหงื่อโทรมกายบ่งบอกว่าชายหนุ่มวิ่งมาจากต้นทางเป็นระยะทางพอสมควรแล้ว ลมหายใจเข้าออกแรงแต่สม่ำเสมอแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของร่างกาย
...จังหวะก้าวเท้าช้าลงแบบคงที่และแปรเปลี่ยนเป็นเดินในที่สุด...
ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามใบหน้า...สูดหายใจลึกเพื่อชดเชยออกซิเจนที่สูญเสียไปจากการออกกำลังกาย
ท้องฟ้าใสกระจ่างมากขึ้น...ชายหนุ่มเดินต่อมาอีกหน่อยหนึ่งก่อนที่จะหยุด และเงยหน้าขึ้นมอง
...หน้าต่างบานนั้น...
ชายหนุ่มเหม่อมองจากเบื้องล่างผ่านกรอบสี่เหลี่ยมด้วยแววตาซึ่งเจือความสุขจางๆ และรอยยิ้มนิดหนึ่งที่มุมปาก...หากแต่ในใจเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
และ...ชายหนุ่มเองก็มองเห็นหญิงสาวซึ่งอยู่หลังกระจกบานนั้นมองตอบและยิ้มให้กับชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย
เป็นประจำเช่นนี้ทุกเช้า...ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...กิจวัตรที่ชายหนุ่มกระทำซ้ำๆ เดิมๆ มาเป็นเวลานานแสนนาน
...เช้าวันหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว...
ชายหนุ่มเตรียมตัวออกจากบ้านในเวลาเช้าตรู่เพื่อรับอากาศสดชื่นและวิ่งออกกำลังเพื่อให้โลหิตสูบฉีดได้ดีขึ้นตามปกติที่กระทำมาโดยประจำอย่างสม่ำเสมอไม่เคยขาด
ในเช้าวันนั้นชายหนุ่มพบว่าเส้นทางที่ใช้วิ่งประจำถูกปิดเนื่องจากการซ่อมแซม...ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเลี่ยงไปอีกเส้นทางหนึ่งที่เขาเองก็ไม่เคยไปมาก่อน
...และนั่น คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว...
เมื่อชายหนุ่มวิ่งเหยาะๆ มาตามทางซึ่งไม่คุ้นเคยและแหงนมองขึ้นไปยังหน้าต่างบ้านหลังหนึ่ง
...หญิงสาวนั่งนิ่งและเหม่อมองอย่างไร้จุดหมายอยู่หลังบานหน้าต่างซึ่งถูกกั้นจากโลกภายนอกโดยกระจกใสบางๆ...
...ผมยาวดำสลวย...ดวงตากลมโตหากแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อย...ชายหนุ่มตกหลุมรักหญิงสาวตรงหน้าในทันที...หญิงสาวผู้เปรียบเสมือนอยู่ในโลกแห่งความฝัน
ผิวกายและหน้าซีดขาวเสมือนต้องการจะบอกกับใครๆ ว่าหญิงสาวช่างเปราะบางและพร้อมจะเลือนหายไปได้ทุกเมื่อหากได้รับความกระทบกระเทือน...หญิงสาวผู้ไม่อาจถูกจับต้องหรือได้รับการสัมผัสใดๆ
เส้นทางผ่านหน้าบ้านหญิงสาวกลายมาเป็นเส้นทางประจำของชายหนุ่มแทนเส้นทางเดิมนับจากนั้นเป็นต้นมา
ทุกเช้าชายหนุ่มออกวิ่งด้วยความหวังและความสดชื่นต่างจากที่ผ่านมา เขาจะมองขึ้นไปที่หน้าต่างด้วยแววตาและรอยยิ้มที่สดใส
...เช้าแล้วเช้าเล่า...วันแล้ววันเล่า...
ไม่รู้ว่านานเท่าใด...แต่นั่นก็นานเพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวผู้อยู่อีกฝั่งของกระจกใสรับรู้ถึงการมีตัวตนและไมตรีจิตของชายหนุ่ม
การเฝ้ามองชายหนุ่มวิ่งเหยาะๆ ผ่านมาทุกเช้ากลายเป็นกิจวัตรของหญิงสาวเช่นเดียวกับที่ชายหนุ่มกระทำ
...หญิงสาวผู้มีร่างกายและสุขภาพที่อ่อนแอมาแต่กำเนิด...นั่นทำให้เธอไม่อาจดำรงชีวิตแบบคนปกติทั่วไปได้...
...ในวัยเด็กหญิงสาวได้แต่เฝ้ามองเด็กอื่นๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานผ่านช่องหน้าต่าง...และได้แต่หวังว่าสักวันเธอจากหายดีและได้ไปวิ่งเล่นภายนอกบ้านบ้าง...
...แต่...ความหวังของเธอก็เป็นได้เพียงความหวัง...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...
...หญิงสาวยังคงเติบโตขึ้นอย่างกระเสาะกระแสะโดยได้รับการดูแลปกป้องจากบิดาและมารดาผู้ซึ่งรักเธอสุดหัวใจ...
...แววตาและรอยยิ้มแห่งความหวังจากหายไปทีละน้อย...ทีละน้อย...ตามกาลเวลาที่ล่วงผ่าน...
...แต่ถึงกระนั้น...ความหวังอันเลือนรางยังคงเก็บอยู่ในส่วนเสี้ยวของจิตใจหญิงสาว...
หญิงสาวเคยฝัน...เธอเอนกายอยู่บนท้องทุ่งไกลสุดลูกหูลูกตาและมองดาวที่พร่างพราวอยู่เต็มท้องฟ้า...ดาวแต่ละดวงกระพริบเหมือนจะหยอกเย้า...ฝืนฟ้าโอบคลุมให้ความอบอุ่นแก่เธอ...
...เพียงแต่...ความผิดหวังกับความหวังเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้หญิงสาวกลัวและไม่กล้าที่จะคิดถึงมันอีก...
...หญิงสาวผู้กลัวที่จะมีความหวัง...เธอเหนื่อยหน่ายและอ่อนล้าเกินกว่าจะรับความผิดหวังใดๆ ได้อีกต่อไป...
...ทุกคืนเธอยังคงมองดวงดาวบนท้องฟ้าผ่านกรอบหน้าต่างสี่เหลี่ยมด้วยดวงตาเลื่อนลอย...
...แต่หลังจากเช้าวันนั้น...
...ความหวังและกำลังใจที่เคยขาดหายไปจากชีวิตมานานกลับมาเยือนหญิงสาวอีกครั้ง...ชายหนุ่มผู้มาพร้อมกับรอยยิ้มและแววตาอันสดใส...
...ชายหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการดำเนินชีวิต...
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มเฝ้ามองและส่งยิ้มให้...หญิงสาวจะตอบรับไมตรีจิตของชายหนุ่มด้วยวิธีเดียวกัน
...รอยยิ้มจางๆ ที่เผยให้เห็นจากปากซีด...
...แววตาสดใสที่เผยอยู่ในดวงตาเศร้าสร้อย...
วันแล้ววันเล่าตามกาลเวลาที่ดำเนินไป...ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างค้นพบว่าความรักในจิตใจที่มีต่อกันนับวันจะยิ่งมากขึ้น...มากขึ้น
...ถึงแม้จะไม่เคยได้พูดจากันเลยแม้เพียงคำเดียว...
...ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างรู้สึกได้...
...ความรักความอบอุ่นและปรารถนาดีที่ส่งจากดวงตา รอยยิ้ม และจิตใจ ผ่านกระจกใสบางๆ ซึ่งกั้นระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาว...
ในทุกๆ วัน...ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างเฝ้ารอเวลาที่จะได้พบกันแม้เพียงผ่าน
และ...ในทุกๆ คืน...ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างเฝ้าฝันถึงกันและวาดฝันถึงอนาคตอันสวยงาม
...สองมืออันแข็งแรงพร้อมที่จะโอบประคองร่างกายบอบบางอย่างแผ่วเบาเพื่อป้องกันภยันตรายรอบด้านที่จะกระทบต่อหญิงสาว...ชายหนุ่มอยากปกป้องหญิงสาว...ต่อจากนี้หญิงสาวจะมีแต่ความสุขตลอดไป...
...ความในใจซึ่งเก็บไว้กับชายหนุ่ม โดยหวังว่าสักวันจะได้มีโอกาสส่งผ่านไปถึงหญิงสาว...
กาลเวลาผันผ่าน...ลมเย็นแห้งๆ ยามเช้าพัดวนเป็นเกลียวบ่งบอกถึงฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะวนมาถึง ซากใบไม้แห้งร่วงหล่นจากกิ่งซึ่งบัดนี้เหลือใบอยู่เพียงน้อยนิด
ชายหนุ่มออกวิ่งเหยาะๆ ดังที่ปฏิบัติเช่นทุกวัน
...แต่วันนี้...มีบางสิ่งบางอย่างแตกต่างออกไปจากทุกวันที่ผ่านมา...
...ที่หน้าต่างบานนั้น...
...ชายหนุ่มมองไม่เห็นหญิงสาวในกรอบหน้าต่างบานเดิม...
...เช้าวันนี้...เช้าวันถัดไป...และ...อีกหลายๆ เช้า...
...ว่างเปล่า...ไม่มีหญิงสาวเหมือนดังที่ผ่านมา...
คำถามที่เกิดขึ้นในจิตใจแปรเปลี่ยนเป็นความกังวลและส่งผ่านมายังดวงตาซึ่งเจือไปด้วยความหม่นหมองของชายหนุ่ม...ความพยายามเสาะหาข่าวคราวทำให้ชายหนุ่มได้รับทราบถึงความเป็นไปทั้งหมดของหญิงสาว
...ลมเย็นที่พัดผ่านมา...พัดพาชีวิตของหญิงสาวจากไป...
...หญิงสาวผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ...
...วันที่ร่างกายเปราะบางไม่อาจทนทานต่อความโหดร้ายได้อีกต่อไป...
ความในใจซึ่งจะยังคงเป็นแค่เพียงความในใจ...ข้อความทั้งหมดที่เก็บอยู่ในนั้นไม่อาจส่งผ่านไปถึงผู้รับได้อีกต่อไป...มือกำยำถูกยกขึ้นกุมอกซ้ายอย่างปวดร้าว น้ำใสๆ กลั่นตัวออกจากหัวใจและไหลผ่านดวงตาหม่นหมองลงอาบสองแก้มตอบของชายหนุ่ม
..............
ทุกเช้า...ชายหนุ่มยังคงออกวิ่งเหยาะๆ ไปตามเส้นทางเดิม...เพื่อที่จะผ่านสถานที่เดิม
...ที่หน้าต่างบานนั้น...
บัดนี้...กระจกที่เคยใสกระจ่างในช่องหน้าต่างกลับขุ่นมัวจากการขาดการดูแล
...เมื่อชายหนุ่มมองขึ้นไปผ่านกรอบสี่เหลี่ยมที่คุ้นเคย...
...ชายหนุ่มยังคงมองเห็นหญิงสาวแสนสวยที่แสนเปราะบางอยู่ที่นั่น...
...และ...ยังคงส่งยิ้มจางๆ จากปากเรียวบางมาให้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
หน้าต่างบานนั้น (Original 31-10-2007)
อากาศเย็นสบายจากฤดูกาลในยามเช้าตรู่...ดวงอาทิตย์สีส้มกลมโตเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าเพื่อส่งผ่านแสงสว่างและความอบอุ่นลงมายังเบื้องล่าง...ท้องฟ้าซึ่งบัดนี้เริ่มเผยให้เห็นสีฟ้าอันสดใสของวันใหม่
ลมเย็นเอื่อยพัดพาใบไม้แห้งกรอบที่พร้อมจะหลุดออกจากขั้วบนกิ่งไม้ให้ร่วงตามแรงลมนั้นอย่างไม่ยากเย็น
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังวิ่งเหยาะๆ มาตามทางด้วยจังหวะก้าวเท้าที่ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป เหงื่อโทรมกายบ่งบอกว่าชายหนุ่มวิ่งมาจากต้นทางเป็นระยะทางพอสมควรแล้ว ลมหายใจเข้าออกแรงแต่สม่ำเสมอแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของร่างกาย
...จังหวะก้าวเท้าช้าลงแบบคงที่และแปรเปลี่ยนเป็นเดินในที่สุด...
ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามใบหน้า...สูดหายใจลึกเพื่อชดเชยออกซิเจนที่สูญเสียไปจากการออกกำลังกาย
ท้องฟ้าใสกระจ่างมากขึ้น...ชายหนุ่มเดินต่อมาอีกหน่อยหนึ่งก่อนที่จะหยุด และเงยหน้าขึ้นมอง
...หน้าต่างบานนั้น...
ชายหนุ่มเหม่อมองจากเบื้องล่างผ่านกรอบสี่เหลี่ยมด้วยแววตาซึ่งเจือความสุขจางๆ และรอยยิ้มนิดหนึ่งที่มุมปาก...หากแต่ในใจเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
และ...ชายหนุ่มเองก็มองเห็นหญิงสาวซึ่งอยู่หลังกระจกบานนั้นมองตอบและยิ้มให้กับชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย
เป็นประจำเช่นนี้ทุกเช้า...ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...กิจวัตรที่ชายหนุ่มกระทำซ้ำๆ เดิมๆ มาเป็นเวลานานแสนนาน
...เช้าวันหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว...
ชายหนุ่มเตรียมตัวออกจากบ้านในเวลาเช้าตรู่เพื่อรับอากาศสดชื่นและวิ่งออกกำลังเพื่อให้โลหิตสูบฉีดได้ดีขึ้นตามปกติที่กระทำมาโดยประจำอย่างสม่ำเสมอไม่เคยขาด
ในเช้าวันนั้นชายหนุ่มพบว่าเส้นทางที่ใช้วิ่งประจำถูกปิดเนื่องจากการซ่อมแซม...ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเลี่ยงไปอีกเส้นทางหนึ่งที่เขาเองก็ไม่เคยไปมาก่อน
...และนั่น คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว...
เมื่อชายหนุ่มวิ่งเหยาะๆ มาตามทางซึ่งไม่คุ้นเคยและแหงนมองขึ้นไปยังหน้าต่างบ้านหลังหนึ่ง
...หญิงสาวนั่งนิ่งและเหม่อมองอย่างไร้จุดหมายอยู่หลังบานหน้าต่างซึ่งถูกกั้นจากโลกภายนอกโดยกระจกใสบางๆ...
...ผมยาวดำสลวย...ดวงตากลมโตหากแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อย...ชายหนุ่มตกหลุมรักหญิงสาวตรงหน้าในทันที...หญิงสาวผู้เปรียบเสมือนอยู่ในโลกแห่งความฝัน
ผิวกายและหน้าซีดขาวเสมือนต้องการจะบอกกับใครๆ ว่าหญิงสาวช่างเปราะบางและพร้อมจะเลือนหายไปได้ทุกเมื่อหากได้รับความกระทบกระเทือน...หญิงสาวผู้ไม่อาจถูกจับต้องหรือได้รับการสัมผัสใดๆ
เส้นทางผ่านหน้าบ้านหญิงสาวกลายมาเป็นเส้นทางประจำของชายหนุ่มแทนเส้นทางเดิมนับจากนั้นเป็นต้นมา
ทุกเช้าชายหนุ่มออกวิ่งด้วยความหวังและความสดชื่นต่างจากที่ผ่านมา เขาจะมองขึ้นไปที่หน้าต่างด้วยแววตาและรอยยิ้มที่สดใส
...เช้าแล้วเช้าเล่า...วันแล้ววันเล่า...
ไม่รู้ว่านานเท่าใด...แต่นั่นก็นานเพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวผู้อยู่อีกฝั่งของกระจกใสรับรู้ถึงการมีตัวตนและไมตรีจิตของชายหนุ่ม
การเฝ้ามองชายหนุ่มวิ่งเหยาะๆ ผ่านมาทุกเช้ากลายเป็นกิจวัตรของหญิงสาวเช่นเดียวกับที่ชายหนุ่มกระทำ
...หญิงสาวผู้มีร่างกายและสุขภาพที่อ่อนแอมาแต่กำเนิด...นั่นทำให้เธอไม่อาจดำรงชีวิตแบบคนปกติทั่วไปได้...
...ในวัยเด็กหญิงสาวได้แต่เฝ้ามองเด็กอื่นๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานผ่านช่องหน้าต่าง...และได้แต่หวังว่าสักวันเธอจากหายดีและได้ไปวิ่งเล่นภายนอกบ้านบ้าง...
...แต่...ความหวังของเธอก็เป็นได้เพียงความหวัง...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...
...หญิงสาวยังคงเติบโตขึ้นอย่างกระเสาะกระแสะโดยได้รับการดูแลปกป้องจากบิดาและมารดาผู้ซึ่งรักเธอสุดหัวใจ...
...แววตาและรอยยิ้มแห่งความหวังจากหายไปทีละน้อย...ทีละน้อย...ตามกาลเวลาที่ล่วงผ่าน...
...แต่ถึงกระนั้น...ความหวังอันเลือนรางยังคงเก็บอยู่ในส่วนเสี้ยวของจิตใจหญิงสาว...
หญิงสาวเคยฝัน...เธอเอนกายอยู่บนท้องทุ่งไกลสุดลูกหูลูกตาและมองดาวที่พร่างพราวอยู่เต็มท้องฟ้า...ดาวแต่ละดวงกระพริบเหมือนจะหยอกเย้า...ฝืนฟ้าโอบคลุมให้ความอบอุ่นแก่เธอ...
...เพียงแต่...ความผิดหวังกับความหวังเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้หญิงสาวกลัวและไม่กล้าที่จะคิดถึงมันอีก...
...หญิงสาวผู้กลัวที่จะมีความหวัง...เธอเหนื่อยหน่ายและอ่อนล้าเกินกว่าจะรับความผิดหวังใดๆ ได้อีกต่อไป...
...ทุกคืนเธอยังคงมองดวงดาวบนท้องฟ้าผ่านกรอบหน้าต่างสี่เหลี่ยมด้วยดวงตาเลื่อนลอย...
...แต่หลังจากเช้าวันนั้น...
...ความหวังและกำลังใจที่เคยขาดหายไปจากชีวิตมานานกลับมาเยือนหญิงสาวอีกครั้ง...ชายหนุ่มผู้มาพร้อมกับรอยยิ้มและแววตาอันสดใส...
...ชายหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการดำเนินชีวิต...
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มเฝ้ามองและส่งยิ้มให้...หญิงสาวจะตอบรับไมตรีจิตของชายหนุ่มด้วยวิธีเดียวกัน
...รอยยิ้มจางๆ ที่เผยให้เห็นจากปากซีด...
...แววตาสดใสที่เผยอยู่ในดวงตาเศร้าสร้อย...
วันแล้ววันเล่าตามกาลเวลาที่ดำเนินไป...ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างค้นพบว่าความรักในจิตใจที่มีต่อกันนับวันจะยิ่งมากขึ้น...มากขึ้น
...ถึงแม้จะไม่เคยได้พูดจากันเลยแม้เพียงคำเดียว...
...ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างรู้สึกได้...
...ความรักความอบอุ่นและปรารถนาดีที่ส่งจากดวงตา รอยยิ้ม และจิตใจ ผ่านกระจกใสบางๆ ซึ่งกั้นระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาว...
ในทุกๆ วัน...ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างเฝ้ารอเวลาที่จะได้พบกันแม้เพียงผ่าน
และ...ในทุกๆ คืน...ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างเฝ้าฝันถึงกันและวาดฝันถึงอนาคตอันสวยงาม
...สองมืออันแข็งแรงพร้อมที่จะโอบประคองร่างกายบอบบางอย่างแผ่วเบาเพื่อป้องกันภยันตรายรอบด้านที่จะกระทบต่อหญิงสาว...ชายหนุ่มอยากปกป้องหญิงสาว...ต่อจากนี้หญิงสาวจะมีแต่ความสุขตลอดไป...
...ความในใจซึ่งเก็บไว้กับชายหนุ่ม โดยหวังว่าสักวันจะได้มีโอกาสส่งผ่านไปถึงหญิงสาว...
กาลเวลาผันผ่าน...ลมเย็นแห้งๆ ยามเช้าพัดวนเป็นเกลียวบ่งบอกถึงฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะวนมาถึง ซากใบไม้แห้งร่วงหล่นจากกิ่งซึ่งบัดนี้เหลือใบอยู่เพียงน้อยนิด
ชายหนุ่มออกวิ่งเหยาะๆ ดังที่ปฏิบัติเช่นทุกวัน
...แต่วันนี้...มีบางสิ่งบางอย่างแตกต่างออกไปจากทุกวันที่ผ่านมา...
...ที่หน้าต่างบานนั้น...
...ชายหนุ่มมองไม่เห็นหญิงสาวในกรอบหน้าต่างบานเดิม...
...เช้าวันนี้...เช้าวันถัดไป...และ...อีกหลายๆ เช้า...
...ว่างเปล่า...ไม่มีหญิงสาวเหมือนดังที่ผ่านมา...
คำถามที่เกิดขึ้นในจิตใจแปรเปลี่ยนเป็นความกังวลและส่งผ่านมายังดวงตาซึ่งเจือไปด้วยความหม่นหมองของชายหนุ่ม...ความพยายามเสาะหาข่าวคราวทำให้ชายหนุ่มได้รับทราบถึงความเป็นไปทั้งหมดของหญิงสาว
...ลมเย็นที่พัดผ่านมา...พัดพาชีวิตของหญิงสาวจากไป...
...หญิงสาวผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ...
...วันที่ร่างกายเปราะบางไม่อาจทนทานต่อความโหดร้ายได้อีกต่อไป...
ความในใจซึ่งจะยังคงเป็นแค่เพียงความในใจ...ข้อความทั้งหมดที่เก็บอยู่ในนั้นไม่อาจส่งผ่านไปถึงผู้รับได้อีกต่อไป...มือกำยำถูกยกขึ้นกุมอกซ้ายอย่างปวดร้าว น้ำใสๆ กลั่นตัวออกจากหัวใจและไหลผ่านดวงตาหม่นหมองลงอาบสองแก้มตอบของชายหนุ่ม
..............
ทุกเช้า...ชายหนุ่มยังคงออกวิ่งเหยาะๆ ไปตามเส้นทางเดิม...เพื่อที่จะผ่านสถานที่เดิม
...ที่หน้าต่างบานนั้น...
บัดนี้...กระจกที่เคยใสกระจ่างในช่องหน้าต่างกลับขุ่นมัวจากการขาดการดูแล
...เมื่อชายหนุ่มมองขึ้นไปผ่านกรอบสี่เหลี่ยมที่คุ้นเคย...
...ชายหนุ่มยังคงมองเห็นหญิงสาวแสนสวยที่แสนเปราะบางอยู่ที่นั่น...
...และ...ยังคงส่งยิ้มจางๆ จากปากเรียวบางมาให้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง