มีใครเป็นบ้างครับ พออายุมากขึ้นแล้วรู้สึกว่าร่างกายไม่อึดในการทำงานเหมือนเดิม

สมัยอายุน้อยๆ ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองทำงานอึดมาก ทั้งทำโอที ทั้งเอางานกลับมาทำที่บ้าน ไปทำงานแต่เช้า
แต่ตอนนี้อายุมากขึ้นแล้ว เหมือนร่างกายไม่ค่อยไหวที่จะทำงานนานๆ เอางานกลับมาทำที่บ้านบางทีก็เผลอหลับ ไม่สามารถทำงานดึกๆได้ทุกคืนเหมือนเมื่อก่อน
เจ้านายก็เริ่มเพ่งเล็ง เพราะเค้าก็คาดหวังให้ทำงานได้เยอะๆเหมือนเดิม
มีใครเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกันบ้างครับ แล้วทำยังไงให้ร่างกายกลับมาอึดเหมือนเดิมครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
คนวัยทำงานทั่วไป มุ่งมั่นที่จะทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว
หมายสุดท้ายคือความเป็นหลักเป็นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคงของชีวิตวัยเกษียณ
ด้วยความเพลิดเพลินในการผลิตทรัพย์สินและความเอร็ดอร่อยในการบริโภค
หลงคิดว่าร่างกายจะอมตะเหมือนชีวิตวัยหนุ่มสาวไปได้ตลอดอายุงาน

แท้จริงแล้ว ความตาย และความเสื่อมโทรมของร่างกาย เป็นจริง นิรันดร์ที่สุดแล้วในชีวิต

บางคนทุ่มเทให้กับงาน จนไม่มีเวลาสันทนาการ
หลายคนยอมแลกเวลาวันละสองสามชั่วโมง ฝ่าการจราจรทำงานไกลบ้าน
เผื่อแลกกับรายได้ที่คิดว่าสูงกว่า คุ้มค่ากว่า จินตนาการว่าสิ่งนี้จะมอบความสุขในบั้นปลายชีวิตให้ได้
สภาพเหล่านี้ ล้วนมอบความเครียดแฝงบั่นทอนสุขภาพจิต ไว้ให้ท่านๆ ในชีวิตที่ผ่านไปแต่ละวัน โดยไม่รู้ตัว

อันที่จริง มนุษย์ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้ร่างกายได้สมบุกสมบันขนาดนี้
ธรรมชาติ ประทานสมองอันปราดเปรื่องมาให้มนุษย์
เพื่อให้สามารถขี้เกียจได้เท่าที่ใจอยาก ตราบลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

ในอดีต มนุษย์เข้าป่าล่าสัตว์วันละไม่กี่ชั่วโมง เวลาที่เหลือพักผ่อนอยู่ในเพิง อยู่ในถ้ำ
เนื้อไม่พอกิน ก็หาขุดมัน ขุดกลอย กินประทังชีวิต
พอมนุษย์รู้จักเพาะปลูก เวลางานในชีวิตก็เพิ่มมากขึ้น ต้องออกดูแลพืชพันธุ์เช้าเย็น
แต่ก็ยังมีเวลาพักผ่อนระหว่างวันอยู่มากโข

จนล่วงเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม มนุษย์จึงสร้างรูปแบบชีวิตแห่งศตวรรษที่ 19
ด้วยการทุ่มเทชีวิตจนตัวตาย แลกกับชีวิตเช่าใช้ แลกอาหาร แลกที่อยู่อาศัย
แลกความมั่งคั่งที่ดูคล้ายว่าจะยั่งยืน และสามารถส่งมอบให้ลูกหลาน แลโครตตระกูลได้

หากแต่ชีวิตในศตวรรษที่ 21 นี้ ล้วนให้สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพสูงมาก
ตราบเท่าที่คุณสามารถดึงศักยภาพตัวเองออกมาได้มากที่สุด
ดึงออกมาใช้สร้างงาน สร้างอาชีพ ที่สามารถปลดพันธนาการ ล่ามขาคุณไว้กับชีวิตของสังคมโลกแบบสองร้อยปีที่ผ่านมา

ชีวิตนั้นเป็นของคุณ ความเสื่อมโทรมของร่างกายและสุขภาพจิตนั้นจริงแท้ที่สุด
หากความต้องการความมั่งคั่ง และความต้องการบริโภคให้เท่าเทียมผู้อื่น
กลับบั่นทอนสุขภาพกายและใจ ให้เสื่อมถอยในอัตราเร่งที่สูงขึ้น เกินกว่าสภาพร่างกายมนุษย์จะรับได้

ถ้าตระหนักได้ . . .

คุณควรทำงานให้น้อยลง เพื่อเพิ่มเวลา recovery ให้ชีวิต หมั่นสังเกตความเครียดแฝงที่พอกพูนเข้ามาในชีวิต

กินอาหารให้น้อยลง เลือกกินแต่สิ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย
กินมาก ร่างกายงงมาก เอ็งเอาอะไรมาให้ข้าเยอะแยะไปหมด
บางทีตับมันโง่ ไม่สามารถจำแนกอาหารปรุงแต่งสารพัดประดามีในปัจจุบันได้ มันตีให้เป็นพิษ
แทนที่จะกินเพื่อไปซ่อมแซม และเป็นพลังงาน กลับเป็นกินพิษเข้าไป

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ออกแต่พอสมควร ไม่ต้องหนักมาก แต่ต้องสม่ำเสมอ ไม่ต้อง work hard play hard
ยิ่งอายุมาก ร่างกายยิ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการเคลียร์สิ่งที่ไม่จำเป็นต่อไบโอเคมีในร่างกายนานมากขึ้น
ร่ายกายที่ชราลงไม่สามารถ recovery ได้เร็ว เหมือนเด็กๆ หรือวัยหนุ่มสาว
โดยทั่วไป 1 ชั่วโมงต่อวัน คือเวลาที่คุณควรสละให้ร่างกายได้มีโอกาสผ่อนคลายใจ
และออกกำลังกายในระดับเบา ที่อัตราการเต้นของหัวใจประมาณ 120 - 130 ครั้งนาที
ไม่ต้องออกไปเดิน ออกไปวิ่งก็ได้ อยู่บ้าน ยืนแกว่งแขน ยกขาสูงด้วยความเร็วพอสมควร ให้สามารถต่อเนื่องได้นาน 1 ชั่วโมง
ก็เพียงพอที่ร่างกายจะดึงออกซิเจนมาใช้เพิ่มมากขึ้น ช่วยในการสันดาปการเผาผลาญในอัตราที่สูงขึ้น
เพื่อเผาขับไล่อนุมูลอิสระ และเคมีที่ไม่จำเป็นในร่างกาย
เคลียร์ออกเพื่อให้ชีวิตในวันต่อๆ ไป มีร่างกายที่สดชื่นเพียงพอที่จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ลดเวลาในการใช้โซเชียล facebook IG youtube โดยเฉพาะพันทิปนี้  
ให้เวลาร่างกายได้ซ่อมแซมสุขภาพใจเพิ่มมากขึ้น
โดยทั่วไปมนุษย์มีความเขลา และความริษยาเป็นเจ้าเรือน
เสพโซเชียลมากโดยไม่รู้เท่าทัน ความเขลาจะกินเราให้เสียสุขภาพจิต

อะไรคือคุณภาพชีวิต?
ทรัพย์สิน หรือเปลือกกายภายนอกที่ห่อหุ้มคุณไว้ ให้ดูเหมือนเป็นคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีแห่งศตวรรษที่ 21
หรือคุณภาพของสุขภาพกายและสุขภาพใจ ที่คุณสามารถตระหนักได้ว่ามันมีคุณภาพที่ดีจริงๆ อยู่ในทุกลมหายใจของคุณ

มีแต่คุณเท่านั้นที่ประเมิน และให้คุณค่าต่อมัน . . . นั่นแหละคุณภาพชีวิตของคุณ

ขออภัยที่ใช้สำนวนเหมือนเทศนาโวหาร
เพียงแต่ตอบกระทู้ "มีใครเป็นบ้างครับ พออายุมากขึ้นแล้วรู้สึกว่าร่างกายไม่อึดในการทำงานเหมือนเดิม"

โดยส่วนตัวผมคิดว่า "ความอึดให้เท่าเดิม" เป็นสิ่งที่เราไม่ควรได้รับตอบแทน ในวันที่อายุงานของเราเพิ่มมากขึ้น
ความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน และเวลาที่เพียงพอในการสันทนาการ
มันควรเป็นรูปธรรมอย่างหยาบหรือเปล่า? ที่เราควรได้รับตอบแทนในการทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำงาน
ความคิดเห็นที่ 10
ไม่ต้องทำงานไม่ไหวหรอก นั่งเฉยๆ ยังง่วงเลย เหมือนพร้อมตายทุกวัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่