ที่เจอมาทั้ังหมดเกือบสามปี มันคืออะไร ทำไมมันทรมานจัง

เราเคยทำงานออฟฟิตแล้วลาออกมาเพื่อค้นหาตัวเอง และอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ก่อนจะเจอความรักครั้งนี้ในวัย 29 ปี เราได้เลิกรากับแฟนเก่ามาห้าปีล่ะ และตั้งใจกับการทำงานมาก เราหวังมีแบรนด์ของตัวเอง ก่อนหน้านี้ก็คิดว่า แก่ละคงไม่เจอใครล่ะ ทำแต่งาน  เราไปสัมมนา อบรม ค่อนข้างเยอะ เราชอบเรียนรู้อะไรมากๆ จนไปอมรมและแข่งขันกิจกรรมนึงระดับโลก ได้เจอพี่คนนี้มาเป็นโค้ช เรามองว่า เค้าดูดี ชื่อเหมือนนักร้องที่เราชอบ ดูสุภาพ จึงจำเค้าได้แม่น และก็บังเอิญที่เค้ามาเป็นโค้ชให้กรุ้ปเรา เราไม่คุยเลยกับเค้า เวลาเราชอบใครเราจะไม่คุย หยิ่ง 555 พอได้ปรึกษาอะไรกันมากๆ และเค้าบอกว่า เค้ากำลังจะทำ start up อยากเอาแบรนด์เราไปขายเมืองนอก เรารู้สึกว่า เค้าน่าจะชอบอะไรเหมือนกับเรา จนคุยกันมากขึ้น คุยเป็นปี เค้าก็ไม่บอกว่า เป็นอะไรกันสักที จนเราถอดใจ มีวันนึงเค้าโพสเฟสว่า คนที่พอดีกับคนที่ดีพอ เรานี่ถอดใจล่ะ จนเค้าชวนเราไปดูสวนที่บ้านเค้า และเค้าก็บอกว่าเป็นแฟนกัน หลังจากนั้นเราก็ไปมาหาสู่กันมากขึ้น เค้าพาเราไปดูโน่นนี่ว่าเค้าอยากทำสวน ทำแบรนด์ของตัวเอง อาจจะเรียกว่า เราชอบคนนี้มาก จนเอาใจใส่มากจนลืมงานตัวเองไปด้วยซ้ำ
พอวันนึงเราได้เปิดร้านของตัวเองบนห้างเราดีใจมากๆ แต่เรากลับรุ้สึกว่าเค้าไม่ได้ยินดีกับเรา เค้ามาหาเราทุกวัน โดยเรื่องที่พูดว่าทำ start up มันก็เงียบไปเอง เราพึ่งมารู้เมื่อคบไปได้สามเดือนว่าเค้าไม่มีงานทำเนื่องจากเห็นว่าเค้ามาหาเราได้ทุกวัน
ความเครียดเริ่มเข้ามา เค้าเล่าให้เราฟังถึงความเครียดในบ้านเค้า ทุกคนไม่สนใจเค้า เค้าว่าพ่อไม่รักเค้า บางวันก็บอกว่ารู้และว่าพ่อรัก เราฟังปัญหาทุกวัน เรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่เค้าทะเลาะกันในบ้าน เช่น ซื้อผักชีจำนวนเยอะเกินไป เรื่องเราช่วยเค้ากดสั่งซื้อหม้อหุงข้าวแล้วพ่อไม่โอเค เค้าก็โทรมาโทษเรา
เค้ามาหาที่ร้านเราทุกวัน เปิดสมุดยอดเงินดูเอง เราก็ไม่ได้พอใจนัก มีวันนึงเราจะโอนเงิน เค้ายืนข้างๆ เราบอกพี่เค้าว่า ขยับไปให้หน่อยค่ะ เค้าทะเลาะกับเราหาว่าเราคิดว่าเค้าจะขโมยเงินเราหรอ
เราเริ่มรู้สึกว่าเค้าเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องงานเรา เค้าบอกว่า ขายได้เท่านัไม่โอเค พี่สาวน้องสาวเค้าทำงานด้วยกัน เป็นแบรนด์ดัง ขายได้เดือนเป็นสิบล้าน ทั้งที่เราพึ่งได้เริ่มขาย
ระยะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราช่วยเค้าคิด และช่วยวางแผนงาน เค้าก็หาอะไรจะทำไปเรื่อยๆ เราบ้างก็หางานให้เค้าว่าจะทำอะไรดี น่าจะผ่านไปแปดงานได้ เค้าก็จะบอกว่า อันนี้ไม่เวิร์ค อันนี้ไม่ได้ พ่อด่าบ้างว่า ทำอะไรก็อกแก็ก เค้าว่าเค้าอยากทำธุรกิจส่วนตัวแต่ก็ยังไม่ได้เรียกว่า เริ่มอะไรเลย
เราเองเครียดกับเค้ามาก เป็นห่วงเรื่องที่บ้านใช้เค้ามาก และเรื่องงานทีทำไม่ได้ของเค้า เค้าว่ามีแต่คนใช้เค้า เค้าโชคร้าย พอจะทำงานตัวเองก็ทำไม่ได้ ไม่มีเวลา
ผ่านไปเป็นปีแล้ว เค้าก็ยังไม่มีงานทำ เราเริ่มพูดกับพ่อว่า เราจะชวนเค้ามาทำงานกับเรา เราสงสาร ตอนแรกพ่อไม่ยอมแต่สุดท้ายพ่อก็ยอมเพราะรักเรา แฟนเราร้องไห้บอกเราว่าขอบใจมาก รักเรามาก ไม่มีใครเข้าใจเค้าแบบเราเลย
พอเราทำงานด้วยกัน เค้าทำงานแบบไม่อยากทำ เราพักผ่อนเค้าก็จะว่าเราไม่ช่วยเค้าทั้งที่แบ่งงานกันแล้ว เค้าแทบไม่ช่วยอะไรเลย ช่วยได้ชัดๆ ก็คือการขับรถไปส่งของให้ เราปวดหัวที่ต้องทะเลาะ เราก็บอกว่า พี่ทำหน้าที่ส่งของก็พอ เค้าก็โกรธเราว่า เห็นเค้าเป็นแค่เด็กส่งของเหมือนทีบ้านเค้านั่นแหละ มันเริ่มหนักมากเรื่องการทะเลาะกัน เราบ้านไกลกันมาก และเค้าตื่นสาย ไม่มาช่วยเรา บางทีก็ไม่พอใจทีเราว่า พอเราทนไม่ไหว ดุเค้า เค้าก็ขอเลิก เราก็ร้องไห้ วนไปมาแบบนี้
เค้าไปบอกพ่อว่าเราจ่ายเงินเดือน 15000 ทั้งที่ความจริงเราตกลงกันว่า เราให้หุ้นเค้าครึ่งๆเลยนะ โดยไม่ต้องลงเงินสักบาท ขอให้เราจ่ายให้ตัวเองกับแฟนคนละ 15000 บาทก่อนเนื่องจากกำไรยังไม่ค่อยมาก เอาไว้หมุนในบริษัท พ่อเค้าก็ต่อว่าเราผ่านทางแฟนมาว่า เราให้เงินเดือนเหมือนเด็กจบปริญญาตรี เหมือนเราหลอกใช้ลูกเค้า
งานเราก็เริ่มเฉื่อย เค้าพูดแต่ว่าของเราตลาดแคบ ทำไม่เห็นได้อะไร เราตกลงกับเค้าว่า เค้าจะลงทุนทำกับเราเลยมั้ย กำไรคนละครึ่ง เพราะเราก็คิดว่าจะแต่งงานกันอยู่แล้ว เรื่องที่ตกลงกันมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ พ่อเค้าโทรมาด่าลูกเค้าว่า โง่ ทำไม่ได้หรอก เอาบ่อยๆ เราต้องคอยปลอบเวลาเค้าร้องไห้เสมอ วันนึงเค้าไปบอกพ่อว่าเราให้เงินเดือนเท่านี้ โอโห้ พ่อเค้าว่าเราทำงานไม่เป็น ไปใช้ลูกเค้าราคานี้ เราทำอะไรเองไม่เป็น
เราบั่นทอน เราเครียด งานเราแย่ลง ความสัมพันธ์มีแต่เครียด บ้านเค้าเราไปก็ไม่มีใครสนใจคุยกับเรา แม่เค้าเป็นมะเร็ง วันนึงพ่อเค้าก็โทรมาบอกลูกให้เราไปช่วยเอายามะเร็งให้แม้เค้าทีปราจีน เราก็ไปช่วยอย่างเต็มใจ ต่อแถวตั้งแต่ตีหนีง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เรารู้สึกว่าเราทำเพื่อเค้าได้ แต่เรากลับไม่ได้รับคำขอบคุณอย่างเต็มใจหรือเลี้ยงอะไรตอบแทนเลย มันรู้สึกเหมือนไม่มีค่า ไม่ใช่ว่าอยากได้อะไรตอบแทนหรอกนะ แต่มันรู้สึกแบบนั้น
เวลาที่อยู่บ่านเค้า พ่อแม่พี่เค้าคุยกันแบบภาษาพ่อขุนราม ซึ่งเราไม่เคยเจอแบบนี้ก็อึ้งเหมือนกัน เค้าเริ่มว่าเราโง่ จ่ายภาษีก็เป็นเรื่องตลกของบ้านเค้า เค้าบอกว่า พ่อเค้าฉลาดมาก มีตรรกะมาก พ่อเค้าสอนเราให้แซงคิวอย่าไปโง่ด้วยครั้งนึง เรากลับบ้านแล้วรู้สึกแปลกมาก ส่วนพี่สาวให้สัมภาษณ์หนังสือว่า อะไรที่ไม่มีผลประโยชน์เราไม่ทำ แล้วหนังสิอเอาไปเขียน เค้าเซงมากๆ
น้องสาวเค้าว่าเราขายได้แค่นี้ ไม่เรียกขายดี มีหน้าร้านขนาดนี้ ไม่ใช่ร้านตัวเอง มันแปลว่าอะไร เรางงมาก เราบอกว่าก็นี่ร้านเราไง เค้าก็ว่า มันไม่เรียกว่าร้าน ต้องไปหาร้านของตัวเอง
เรารู้สึกโดนกดดันยังไงไม่รู้ แฟนเราเป็นคนชอบหมอดู วันนึงเค้าก็บอกว่า พี่ว่าเราทำไปก็ไม่สำเร็จ เราท้อมากเลย ทั้งที่งานนี้มันคือฝันของเรา
การทำงานของเราสองคนมันทำให้ทะเลาะกันหนักมาก แม่เค้าเป็นมะเร็งเราเสนอว่าไปทำงานบ้านเค้ามั้ย เค้าก็ว่าเดี๋ยวพ่อเค้าไม่เข้าใจ เราบอกให้กลับบ้านไว เค้าก็ว่ารถติดค่อยกลับดึกๆ มันเหมือนทำให้เราดูแย่ในสายตาบ้านเค้ามาก
เราบอกให้เค่าหางาน จนเค้าคิดได้ว่ากลับไปของานทีบริษัทเก่าเค้า ซึ่งก็ได้ทำ เราดีใจมาก แต่มันกลายเป็นว่าเค้าบ่นทุกวัน งานหนักมากก็มาลงกับเรา เค้าเป็นคนใช้คำแรงมาก เช่น ไม่ต้องมาทำตัวเป็นแม่พระ กับเรา
เมื่องานเค้าเริ่มหนักจนเค้าทนไม่ไหว เค้าปรึกษาเรา เราก็เลยว่าพี่คิดให้ดีว่าอยากทำมั้ย ไม่อยากก็หาใหม่ แค่นั้นเอง เค้าก็ไปลาออก ซึ่งสิ่งที่เค้าบอกที่บ้านคิอ เราบอกให้ออก แต่นี่คือเรารู้ทีหลังจากน้องสาวเค้า เรายอมให้เค้ากลับทำงานกับเรา เพราะเรายังฝันว่าเราจะเข้าใจกันมากขึ้นหลังจากนั้นเราก็ให้เค้ามาสู่ขอเรา ทางบ้านเค้าแทบไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรเลย อย่างที่พ่อเค้าบอกเรามาสองครั้งว่า จะแต่งจริงๆหรอ มันไม่ได้เรื่องนะ ส่วนแฟนเราก็นั่งร้องไห้อยู่ข้างๆพ่อเค้า บอกว่าพ่อไม่รักเค้า
แต่เรื่องก็เข้ามาอีก เค้าบอกว่า อาจารย์ที่สำนักดูดวงไม่ชอบเรา เพราะพี่ไปพูดไว้เยอะ  เลยเอาฤกษ์แต่งมาไม่ได้ เราก็เลยบอกว่า งั้นพี่หากับพระกันมั้ย เค้าบอกว่า เราอยากเห็นแม่เค้าตายซะอย่างนั้น เราร้องไห้ ทะเลาะกันบนรถอย่างหนัก
เราก็คิดว่าเราต้องแก้ปัญหานี้ เราไปคุยกับคนที่สำนัก ขอร้องให้หาฤกษ์ให้เราโดยที่เค้าไม่รู้ พอเค้ารู้ว่าเราได้ฤกษ์มา เค้าก็บอกว่า ดีใจมาก ต่อไปนี้ไม่มีปัญหาล่ะ
หลังจากได้ฤกษ์ เค้าก็เริ่มมีปัญหากับเราเรื่องโรงแรม บ้านเราก็อยากได้โรงแรมดีๆ เค้าบอกว่าอยากแต่งเล็กๆ เราก็ยอม แต่จนแล้วจนรอดพ่อเราก็ขอเป็นโรงแรมดีๆ เค้าก็บอกว่าเค้าไม่มีเงินเลย พี่เค้าจะมาจ่ายให้ และมันก็เกิดปัญหาตอนไปจองโรงแรม พี่สาวเค้าไม่มา บอกให้กลับบ้านก่อน ค่อยไปใหม่ เราก็เลยคิดว่า ก็ยังงี้ได้มั้ยไหนๆก็มาแล้ว พี่ก็จ่ายบัตรไปก่อนค่อยไปเอาที่พี่สาว พอจ่ายเสร็จพี่สาวก็โทรมาด่า แฟนเราเค้าก็ทำสายตาเคืองใส่เราไม่พูดกับเราตลอดทาง เราทะเลาะกันแทบทุกวัน เหมือนเค้าจะขอเลิกกับเรา เรื่องมันเหมือนกับเราคอยข่มเหงเค้า เค้าบอกว่า พ่อเค้าเกลียดเรา เพื่อนเค้าเกลียดเรา
เราตามไปขอคุยที่บ้านเค้าเจอพี่น้องเค้า เราก็นั่งคุยกัน พี่สาวกับน้องสาวติติงเรามากมายที่เหมือนทำตัวกดขี่แฟน แต่พี่เค้ากลับบอกเค้าว่า เราไปอาละวาดที่บ่าน มันเหมือนจะไปต่อไม่ไหว แล้วอีกอย่างแม่เค้าก็เสียพอดีเลย เราไปหาเค้าที่โรงเรียนที่พี่เค้าให้ไปเรียนพัฒนาตัวเอง เค้าก็ไม่คุยกับเราดีๆ เรารู้สึกเหมือนเราไปคาดคั้นจนเค้าวิ่งหนีร้องไห้ออกไป เราโทรหาน้องสาวเค้าช่วยตามเค้านะ เราไม่กล้าตาม เค้าร้องแต่ว่ากลัวเรา และน้องเค้าก็บอกเราว่า มันตื่นเช้ายังทำไม่ได้เลย มันจะมีงานทำเองได้ยังไง (น้องเค้าเรียกพี่ชายด้วยชื่อเฉยๆ) แต่น้องเค้าก็โกดเราที่ทำพี่ชายร้องไห้ใหญ่หลวง
เราไม่ได้คุยกันเลยหลายวัน จนวันนึงเราก็ไปเยี่ยมแม่เค้า แต่เค้าไปหลบเราที่ลานจอดรถ เราก็ไม่อะไร พยายามเข้าใจว่าคงเสียใจเรื่องแม่ไม่อยากเจอเรา ผ่านไปสองวัน เค้าโทรมาหาเราให้ไปหาเค้า คุยเรื่องที่เค้าไม่มีความสุขในบ้านเค้ากับพ่อเค้า เราก็อืมเราจะช่วย พอไปถึงเค้าก็ไม่คุย เราอยู่เป็นเพื่อนเค้าอยู่หลายวันเช้าถึงดึกเพราะห่วงเค้า แต้เค้าไม่ห่วงเราเลย พอกินข้าวก็กินเอง พูดตลกกับเราว่า กินแล้วก็ลุกไปโน่น ทั้งที่เห็นว่าเรายังไม่กิน รอเค้า จนพ่อเค้าต้องด่าว่าไม่มีความสุภาพบุรุษ น้องสาวก็บอกเราว่า ไม่ต้องไปสนใจมุกควายๆของมัน เค้าไม่เคยแนะนำเรากับญาติเลย เราคอยดูว่าพ่อเค้าให้ไปทำอะไร แล้วเค้าไม่ลุก เราก็ต้องคอยเตือนไม่ให้พ่อเค้าด่ากลางกลุ่มญาติ
บ้านเราก็บอกว่า จะไหวหรอ เราก็บอกติดตลกว่าแฟนเรายังเด็ก ทั้งๆที่แก่กว่าเราสองปี วันนึงเราก็บอกว่า พี่อยากจะบอกอะไรที่บ้านก็พูดตรงๆเลยจะได้แก้ปัญหากัน เค้าอยู่ดีๆ กินข่าวที่บ้านก็พูดขึ้นมาว่า ป๊าครับ ผมอยู่ที่บ้านนี้ผมไม่มีความสุข ทั้งเจ๊เค้าทั้งป๊าเค้าก็ด่าว่ากูให้มาเท่าไหร่ ไม่มีงานทำ กูก็เลี้ยงอยู่คนเดียว พี่สาวกับน้องสาวหาเงินได้
พ่อเค้าเรียกเราไปหาอีกบอกว่า จะเอาจริงๆหรอ ต่อหน้าเค้า บอกว่า มันไม่เอาไหนเลยนะ จะเอาไปทำอะไร พี่เค้าก็นั่งร้องไห้ เราก็นั่งกุมมือเป็นกำลังใจให้เสมอ วันนั้นก็ผ่านไปเหมือนวันนึง ไม่มีใครสนใจเค้าเหมือนเดิมเค้าว่าอย่างนั้น
เราปลุกเค้าทุกเช้าๆ เพื่อให้ลุกมา พ่อจะได้ไม่ด่า ช่วยทุกอย่างจนไม่เป็นตัวเอง เราเครียดมากๆ ในทุกวัน วันนึงแม่เค้าเสียไป เราก็ทะเลาะกับเค้าอีกเรื่องที่เค้าเครียดเรื่องงานเรา บอกว่างานเราไปไม่รอด เราก็ร้องไห้หนัก
ก่อนหน้านี้เราเคยบอกว่า ทุกครั้งทะเลาะกันอย่าวางสายใส่ อย่าทะเลาะข้ามคืน ทุกครั้งเค้ารำคาญตัดสาย เราจะทุรนทุรายตามหาเค้าตลอด
เราไปหาเค้าที่งานศพ ร้องไห้ขอคุยด้วย เรารู้ว่าเราไม่มีกาลเทศะเลย แต่มันทนไม่ไหวแล้ว เค้าบอกว่ายังไม่คุย เห็นมั้ยป๊าเดินเอาขนมมาให้เราแต่ไม่คุยกับเรา แปลว่าป๊าเกลียดเราไม่เห็นหรอ เรางงมาก ไม่ได้คิดแบบนั้นเลย เราพูดขึ้นมาว่า เชี้ย อะไรกันนักหนาว่ะ แบบทนไม่ไหว เราไม่ได้ด่าเค้านะแต่เค้าผลักเรา ด่าตะเพิดเรากลางงานศพ เราบอกให้ใจเย็นเค้าไม่หยุดเลย มันแรงมาก จนเรายอมกลับบ้านแล้วหายไปเลย เค้าก็โทรตามเราไปงานเผา เราถึงไป
หลังจากงานวันนั้นเรารู้สึกว่าเราผิดมาก เราคุยกันปกติเรื่อยมา ก่อนหน้านี้เราเคยคุยว่าเราจะไม่จดทะเบียนสมรสเค้าก็โอเค
อยู่ดีๆเค้าก็โทรมาบอกว่าเนี้ยเค้าไปถามใครๆก็มีแต่คนบอกว่า เราอ่ะหวงสมบัติ ไม่ไว้ใจเค้า เราทะเลาะกันหนักมากตามเคย ส่วนพ่อเค้าก็บอกว่า เนี่ยพ่อเราเป็นมะเร็ง จะหาเงินที่ไหนมารักษา งานเรายังทำเงินเท่านี้เอง น้องเค้าบอกว่า แฟนเรารักเรามาก น้องเค้าคิดว่า แฟนเรามาอยู่บ้านเราน่าจะสบาย แต่ตอนนี้ให้พี่ชายเค้าทำตัวให้มั่นคงก่อนนะ สุดท้ายเค้าขอเลิก เราไปง้อและเค้าบอกว่า ขอเวลาพี่คิดสี่เดือน เราจะมีใครก็ได้นะ ให้คิดซะว่าเค้าไม่อยู่ไปก่อน
เราจะเป็นจะตายมาก เค้าไม่ยอมรับโทรศัพท์ เค้าให้น้องสาวมาบอกยกเลิกงานแต่งกับพ่อเรา โดยไม่บอกเรา ส่วนเค้าไลน์หาพ่อเราว่า เค้าไม่สามารถรับเราเป็นภรรยาได้เลย เรากินไม่ได้นอนไม่หลับ รู้สึกว่าเราผิดเต็มประตู ทั้งที่เราไม่เคยอารมณ์ร้อนกับใครเลย... เดี๋ยวมาเล่าต่อ เค้ากลับมาอีกจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่