ออกจะผิดหวังกับหนังสือ "The Buddha and Dr Fuhrer" อยู่นิดๆ หลังจากที่อ่านจบแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องก่อนและหลังจากค้นพบบรมสารีริกธาตุเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว แม้เนื้อเรื่องจนเยิ่นเย้อไปหน่อยแต่ก็จัดว่าเป็นหนังสือที่น่าอ่านทีเดียว นอกเหนือจากเรื่องราวการค้นพบแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าชาวตะวันตกศึกษารายละเอียดต่างๆ ในสมัยพุทธกาลได้อย่างละเอียด การค้นพบและฟันธงสถานที่ๆ ประสูติ ตรัสรู้ แสดงพระธรรมจักรกัปวัตนสูตร และปรินิพาน ก็มาจากการศึกษาและค้นพบของนักโบราณคดีตะวันตกเหล่านี้

ดอกเตอร์ฟูเร่อร์ เป็นบาทหลวงและสนใจด้านโบราณคดีอินเดียโดยเฉพาะพุทธศาสนา (เขาคนนี้แหละที่ฟันธงสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าและตำแหน่งเมืองกบิลพัสดุ์) แต่เขาก็มีเรื่องอื้อฉาวอยู่พอสมควรในด้านผลงาน ซึ่งการเข้าไปพัวพันในการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุครั้งแรกนี่ ทำให้นักโบราณคดีหลายคนมองว่าเป็นการลวงโลกครั้งใหญ่ (เพื่อสร้างราคากับสิ่งที่ค้นพบและเครดิตให้ตนเอง) ซึ่งยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริงหรือปลอม? และการเดินทางจากศรีลังกาไปอินเดียวเพื่อขอชมและส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของ "พระชินวรวงศ์" หรือ (พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ ที่ตอนนั้นออกผนวชหนีภัยไปจำพรรษาที่ศรีลังกา เนื่องจากทรงมีเรื่องบาดหมางลึกๆ กับพระพุทธเจ้าหลวงร.๕ ในด้านความเห็นทางการเมืองในสมัยนั้น) กลายเป็น "ทางออก" ที่จะยุติเรื่องไม่ให้เรื่องการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ (ที่ยังไม่อาจฟันธงได้ว่าจริงหรือปลอม) บานปลาย รัฐบาลอังกฤษซึ่งปกครองอินเดียอยู่ตอนนั้นก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะแสดงไมตรีต่อพระพุทธเจ้าหลวง จึงไม่รีรอที่จะถวายพระบรมสารีริกธาตุที่พึ่งค้นพบให้กับสยาม
ภาพข้างล่างคือพระชินวรวงศ์ หรือพระองค์เจ้าปฏษฎางค์
วิลเลี่ยม เปเป้ เจ้าของที่ดินที่ขุดค้นพบพระบรมสารีริกธาตุเขียนบันทึกไว้ในไออารี่ว่า หลังการขุดพบไม่กี่อาทิตย์เขาก็เปิดประตูต้อนรับพระรูปหนึ่งที่มีสถานะเป็น prince หรือเจ้าชายจากสยามที่เดินทางมาจากศรีลังกาเพื่อมาขอส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุเพื่อนำกลับประเทศสยาม ตรงนี้ผมตีความโดยส่วนตัวเอาเองว่า พระชินวรวงศ์หรือพระองค์เจ้าปฏษฏางค์ก็คงจะเห็นเป็นโอกาสที่จะนำพระบรมสารีริกธาตุกลับไปถวายร.๕ เพื่อให้ลืมเรื่องบาดหมางที่เคยแต่ก่อน แต่ทว่า....ร.๕ ทรงส่งเจ้าพระยายมราชมารับพระบรมสารีริกธาตุแทน พระองค์เจ้าปฏษฏางค์ก็หมดโอกาสที่จะกลับสยาม ตลอดรัชกาลแผ่นดินของร.๕
ร.๕ ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้นำพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานไว้ที่ภูเขาทองวัดสระเกศ โดยปิดตายไม่ให้ใครได้ชม (นัยว่า อาจจะทรงผิดหวังที่เป็นเป็นเพียง "กระดูก" ธรรมดาเหมือนคนทั่วๆ ไป ไม่ใช่พระธาตุที่เป็นแก้วใสเหมือนที่เราๆ ท่านๆ ต่างเข้าใจว่าควรจะเป็นเช่นนั้น) ความจริง...แล้วจากตัวอักษรโบราณที่เขียนบนผอบ (อ่านว่า ผ่ะ-อบ) ก็เขียนบอกไว้ว่าเป็นเถ้าถ่านของพระพุทธเจ้าและพระประยูรญาติของพระองค์ ต่อมา...เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้มีการพิสูจน์กันอีกครั้งก็พบว่าเป็นผอบใส่เถ้าถ่านพระธาตุและเถ้าถ่านของพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้าจริง ซึ่งตอนนี้...ผอบที่บรรจุที่มีจำนวนห้าผอบและเครื่องทอง เพชร นิล จินดาที่ถูกฝังรวมกับผอบนับร้อยชิ้นได้ถูกนำไปแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ประเทศสวิชเซอร์แลนด์ ระหว่างเดือนธันวาคมปีที่แล้วไปจนถึงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
สรุป ทฏษฏีเกี่ยวกับการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุคือ ผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเถ้าถ่านของพระประยูรญาตินี้ถูกฝังเอาไว้พันกว่าปีในยุคพระเจ้าอโศก พระเจ้าอโศกทรงรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุตามหัวเมืองต่างๆ ที่ได้รับแจกจ่ายหลังการถวายพระเพลิง โดยต่อมาพระเจ้าอโศกได้นำมารวบรวมไว้กับพระดูกของพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้าที่ถูก "สังหารหมู่" โดยพระเจ้าวิฑูฑภะ ในบรรดาเครื่องประดับเงิน ทอง เพชร นิล จินดาที่ถูกฝังกับผอบนั้นมี แผ่นทองที่ตีเป็นรูปสิงห์ที่เป็นสัญญลักษณ์ของพระเจ้าอโศก (เหมือน "เสาอโศก" ที่จะมีรูปสิงห์ด้วยทุกเสา) ตามภาพข้างล่าง
ส่วนภาพข้างล่างเป็นผอบและเครื่องประดับที่ค้นพบหลายพันชิ้นที่แสดงโชว์ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ตอนนี้ ปัจจุบันเครื่องประดับเกือบครึ่งหนึ่งยังอยู่ในการครอบครองของคนอังกฤษตระกูลเปเป้ที่เป็นเจ้าของที่ดินที่ผอบฝังอยู่
สำหรับท่านที่ต้องการอ่านเพิ่มเติมรายละเอียดและมุมมองของคนไทยลองเข้าเวปเรือนไทยตามลิงค์นี้ดูนะครับ
http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=k8e1cmsto66b13r2km9l90q882&topic=5762.0
...สัพเพเหระ: "พระบรมสารีริกธาตุกับการเมือง".../วัชรานนท์
ดอกเตอร์ฟูเร่อร์ เป็นบาทหลวงและสนใจด้านโบราณคดีอินเดียโดยเฉพาะพุทธศาสนา (เขาคนนี้แหละที่ฟันธงสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าและตำแหน่งเมืองกบิลพัสดุ์) แต่เขาก็มีเรื่องอื้อฉาวอยู่พอสมควรในด้านผลงาน ซึ่งการเข้าไปพัวพันในการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุครั้งแรกนี่ ทำให้นักโบราณคดีหลายคนมองว่าเป็นการลวงโลกครั้งใหญ่ (เพื่อสร้างราคากับสิ่งที่ค้นพบและเครดิตให้ตนเอง) ซึ่งยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริงหรือปลอม? และการเดินทางจากศรีลังกาไปอินเดียวเพื่อขอชมและส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของ "พระชินวรวงศ์" หรือ (พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ ที่ตอนนั้นออกผนวชหนีภัยไปจำพรรษาที่ศรีลังกา เนื่องจากทรงมีเรื่องบาดหมางลึกๆ กับพระพุทธเจ้าหลวงร.๕ ในด้านความเห็นทางการเมืองในสมัยนั้น) กลายเป็น "ทางออก" ที่จะยุติเรื่องไม่ให้เรื่องการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ (ที่ยังไม่อาจฟันธงได้ว่าจริงหรือปลอม) บานปลาย รัฐบาลอังกฤษซึ่งปกครองอินเดียอยู่ตอนนั้นก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะแสดงไมตรีต่อพระพุทธเจ้าหลวง จึงไม่รีรอที่จะถวายพระบรมสารีริกธาตุที่พึ่งค้นพบให้กับสยาม
ภาพข้างล่างคือพระชินวรวงศ์ หรือพระองค์เจ้าปฏษฎางค์
วิลเลี่ยม เปเป้ เจ้าของที่ดินที่ขุดค้นพบพระบรมสารีริกธาตุเขียนบันทึกไว้ในไออารี่ว่า หลังการขุดพบไม่กี่อาทิตย์เขาก็เปิดประตูต้อนรับพระรูปหนึ่งที่มีสถานะเป็น prince หรือเจ้าชายจากสยามที่เดินทางมาจากศรีลังกาเพื่อมาขอส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุเพื่อนำกลับประเทศสยาม ตรงนี้ผมตีความโดยส่วนตัวเอาเองว่า พระชินวรวงศ์หรือพระองค์เจ้าปฏษฏางค์ก็คงจะเห็นเป็นโอกาสที่จะนำพระบรมสารีริกธาตุกลับไปถวายร.๕ เพื่อให้ลืมเรื่องบาดหมางที่เคยแต่ก่อน แต่ทว่า....ร.๕ ทรงส่งเจ้าพระยายมราชมารับพระบรมสารีริกธาตุแทน พระองค์เจ้าปฏษฏางค์ก็หมดโอกาสที่จะกลับสยาม ตลอดรัชกาลแผ่นดินของร.๕
ร.๕ ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้นำพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานไว้ที่ภูเขาทองวัดสระเกศ โดยปิดตายไม่ให้ใครได้ชม (นัยว่า อาจจะทรงผิดหวังที่เป็นเป็นเพียง "กระดูก" ธรรมดาเหมือนคนทั่วๆ ไป ไม่ใช่พระธาตุที่เป็นแก้วใสเหมือนที่เราๆ ท่านๆ ต่างเข้าใจว่าควรจะเป็นเช่นนั้น) ความจริง...แล้วจากตัวอักษรโบราณที่เขียนบนผอบ (อ่านว่า ผ่ะ-อบ) ก็เขียนบอกไว้ว่าเป็นเถ้าถ่านของพระพุทธเจ้าและพระประยูรญาติของพระองค์ ต่อมา...เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้มีการพิสูจน์กันอีกครั้งก็พบว่าเป็นผอบใส่เถ้าถ่านพระธาตุและเถ้าถ่านของพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้าจริง ซึ่งตอนนี้...ผอบที่บรรจุที่มีจำนวนห้าผอบและเครื่องทอง เพชร นิล จินดาที่ถูกฝังรวมกับผอบนับร้อยชิ้นได้ถูกนำไปแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ประเทศสวิชเซอร์แลนด์ ระหว่างเดือนธันวาคมปีที่แล้วไปจนถึงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
สรุป ทฏษฏีเกี่ยวกับการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุคือ ผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเถ้าถ่านของพระประยูรญาตินี้ถูกฝังเอาไว้พันกว่าปีในยุคพระเจ้าอโศก พระเจ้าอโศกทรงรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุตามหัวเมืองต่างๆ ที่ได้รับแจกจ่ายหลังการถวายพระเพลิง โดยต่อมาพระเจ้าอโศกได้นำมารวบรวมไว้กับพระดูกของพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้าที่ถูก "สังหารหมู่" โดยพระเจ้าวิฑูฑภะ ในบรรดาเครื่องประดับเงิน ทอง เพชร นิล จินดาที่ถูกฝังกับผอบนั้นมี แผ่นทองที่ตีเป็นรูปสิงห์ที่เป็นสัญญลักษณ์ของพระเจ้าอโศก (เหมือน "เสาอโศก" ที่จะมีรูปสิงห์ด้วยทุกเสา) ตามภาพข้างล่าง
ส่วนภาพข้างล่างเป็นผอบและเครื่องประดับที่ค้นพบหลายพันชิ้นที่แสดงโชว์ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ตอนนี้ ปัจจุบันเครื่องประดับเกือบครึ่งหนึ่งยังอยู่ในการครอบครองของคนอังกฤษตระกูลเปเป้ที่เป็นเจ้าของที่ดินที่ผอบฝังอยู่
สำหรับท่านที่ต้องการอ่านเพิ่มเติมรายละเอียดและมุมมองของคนไทยลองเข้าเวปเรือนไทยตามลิงค์นี้ดูนะครับ http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=k8e1cmsto66b13r2km9l90q882&topic=5762.0