ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ รัฐบาลอินเดียได้มีหนังสือทูลเกล้าถวายพระบรมสารีริกธาตุแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีเอกสารว่า พระบรมสารีริกธาตุถูกขุดค้นพบโดยบังเอิญที่ปิประวา ในอุตตระประเทศ ทางตอนเหนือของอินเดีย เมื่อ ๒๔๔๑
ในช่วงเวลานั้น มีความเชื่อที่ว่า พระบรมสารีริกธาตุมักจะกลายสภาพเป็นแก้ว แต่พระบรมสารีริกธาตุที่รัฐบาลอินเดียจะทูลเกล้าถวายกลับเป็นกระดูกเถ้าของมนุษย์ ทำให้มีข้อถกเถียงว่าควรรับหรือไม่ รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าให้มีการสืบสวนและตรวจสอบ พระองค์โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ขณะผนวชเป็นภิกษุเดินไปตรวจสอบหลักฐานถึงสถานที่ค้นพบ มีการประชุมเสนาบดีโดยกราบทูลเชิญสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสเข้าร่วมตรวจสอบ และหลักฐานที่น่าเชื่อได้ว่า กระดูกที่อยู่ในผอบคือ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าจริง คือ ๑. ปิประวาน่าจะเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของกรุงกบิลพัสดุ์ซึ่งเป็นเมืองที่ปกครองโดยวงศ์ศากยะ และสอง มีจารึกอักษรพราหมีอันเป็นอักษรที่ใช้ในอินเดียโบราณโดยพบอักษรพราหมีจารึกบนโบราณวัตถุและโบราณสถานมาแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งอักษรพราหมีที่จารึกบนผอบนั้นยืนยันว่า สิ่งที่อยู่ภายในผอบคือ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าแห่งศากยะ ซึ่งก็คือ พระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาของศาสนาพุทธ
ปัจจุบันพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าประดิษฐานไว้ที่เจดีย์ภูเขาทอง วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร
การแต่งเติมพุทธประวัติให้มีอิทธิปาฏิหารย์มากมาย ให้องค์พระพุทธเจ้าอยู่เหนือกว่ามนุษย์ธรรดา สำหรับเราไม่ได้ทำให้ความเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ของเรามั่นคงได้ เท่ากับการได้รู้ว่า พระพุทธองค์คือ มนุษย์ผู้ซึ่งมีความเพียรและสามารถจะก้าวผ่านสิ่งที่ปุถุชนยึดถือไปได้ ไม่ว่าจะเป็น ยศถาบรรดาศักดิ์ ความสะดวกสบายในชีวิตและสิ่งที่เรียกรวมกันว่ากิเลส และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาที่จะช่วยหนุนนำให้ผู้คนได้ก้าวข้ามความสุขที่เคลือบไปด้วยความทุกข์ และมองเห็นความสุขที่เรียกว่า นิพพานได้
ผอบที่พบที่สถูปในหมู่บ้านปิประวา
อักษรพราหมีบนเสาอโศก
เจดีย์ภูเขาทอง วัดสระเกศ
พระบรมสารีริกธาตุในผอบพบที่ปิประวา (Piprahwa)
ในช่วงเวลานั้น มีความเชื่อที่ว่า พระบรมสารีริกธาตุมักจะกลายสภาพเป็นแก้ว แต่พระบรมสารีริกธาตุที่รัฐบาลอินเดียจะทูลเกล้าถวายกลับเป็นกระดูกเถ้าของมนุษย์ ทำให้มีข้อถกเถียงว่าควรรับหรือไม่ รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าให้มีการสืบสวนและตรวจสอบ พระองค์โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ขณะผนวชเป็นภิกษุเดินไปตรวจสอบหลักฐานถึงสถานที่ค้นพบ มีการประชุมเสนาบดีโดยกราบทูลเชิญสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสเข้าร่วมตรวจสอบ และหลักฐานที่น่าเชื่อได้ว่า กระดูกที่อยู่ในผอบคือ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าจริง คือ ๑. ปิประวาน่าจะเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของกรุงกบิลพัสดุ์ซึ่งเป็นเมืองที่ปกครองโดยวงศ์ศากยะ และสอง มีจารึกอักษรพราหมีอันเป็นอักษรที่ใช้ในอินเดียโบราณโดยพบอักษรพราหมีจารึกบนโบราณวัตถุและโบราณสถานมาแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งอักษรพราหมีที่จารึกบนผอบนั้นยืนยันว่า สิ่งที่อยู่ภายในผอบคือ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าแห่งศากยะ ซึ่งก็คือ พระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาของศาสนาพุทธ
ปัจจุบันพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าประดิษฐานไว้ที่เจดีย์ภูเขาทอง วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร
การแต่งเติมพุทธประวัติให้มีอิทธิปาฏิหารย์มากมาย ให้องค์พระพุทธเจ้าอยู่เหนือกว่ามนุษย์ธรรดา สำหรับเราไม่ได้ทำให้ความเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ของเรามั่นคงได้ เท่ากับการได้รู้ว่า พระพุทธองค์คือ มนุษย์ผู้ซึ่งมีความเพียรและสามารถจะก้าวผ่านสิ่งที่ปุถุชนยึดถือไปได้ ไม่ว่าจะเป็น ยศถาบรรดาศักดิ์ ความสะดวกสบายในชีวิตและสิ่งที่เรียกรวมกันว่ากิเลส และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาที่จะช่วยหนุนนำให้ผู้คนได้ก้าวข้ามความสุขที่เคลือบไปด้วยความทุกข์ และมองเห็นความสุขที่เรียกว่า นิพพานได้