ทฤษฎีปรับโครงสร้างระบบการปกครองของไทย
0.มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสูงสุดของประเทศและศูนยรวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
1.ฝ่ายนิติบัญญัติ(สภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช.)
1)สภาผู้แทนราษฎร
-700 ที่นั่ง
-ใช้ระบบเลือกตั้งแบบMMP(Mixed-Member-Proportional) ร่วมกับระบบเสียงข้างมากแบบเพิ่มที่นั่ง คือ พรรคที่ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง popular vote จากทั้งประเทศ จะได้ที่นั่งอย่างน้อย 350 ที่นั่ง หรือ มากกว่านั้นหากชนะแบบแลนด์สไลด์
-วาระ 2 ปี
2)วุฒิสภา
-154 ที่นั่ง
-มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้ง 77 จังหวัด จังหวัดละ 2 คน
-วาระ 4 ปี
3)ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(ประธานสนช.)
-มาจากการเลือกตั้งโดยตรง(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
-วาระ 4 ปี
-เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
-ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานสนช.คนที่ 1 และ ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานสนช.คนที่ 2
2.ฝ่ายบริหาร
1)นายกรัฐมนตรี
-วาระ 4 ปี
-มาจากการเลือกตั้งโดยตรง(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
-เป็นแค่ประมุขฝ่ายบริหาร
2)คณะรัฐมนตรี
-มาจากการเสนอชื่อโดยนายกรัฐมนตรีและได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
3.ฝ่ายตุลาการ(ศาลฎีกา)
1)ตลุาการสูงสุด 9 ท่าน
-วาระ 9 ปี
-3 ท่านมาจากการที่วุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าไปยังพระมหากษัตริย์เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ(พระมหากษัตริย์จากทรงไม่เห็นชอบด้วยก็ได้)
-3 ท่านมาจากการเสนอชื่อโดยนายกรัฐมนตรีไปวุฒิสภาเพื่อพิจารณาเห็นชอบและเสนอชื่อทูลเกล้าไปยังพระมหากษัตริย์เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ(พระมหากษัตริย์อาจทรงไม่เห็นชอบด้วยและไม่ลงพระปริมาภิไธยก็ได้)
3 ท่านมาจากการเลือกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน โดยห้ามสังกัดพรรคการเมือง(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
2)ตุลาการทั่วไป
-มากกว่า 100 ท่าน
-มาจากการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม
4.ศาลรัฐธรรมนูญ
ตุลาการ 9 ท่าน
-3 ท่าน มาจากการแต่งตั้งโดยวุฒิสภาด้วยเสียงข้างมาก 3/4(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
-3 ท่านมาจากการลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งโดยตรงของพระมหากษัตริย์(โดยใช้พระบรมราชวินิจฉัย)
-3 ท่านมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ห้ามสังกัดพรรคการเมือง(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
วาระ 9 ปี
4.องค์กรอิสระ
คงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), ผู้ตรวจการแผ่นดิน, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)ไว้
แต่ให้มีองค์กรอิสระเพิ่มเติม
-ให้เป็นกลุ่มการรวมตัวของภาคประชาสังคมหรือสมาคมที่คอยคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและความโปร่งใสทางการเงิน
-เพื่อให้เป็นองค์กรอิสระที่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ต้องทำการจดทะเบียนกับศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอการคุ้มครองจากอำนาจที่ถูกใช้โดยมิชอบ
ผมขอลองเสนอทฤษฎีการปรับโครงสร้างการเมืองไทยให้ทุกท่านได้ลองพิจารณาดูครับ ไม่ทราบว่าจะคิดเห็นอย่างไร???
0.มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสูงสุดของประเทศและศูนยรวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
1.ฝ่ายนิติบัญญัติ(สภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช.)
1)สภาผู้แทนราษฎร
-700 ที่นั่ง
-ใช้ระบบเลือกตั้งแบบMMP(Mixed-Member-Proportional) ร่วมกับระบบเสียงข้างมากแบบเพิ่มที่นั่ง คือ พรรคที่ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง popular vote จากทั้งประเทศ จะได้ที่นั่งอย่างน้อย 350 ที่นั่ง หรือ มากกว่านั้นหากชนะแบบแลนด์สไลด์
-วาระ 2 ปี
2)วุฒิสภา
-154 ที่นั่ง
-มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้ง 77 จังหวัด จังหวัดละ 2 คน
-วาระ 4 ปี
3)ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(ประธานสนช.)
-มาจากการเลือกตั้งโดยตรง(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
-วาระ 4 ปี
-เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
-ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานสนช.คนที่ 1 และ ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานสนช.คนที่ 2
2.ฝ่ายบริหาร
1)นายกรัฐมนตรี
-วาระ 4 ปี
-มาจากการเลือกตั้งโดยตรง(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
-เป็นแค่ประมุขฝ่ายบริหาร
2)คณะรัฐมนตรี
-มาจากการเสนอชื่อโดยนายกรัฐมนตรีและได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
3.ฝ่ายตุลาการ(ศาลฎีกา)
1)ตลุาการสูงสุด 9 ท่าน
-วาระ 9 ปี
-3 ท่านมาจากการที่วุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าไปยังพระมหากษัตริย์เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ(พระมหากษัตริย์จากทรงไม่เห็นชอบด้วยก็ได้)
-3 ท่านมาจากการเสนอชื่อโดยนายกรัฐมนตรีไปวุฒิสภาเพื่อพิจารณาเห็นชอบและเสนอชื่อทูลเกล้าไปยังพระมหากษัตริย์เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ(พระมหากษัตริย์อาจทรงไม่เห็นชอบด้วยและไม่ลงพระปริมาภิไธยก็ได้)
3 ท่านมาจากการเลือกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน โดยห้ามสังกัดพรรคการเมือง(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
2)ตุลาการทั่วไป
-มากกว่า 100 ท่าน
-มาจากการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม
4.ศาลรัฐธรรมนูญ
ตุลาการ 9 ท่าน
-3 ท่าน มาจากการแต่งตั้งโดยวุฒิสภาด้วยเสียงข้างมาก 3/4(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
-3 ท่านมาจากการลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งโดยตรงของพระมหากษัตริย์(โดยใช้พระบรมราชวินิจฉัย)
-3 ท่านมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ห้ามสังกัดพรรคการเมือง(พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วย)
วาระ 9 ปี
4.องค์กรอิสระ
คงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), ผู้ตรวจการแผ่นดิน, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)ไว้
แต่ให้มีองค์กรอิสระเพิ่มเติม
-ให้เป็นกลุ่มการรวมตัวของภาคประชาสังคมหรือสมาคมที่คอยคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและความโปร่งใสทางการเงิน
-เพื่อให้เป็นองค์กรอิสระที่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ต้องทำการจดทะเบียนกับศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอการคุ้มครองจากอำนาจที่ถูกใช้โดยมิชอบ