สวัสดีค่ะ ตอนแรกว่าจะเขียนลงใน FB อย่างเดียว แต่มาลงในนี้ด้วยดีกว่า จริงๆกระทู้นี้เขียนเพื่อเตือนความจำตัวเอง และอยากแชร์ประสบการณ์ด้วยค่ะ อีกอย่างเผื่อใครเคยมีอาการแบบเดียวกัน หรือมีคำแนะนำให้จขกท.ได้บ้าง
ไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้ไม่รู้ว่าแท็กถูกไหม อันไหนผิดลบได้เลยค่ะ
ตอนนี้เจ้าของกระทู้อยู่ที่เกาหลีค่ะ ใกล้จะครบ 6ปีเต็ม เดือนหน้านี้แล้ว ช่วงปีใหม่หยุดยาวไปเที่ยวต่างประเทศ พอกลับมาเกาหลี พักได้สองสามวัน แล้วก็กลับไปทำงาน.. ขอเล่าเลยละกันนะคะ
- วันที่ 7 มกราคม
ไปทำงานตามปกติ มีอาการเวียนหัว คลื่นไส้อยากอาเจียน(มักจะมีอาการแบบนี้เป็นช่วงๆ ตั้งแต่ 4-5ปีหลังมานี้) แต่ที่ไม่ปกติ เพราะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว รู้สึกร้อนๆหนาวๆ มีไข้ และชีพจรเต้นเร็ว ที่รู้เพราะใส่ gear fit ซึ่งมันมี feature วัดชีพจรอยู่ นั่งอยู่เฉยๆ แต่ชีพจรเต้นอยู่ที่ 103ครั้ง/นาที(ปกติอยู่ประมาณ 65~86) พอเลิกงานก็ไปหาหมอMed หรือหมออายุรแพทย์.. ถ้าใครเคยมาอยู่เกาหลี หรือเคยหาหมอที่นี่ก็จะรู้ว่า ที่เกาหลีนั้นถ้าไม่ได้เป็นโรงพยาบาลมหาลัยใหญ่ๆเลย ส่วนใหญ่คลีนิคที่นี่จะเป็นคลีนิคเฉพาะทาง ใครเป็นอะไร เกี่ยวกับอะไรก็ไปหาหมอตามอาการค่ะ
พอเจอหมอ เล่าอาการให้ฟัง หมอก็ให้ตรวจหาไวรัสไข้หวัดใหญ่ก่อนเลย เพราะช่วงนี้ระบาด เราเองก็ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันด้วย แต่ผลออกมาว่าไม่ได้เป็นไข้หวัดใหญ่ หมอเลยสั่งยาให้ฉีดยา และให้ใบสั่งยามาทาน อีก 3วัน ให้เข้าไปดูอาการใหม่ วันต่อมาหลังจากกินยาเข้าไปประมาณ 2-3ชั่วโมงก็รู้สึกหนักหัว หนักตา เหมือนเวลาเป็นไมเกรน แล้วก็อาเจียน วันต่อๆมาก็อาเจียนอีกเช่นกัน วันละ 2-3รอบ เลยโทรเข้าไปที่คลีนิค หมอก็ให้เข้าไปเช็คอีกรอบ
- วันที่ 10 มกราคม
เลิกงานตอนเย็นไปหาหมอ หมอบอกว่าน่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาลดน้ำมูกที่ทำให้อาเจียน แต่ว่าตอนนั้นอาการหวัดเราไม่มีแล้ว หมอเลยให้หยุดยาที่ทาน แล้วสั่งจ่ายยาใหม่ เป็นยาดูแลเกี่ยวกับอาการอาเจียนโดยเฉพาะ ให้ทาน 3วัน(ถึงวันที่ 13).. ช่วงที่ทานยานั้นไม่อาเจียนเลย แต่มีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน นอนไม่หลับ และมีอาการท้องผูก
- วันที่ 15 มกราคม
เริ่มมีอาการไมเกรน เวียนหัว และอาเจียนออกมาอีก และมีอาการแบบนี้ทุกวัน อาเจียนวันละ 2-4รอบ จนวันที่ 18 มกราคม ทนไม่ไหวลางานครึ่งวันไปหาหมอ คราวนี้เปลี่ยนไปโรงพยาบาลเฉพาะทางวิทยาทางเดินอาหาร (Gastroenterology) พอเล่าอาการให้หมอฟัง หมอถามก่อนเลยว่ามีแนวโน้มจะตั้งครรภ์ไหม เราก็บอกว่าไม่ เพราะประจำเดือนเพิ่งหมดไป ช่วงที่ไม่สบาย ประมาณ 2-3วันแรก แต่หมอก็บอกว่าเพื่อความชัวร์เลยให้ลองตรวจดู ผลออกมาว่าไม่ท้อง หมอเลยบอกว่าอาจจะเกี่ยวกับน้ำในหู พอไม่สบายทำให้เสียสมดุลเลยเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมา ให้เราดื่มน้ำ พักผ่อนเยอะๆ เลี่ยงการเดินทางด้วยรถเมล์ หรือแท็กซี่ เพราะอาจทำให้เมารถง่าย และอาการหนักขึ้น พร้อมทั้งให้ยาทางสายน้ำเกลือ และสั่งยาให้ทานเป็นยารักษาอาการอาเจียน รักษากระเพาะ(เพราะอาเจียนบ่อย) แก้เวียนหัว ให้มาทาน 5วัน คราวนี้น่าจะดีขึ้นแน่นอน แต่ถ้ายังไม่หายอีกจริงๆอาจจำเป็นต้องส่องกล้องเพื่อหาสาเหตุ.. หลังจากที่ได้ทานยารู้สึกว่าอาการดีขึ้นมาก ไม่เวียนหัว ไม่อาเจียนเลย
- วันที่ 21 มกราคม
ช่วงกลางวันรู้สึกคัดตึงเต้านม เหมือนช่วงใกล้จะมีประจำเดือน ตอนเตรียมตัว ปิดไฟนอนอยู่ๆก็รู้สึกว่าเสื้อบริเวณหน้าอกเปียกนิดๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรคิดว่าน่าจะเพราะล้างจานมา น้ำกระเด็น อีกอย่างปิดไฟแล้วขี้เกียจลุกเปลี่ยนเสื้อ ก็เข้านอนตามปกติ พอประมาณตี 3กว่าก็ตกใจตื่นขึ้นมา เพราะรู้สึกว่าเต้านมทั้งสองข้างแสบร้อนเหมือนโดนไฟลวก และปวดมากๆ อาการอยู่ประมาณ 15วินาที แต่รู้สึกว่านานมาก รีบโทรศัพท์หาเพื่อน(โชคดีที่นางทำงานกะกลางคืนพอดี) นางก็บอกว่าถ้ายังเป็นอยู่ให้รีบไปแผนกฉุกเฉินเลย ไอ้เราก็สองจิตสองใจจะไปดีไหม เพราะถ้าไปนี่คือเตรียมกระเป๋าฉีกได้เลย ช่วงที่กำลังนั่งคิดก็ลองหาในกูเกิ้ลดู ก็เจอบทความหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับอาการเจ็บเต้านมเอาไว้ ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น มีก้อนไตแข็ง, มีน้ำหรือเลือดไหลออกมาจากหัวนม ให้รีบไปพบแพทย์.. พอเราลองจับและบีบเบาๆที่หัวนมดู ปรากฏว่ามีน้ำใสๆไหลออกมา ก็เลยนึกได้ว่าตอนหัวค่ำน่าจะเป็นน้ำจากเต้านมซึมออกมาแน่ๆ ตอนนั้นกังวลมากว่าเป็นอะไร แต่ด้วยความงกไม่อยากเสียเงินก็เลยรอ วันรุ่งขึ้นค่อยไปหาหมอ
- วันที่ 22 มกราคม
ลางานช่วงบ่ายไปหาหมอเต้านม หมอซักประวัติ และก็บอกว่าน่าจะเป็นเพราะผลข้างเคียงของยาที่ทานอยู่(อีกแล้ว)ทำให้บวมน้ำ มีน้ำมาคั่งบริเวณเต้านม พอหมอตรวจและอัลตราซาวนด์เต้านม ก็เห็นว่ามีน้ำมาคั่งอยู่จริงๆ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรเลย หมอบอกว่าถ้าหยุดยาที่ทานอยู่ประมาณ 2-3สัปดาห์ หน้าอกจะกลับมาเป็นปกติ และแนะนำให้เราตรวจเกี่ยวกับระบบประสาท ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ และหาสาเหตุที่ปวดหัว เวียนหัวอาเจียนอยู่แบบนี้
เราหยุดยาตั้งแต่มื้อเย็นวันนี้ เพราะเห็นว่าดีขึ้นมากแล้ว และไม่มีอาการอะไร
- ล่าสุดวันนี้ (23 มกราคม)
ไปทำงานตามปกติเหมือนเดิม อยู่ๆก็กลับมามีอาการปวดไมเกรน และอาเจียนตั้งแต่หลังทานมื้อเช้า จนถึงตอนนี้ที่เขียนอยู่.. อาเจียนไป 5รอบแล้ว แต่ไม่กล้าทานยาอะไรอีก ทานพวกเกลือแร่ทดแทน กลัวร่างกายจะช็อก ส่วนเต้านมพอหยุดยา อาการปวดเริ่มทุเลาลง ยังมีน้ำซึมออกมาบ้าง แต่ไม่เยอะมาก
ตอนนี้ออพชั่นที่มีคือไปหาหมอ ENT ตรวจให้แน่ใจว่ามีปัญหาเกี่ยวกับน้ำในหูหรือไม่ ถ้าใช่ก็จะได้ทำการรักษาต่อไป แต่ถ้าไม่ใช่จะได้ให้หมอเขียนใบส่งตัว เพื่อที่จะได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่เพื่อหาสาเหตุต่อไปได้.. จริงๆตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าควรทำไงดี ป่วยจนงงไปหมด เห้อออออ
*edit แก้คำผิด
[แชร์ประสบการณ์] มหากาพย์อาการป่วย ที่ตอนนี้ยังไม่หาย และยังหาสาเหตุไม่เจอ
ไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้ไม่รู้ว่าแท็กถูกไหม อันไหนผิดลบได้เลยค่ะ
ตอนนี้เจ้าของกระทู้อยู่ที่เกาหลีค่ะ ใกล้จะครบ 6ปีเต็ม เดือนหน้านี้แล้ว ช่วงปีใหม่หยุดยาวไปเที่ยวต่างประเทศ พอกลับมาเกาหลี พักได้สองสามวัน แล้วก็กลับไปทำงาน.. ขอเล่าเลยละกันนะคะ
- วันที่ 7 มกราคม
ไปทำงานตามปกติ มีอาการเวียนหัว คลื่นไส้อยากอาเจียน(มักจะมีอาการแบบนี้เป็นช่วงๆ ตั้งแต่ 4-5ปีหลังมานี้) แต่ที่ไม่ปกติ เพราะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว รู้สึกร้อนๆหนาวๆ มีไข้ และชีพจรเต้นเร็ว ที่รู้เพราะใส่ gear fit ซึ่งมันมี feature วัดชีพจรอยู่ นั่งอยู่เฉยๆ แต่ชีพจรเต้นอยู่ที่ 103ครั้ง/นาที(ปกติอยู่ประมาณ 65~86) พอเลิกงานก็ไปหาหมอMed หรือหมออายุรแพทย์.. ถ้าใครเคยมาอยู่เกาหลี หรือเคยหาหมอที่นี่ก็จะรู้ว่า ที่เกาหลีนั้นถ้าไม่ได้เป็นโรงพยาบาลมหาลัยใหญ่ๆเลย ส่วนใหญ่คลีนิคที่นี่จะเป็นคลีนิคเฉพาะทาง ใครเป็นอะไร เกี่ยวกับอะไรก็ไปหาหมอตามอาการค่ะ
พอเจอหมอ เล่าอาการให้ฟัง หมอก็ให้ตรวจหาไวรัสไข้หวัดใหญ่ก่อนเลย เพราะช่วงนี้ระบาด เราเองก็ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันด้วย แต่ผลออกมาว่าไม่ได้เป็นไข้หวัดใหญ่ หมอเลยสั่งยาให้ฉีดยา และให้ใบสั่งยามาทาน อีก 3วัน ให้เข้าไปดูอาการใหม่ วันต่อมาหลังจากกินยาเข้าไปประมาณ 2-3ชั่วโมงก็รู้สึกหนักหัว หนักตา เหมือนเวลาเป็นไมเกรน แล้วก็อาเจียน วันต่อๆมาก็อาเจียนอีกเช่นกัน วันละ 2-3รอบ เลยโทรเข้าไปที่คลีนิค หมอก็ให้เข้าไปเช็คอีกรอบ
- วันที่ 10 มกราคม
เลิกงานตอนเย็นไปหาหมอ หมอบอกว่าน่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาลดน้ำมูกที่ทำให้อาเจียน แต่ว่าตอนนั้นอาการหวัดเราไม่มีแล้ว หมอเลยให้หยุดยาที่ทาน แล้วสั่งจ่ายยาใหม่ เป็นยาดูแลเกี่ยวกับอาการอาเจียนโดยเฉพาะ ให้ทาน 3วัน(ถึงวันที่ 13).. ช่วงที่ทานยานั้นไม่อาเจียนเลย แต่มีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน นอนไม่หลับ และมีอาการท้องผูก
- วันที่ 15 มกราคม
เริ่มมีอาการไมเกรน เวียนหัว และอาเจียนออกมาอีก และมีอาการแบบนี้ทุกวัน อาเจียนวันละ 2-4รอบ จนวันที่ 18 มกราคม ทนไม่ไหวลางานครึ่งวันไปหาหมอ คราวนี้เปลี่ยนไปโรงพยาบาลเฉพาะทางวิทยาทางเดินอาหาร (Gastroenterology) พอเล่าอาการให้หมอฟัง หมอถามก่อนเลยว่ามีแนวโน้มจะตั้งครรภ์ไหม เราก็บอกว่าไม่ เพราะประจำเดือนเพิ่งหมดไป ช่วงที่ไม่สบาย ประมาณ 2-3วันแรก แต่หมอก็บอกว่าเพื่อความชัวร์เลยให้ลองตรวจดู ผลออกมาว่าไม่ท้อง หมอเลยบอกว่าอาจจะเกี่ยวกับน้ำในหู พอไม่สบายทำให้เสียสมดุลเลยเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมา ให้เราดื่มน้ำ พักผ่อนเยอะๆ เลี่ยงการเดินทางด้วยรถเมล์ หรือแท็กซี่ เพราะอาจทำให้เมารถง่าย และอาการหนักขึ้น พร้อมทั้งให้ยาทางสายน้ำเกลือ และสั่งยาให้ทานเป็นยารักษาอาการอาเจียน รักษากระเพาะ(เพราะอาเจียนบ่อย) แก้เวียนหัว ให้มาทาน 5วัน คราวนี้น่าจะดีขึ้นแน่นอน แต่ถ้ายังไม่หายอีกจริงๆอาจจำเป็นต้องส่องกล้องเพื่อหาสาเหตุ.. หลังจากที่ได้ทานยารู้สึกว่าอาการดีขึ้นมาก ไม่เวียนหัว ไม่อาเจียนเลย
- วันที่ 21 มกราคม
ช่วงกลางวันรู้สึกคัดตึงเต้านม เหมือนช่วงใกล้จะมีประจำเดือน ตอนเตรียมตัว ปิดไฟนอนอยู่ๆก็รู้สึกว่าเสื้อบริเวณหน้าอกเปียกนิดๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรคิดว่าน่าจะเพราะล้างจานมา น้ำกระเด็น อีกอย่างปิดไฟแล้วขี้เกียจลุกเปลี่ยนเสื้อ ก็เข้านอนตามปกติ พอประมาณตี 3กว่าก็ตกใจตื่นขึ้นมา เพราะรู้สึกว่าเต้านมทั้งสองข้างแสบร้อนเหมือนโดนไฟลวก และปวดมากๆ อาการอยู่ประมาณ 15วินาที แต่รู้สึกว่านานมาก รีบโทรศัพท์หาเพื่อน(โชคดีที่นางทำงานกะกลางคืนพอดี) นางก็บอกว่าถ้ายังเป็นอยู่ให้รีบไปแผนกฉุกเฉินเลย ไอ้เราก็สองจิตสองใจจะไปดีไหม เพราะถ้าไปนี่คือเตรียมกระเป๋าฉีกได้เลย ช่วงที่กำลังนั่งคิดก็ลองหาในกูเกิ้ลดู ก็เจอบทความหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับอาการเจ็บเต้านมเอาไว้ ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น มีก้อนไตแข็ง, มีน้ำหรือเลือดไหลออกมาจากหัวนม ให้รีบไปพบแพทย์.. พอเราลองจับและบีบเบาๆที่หัวนมดู ปรากฏว่ามีน้ำใสๆไหลออกมา ก็เลยนึกได้ว่าตอนหัวค่ำน่าจะเป็นน้ำจากเต้านมซึมออกมาแน่ๆ ตอนนั้นกังวลมากว่าเป็นอะไร แต่ด้วยความงกไม่อยากเสียเงินก็เลยรอ วันรุ่งขึ้นค่อยไปหาหมอ
- วันที่ 22 มกราคม
ลางานช่วงบ่ายไปหาหมอเต้านม หมอซักประวัติ และก็บอกว่าน่าจะเป็นเพราะผลข้างเคียงของยาที่ทานอยู่(อีกแล้ว)ทำให้บวมน้ำ มีน้ำมาคั่งบริเวณเต้านม พอหมอตรวจและอัลตราซาวนด์เต้านม ก็เห็นว่ามีน้ำมาคั่งอยู่จริงๆ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรเลย หมอบอกว่าถ้าหยุดยาที่ทานอยู่ประมาณ 2-3สัปดาห์ หน้าอกจะกลับมาเป็นปกติ และแนะนำให้เราตรวจเกี่ยวกับระบบประสาท ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ และหาสาเหตุที่ปวดหัว เวียนหัวอาเจียนอยู่แบบนี้
เราหยุดยาตั้งแต่มื้อเย็นวันนี้ เพราะเห็นว่าดีขึ้นมากแล้ว และไม่มีอาการอะไร
- ล่าสุดวันนี้ (23 มกราคม)
ไปทำงานตามปกติเหมือนเดิม อยู่ๆก็กลับมามีอาการปวดไมเกรน และอาเจียนตั้งแต่หลังทานมื้อเช้า จนถึงตอนนี้ที่เขียนอยู่.. อาเจียนไป 5รอบแล้ว แต่ไม่กล้าทานยาอะไรอีก ทานพวกเกลือแร่ทดแทน กลัวร่างกายจะช็อก ส่วนเต้านมพอหยุดยา อาการปวดเริ่มทุเลาลง ยังมีน้ำซึมออกมาบ้าง แต่ไม่เยอะมาก
ตอนนี้ออพชั่นที่มีคือไปหาหมอ ENT ตรวจให้แน่ใจว่ามีปัญหาเกี่ยวกับน้ำในหูหรือไม่ ถ้าใช่ก็จะได้ทำการรักษาต่อไป แต่ถ้าไม่ใช่จะได้ให้หมอเขียนใบส่งตัว เพื่อที่จะได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่เพื่อหาสาเหตุต่อไปได้.. จริงๆตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าควรทำไงดี ป่วยจนงงไปหมด เห้อออออ
*edit แก้คำผิด