ขอที่บ้านเรียนป.ตรีเมืองนอกด้านกฎหมาย แต่ที่บ้านจะให้เรียนนอกถ้าเรียนครูเท่านั้น ช่วยด้วยค่ะ เครียดมาก

ขอลบเนื้อหาทั้งหมดนะคะ
ตอนนี้คุยกับที่บ้านเคลียร์เรียบร้อยแล้ว เข้าใจกันดี
ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาตอบนะคะ 
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ยาวหน่อยนะ แต่ก็ขอให้อ่านให้จบ อยากเรียนกฎหมาย คิดว่าน้องคงรู้ว่าการอ่านเยอะๆเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่แล้ว

เรามี point ให้ไปลองคิดดูนะ เราเรียนนิติ ตรีนอก โทนอก เอาจากประสบการณ์เลยนะ ที่เจอความจริงตีแสกหน้าตอนกลับไทยมา

ข้อดีของการเรียนนอกคือ จบมาภาษาโลดแล่น 555555 ได้กระบวนการความคิด ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้กฎหมายต่างประเทศมา ซึ่งในบางเรื่อง มันก็เป็นสิ่งที่ไทยไปเอาหลักการณ์มาเหมือนกัน หรือในบางวิชา ก็ได้เรียนอะไรที่มันหลากหลายกว่า เรียน approach ที่หลากหลายกว่า ได้เรียนเกี่ยวกับหลายๆประเทศ

เรียน

ถ้าเรียนที่อังกฤษ ไม่ต้องมีปริญญาตรีใบแรก แต่ มหาวิทยาลัยที่นู่นไม่รับวุฒิ ม.6 ของไทย ต้องไปเรียน a-level หรือ ib 2 ปี หรือเรียน foundation 1 ปี แล้วค่อยต่อตรีได้

ถ้าเรียนที่ออส บางที่จะให้เรียนนิติได้เลย สี่ปี บางที่จะให้เรียนนิติควบคู่ไปกับคณะอื่น เรียน 6 ปี จบมาได้ปริญญาตรี 2 ใบ บางที่จะให้เรียนตรีใบแรกมาก่อน แล้วค่อยต่อนิติอีก 3 ปี

ถ้าเรียนที่อเมริกา เค้าต้องการตรีใบแรกก่อนแล้วค่อยเข้านิติได้

ค่าเทอมเรียนนิติ ถ้าให้เราจัดอันดับจากถูกไปแพงนะ คือ อังกฤษ -> ออส -> อเมริกา

เรื่องเรียน บอกตามตรงเลยนะ ielts 7 มามันก็ยังรู้สึกว่าไม่พออ่ะ คือมันพอไปได้ แต่มันยังมี struggle ยังโดนคอมเม้นต์เรื่องภาษา เรื่องการเรียบเรียงอยู่เสมอๆ แต่รอดมามั้ย ถ้าพยายามมันก็รอดอ่ะ แต่ก็หนัก (หนักมากกกกก) เพราะเค้าไม่สนอยู่แล้วว่านี่ภาษาแรก ภาษาที่สอง หรือ สามของคุณ คุณเข้ามาได้ standard ของคุณก็คือ standard ที่เท่าๆกะคนอื่น ซึ่งก็คือพวกที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก

จบมาแล้วไง

น้องต้องเข้าใจว่าวิชาชีพของกฎหมายมันเป็นวิชาชีพที่ปิด ปิดในเชิงที่ว่า คุณไปประเทศไหน คุณก็ต้องไปผ่าน bar ที่นู่น ไม่งั้นคุณก็ทำงานกฎหมายที่นู่นไม่ได้ ไม่งั้น คุณก็ทำได้แต่งาน paralegal เท่านั้น ทำงานให้คำปรึกษาไม่ได้ นอกจากกลับมาไทย กลับมาไทยก็มีหลายทางเลือก หลายแบบ ซึ่งก็อาจจะต้องไปสอบอะไรต่างๆ เช่น ตั๋วทนาย หรือ เน

การฝึกงานช่วงซัมเมอร์ ถ้าเป็นที่ออสจะหายากหน่อย เพราะเค้าชอบมี requirement ว่าต้องเป็น citizen หรือ permanent resident ของเค้าเท่านั้น การฝึกงานด้วยวีซ่านักเรียนจึงเป็นเรื่องยาก หาก็ว่ายากแล้ว แล้วลองคิดดูว่าคนที่มาเรียนกฎหมายด้วยวีซ่านักเรียนมีกี่คน แล้วที่ๆยอมรับเด็กฝึกงานที่มีวีซ่านักเรียนมีซักกี่ที่ แล้วแต่ละที่นั้น รับกี่คน

ถ้าเลือกจะทำงานต่างประเทศเลย จบนิติมา เราก็ต้องต่อ LPC หรือ ที่ออสเรียก PLT แล้วก็ฝึกงานอีก แล้วคุณถึงจะเป็น solicitor ที่สามารถทำงานกฎหมายได้ ถ้าคุณไม่ผ่าน คุณก็ทำงานกฎหมายไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะทำงาน in house หรือ เฟิร์ม ความยากคือการหา training contract เพื่อฝึกงานหลังจากเราเรียน LPC หรือ PLT แล้ว เพราะการแข่งขันมันสูง ให้ลองคิดดูว่ามีกี่มหาวิทยาลัยที่เปิดรับเด็กไปเรียนกฎหมาย เข้าไปปีละกี่คน แต่จะมีซักกี่เฟิร์ม หรือ สถานที่ราชการ ที่เปิดรับเด็กไปฝึกงาน แล้วรับเด็กที่ละซักเท่าไหร่ ไม่ได้หมายความว่ามัน impossible นะ แต่แค่มันยากเท่านั้น เราต้องเด่น ต้องเก่งจริงไง

ถ้ากลับมาไทย ถ้าอยากทำเฟิร์ม ปัญหาที่จะเจอเลยคือ เราไม่รู้กฎหมายไทยเลย เค้าก็จะบอกว่าอย่างนี้จ้างทนายฝรั่งเลยไม่ดีกว่าหรอ ภาษาก็ดีกว่า ราคาก็คงพอๆกัน อีกอย่างคือ connection นะ จะเข้าเฟิร์มได้ ถ้ามี connection มันจะทำให้เข้าง่ายขึ้น เพราะก็จะมีคนรู้ว่าเราไปยื่นใบสมัคร เราจบ ตรีนอกมา หมายความว่า เราไม่มี connection อะไรในไทยเลยนะ บางทีเค้าประกาศกันในวงใน เราก็จะไม่รู้ เค้าก็จะดึงๆพวกรุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อนร่วมรุ่น ร่วมมหาวิทยาลัยกันเข้าไปเนี่ยล่ะ มันก็จะยากหน่อย

ถ้าอยากเข้าราชการบางที่ ถ้าอยากเป็นอัยการ เป็นผู้พิพากษา เขาก็อยากให้เราผ่านเน ซึ่งมันก็คือกฎหมายไทยดีๆนี่เอง ก็ต้องอ่านเอง นั่นหมายความว่าเราต้องเรียนกฎหมายไทยด้วยตัวเองตั้งแต่ต้น แล้วก็ต้องสมัครเรียนเน

มันจะง่ายกว่าถ้าเข้าไปทาง in house ทำงานในบริษัท แต่เราอยากทำแบบนั้นรึเปล่า

เรียนโทนอกมาเลย มันก็ดีเพราะได้ต่อยอด ได้รู้ลึก สนุก แต่มันไม่ได้ช่วยให้เราทำงานกฎหมายเมืองนอกได้ หรือ หางานในเมืองไทยง่ายขึ้นเลย ความเสี่ยงอยู่ที่ เค้าจะหาว่าเรา over qualified มาด้วยรึเปล่า เรียนมาสูง กลัวว่าจะเปลี่ยนงานง่าย เค้าเลยไม่กล้ารับรัยงี้

คห.ส่วนตัวนะ

น้องคิดรึยัง จบมาแล้วจะทำอะไร อยากทำอะไร สิ่งที่น้องอยากเป็นอาจจะมี requirement ที่ไม่เหมือนกันในการเข้าไปทางนั้น ซึ่งการไปเรียนเมืองนอก มันก็เป็นสิ่งที่สามารถทำให้ทางน้องกว้างขึ้น หรือ แคบลงถนัดตาเลย น้องคิดรึยังก่อนที่จะมาบอกว่า ถ้าให้เรียนไทย ไม่เอาเด็ดขาดเนี่ย

น้องได้ที่ไทย แต่จะสละสิทธิ์ ไม่สอบเลย มันปิดกั้นทางเลือกน้องเกินไปนะ เราว่า ถ้าอะไรที่มันยังไม่แน่นอนอ่ะ ถ้าน้องไปปิดกั้นมัน ยึดอยู่ที่อะไรเกินไป ระวังจะไม่มี back up plan ไว้ให้ตัวเอง แล้วอะไรที่ดีๆก็จะไม่ได้เลยนะ

บอกที่บ้านไว้ว่าไม่กลับไทย คือว่า การไปเรียนเมืองนอก มันเปิดโอกาสให้คุณทำงานเมืองนอกก็จริง แต่มันไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ไป จะหางานได้ที่นู่น น้องอาจจะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้ทำงานเมืองนอก แต่น้องก็อาจจะเป็นเปอร์เซนต์ที่หางานที่นู่นไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใดๆ อาจจะเป็นที่การแข่งขันสูง สู้ไม่ได้ หรือเพียงเพราะว่า การทำ work permit ให้ชาวต่างชาติมันยุ่งยาก เค้าเลยชอบจ้างคนของเค้า หรือคนที่มี permanent resident มากกว่า น้องได้คิดมั้ยว่า อ่าว ถ้าทำงานที่นู่นไม่ได้ แล้วไงต่อ มี back up plan อะไรรึเปล่า ไม่ใช่ได้แต่พูดว่าไปเรียนเมืองนอกแล้ว ไม่กลับไทยแล้วนะคะ

การเรียนที่เราไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ มันทรมาณ อันนี้เราไม่รู้ว่ามันจริงไม่จริง เพราะเราเลือกเรียนในสิ่งที่พ่อแม่ให้เรียน เราก็ไม่ได้คิดว่ามันทรมาณอะไร เราหาอะไรที่เราชอบ ที่เราสนใจในนั้นได้ แล้วน้องถามตัวเองรึยัง ทำไมน้องคิดว่าน้องชอบกฎหมาย รักกฎหมาย ถึงขนาดว่า ถ้าได้เรียนแล้วจะมีความสุขมากกว่าเรียนอย่างอื่น น้องได้ลองอ่านหนังสือกฎหมายหลายๆเล่มดูรึยัง ได้ลองเข้าไปดูมั้ยว่างานกฎหมายที่น้องคิดว่าน้องชอบเนี่ยเป็นยังไง แล้วครุล่ะ ทำไมเราถึงไม่ชอบ แล้วสายอื่นๆล่ะ มีอะไรที่เราชอบ ไม่ชอบมั้ย อย่ามีอคติเพียงแค่เราคิดว่าเค้าบังคับ ลองคิดดูจริงๆ ลองหาอะไรทำเพื่อจะได้ให้เราชัวร์จริงๆว่าเราชอบ/ไม่ชอบ การเรียนจริงๆ มันต่างกะที่เราเห็นนะ แล้วการทำงานเนี่ย มันยิ่งต่างจากที่เราเรียนมาอีกมาก เรารู้ได้ไงว่าเราชอบงานนี้ แล้วจะสามารถทำมันไปตลอดชีวิต

เราก็เคยคิดนะ ทำไมต้องเรียนกฎหมาย ทำไมต้องอยากให้ลงวิชาอะไรที่มันเป็นพวกพาณิชย์เยอะๆ ตีโพยตีพาย โวยวายไปเรื่อยอ่ะ แต่สุดท้าย วิชาที่เราสนใจแล้วลงเรียนเยอะๆ มันก็พาณิชย์นั่นแหละ ถ้าเราไม่มองวิชานั้นด้วยอคติแล้วลองเข้าไปจริงๆแบบ open mind ใครจะไปรู้ เราอาจจะสนใจมันก็ได้

การทำงาน มันก็มีสุข มีทุกข์ในนั้นอ่ะ เพียงแค่ว่า ถ้าเราเจอทุกข์ในงาน เราก็สามารถบอกตัวเองได้ว่า เราเป็นคนเลือกเอง แล้วก็สู้กับมันต่อไป ในขณะที่ถ้าเราไม่ได้เลือกเอง เราก็มีอะไรให้โบ้ย ให้ตีโพยตีพายเอาว่า เราไม่ชอบ ทำไมเราต้องมาเรียนเพื่อคนอื่น

ทุกอย่างที่เราเขียนไปคือความเสี่ยงที่น้องควรคิดก่อนทำอะไรลงไปแบบหักดิบ สิ่งที่น้องคิดมันก็ดี แต่มันเป็นไปในทางที่ถ้าทุกอย่างเป็นไปถามแผนไง แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น เราไม่ได้จะบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยนะ แต่แค่การแข่งขันมันสูง มันบางคนที่ได้ บางคนที่ไม่ได้ ถ้าน้องได้ มันก็อาจจะเป็นไปตามสิ่งที่น้องคิด แต่ถ้าน้องไม่ได้ล่ะ น้องได้เตรียมอะไรไว้เผื่อรึยัง

ฝากให้น้องไปคิดเยอะๆนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่