ประมาณ 4 ปีก่อนผมเคยทำรีวิว Ricoh GR ไว้สองครั้งล่ะ
Review: Ricoh GR กล้อง snap พันธุ์แท้ https://pantip.com/topic/31671293
รีวิว Ricoh GW-3 wide converter https://pantip.com/topic/31904337
สมัยที่ที่ออกวางขายเมื่อ 4-5 ปีก่อนก็ชนกับ Nikon Coolpix A หรือ Fujifilm X-70 มาแล้ว มาถึงในยุคนี้ก็ยังถูกจับเปรียบเทียบกับ Fujifilm XF10 อีก (
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10218456844601061&type=1&l=6077090a3c ) นอกจากนั้น Ricoh GR III ก็กำลังจะออกขายในไม่กี่วัน
แล้วปี 2019 นี้ Ricoh GR เวอร์ชั่น 1 ก็ยังคงเป็นกล้องที่ดีน่าใช้อยู่หรือไม่?
Ricoh GR เป็นกล้องคอมแพ็กต์เซ็นเซอร์ใหญ่ ใช้เซ็นเซอร์ขนาด APS-C ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลไม่มี AA Filter ให้ภาพที่ดี ใสแจ่ม ไล่โทนสวย ใช้ความไวแสงได้สูง น้อยส์ต่ำ ไดนามิคเรนจ์ดี แม้จะเทียบกับกล้องรุ่นล่าสุดปี 2018 ก็ตาม
จำนวนพิกเซล 16 ล้านพิกเซลน้อยกว่ามาตรฐาน 24 ล้านพิกเซลของยุคนี้ แต่ก็ยังเหลือเฟือในการใช้งานปกติของคนทั่วไป
ผมเคยตื่นเต้นกับภาพที่ได้ในตอนมันออกใหม่ๆ และตอนนี้ก็ยังคงชื่นชมภาพจากไฟล์ของมันในวันนี้อยู่ ไฟล์จากเซ็นเซอร์ตัวนี้ยังเกาะกลุ่มกับกล้องใหม่ปีนี้ได้อยู่เลย
ใช้เลนส์ 18.3mm f/2.8 (มุมรับภาพเทียบเท่า 28 มมบนฟอร์แมท 135) ให้ภาพที่คมกริบขอบจรดขอบ ดีเทลดี สีแจ่ม คอนทราสดี ความคลาดต่ำ ให้ภาพดีตั้งแต่เปิดช่องรับแสงกว้างสุด f/2.8 และพีคที่ f/4.0 โดยไม่มีความจำเป็นอะไรต้องหรี่ช่องรับแสงไปมากกว่านั้นเพื่อเรียกคุณภาพ นอกจากจะไปที่ f/5.6 บางทีเพื่อเพิ่มความชัดลึกเท่านั้น
คาแร็คเตอร์ฉากหลังละลายเบลอฟุ้งนุ่มนวล ไม่หมุนไม่วุ่นวาย ออกแนวซอฟท์ๆ ขอบเขตวัตถุกลืนเข้าหากันแบบเนียนๆ ไม่เป็นเส้นหรือขอบเขต ไฮไลท์ไม่มีขอบคมคล้ายๆ คาแร็คเตอร์โบเก้ของเลนส์ Zeiss
(วงแหวนรอบเลนส์สีต่างๆ มีให้เลือกซื้อ ปี 2018 ถ้าใครซื้อที่งานโฟโต้แฟร์จะได้แถมวงแหวนสีทอง ในช่วงปีก่อนๆ ก็เป็นวงแหวนสีเขียวกับสีแดง ซื้อสายคล้องข้อมือเส้นเล็กๆ อีกสักเส้นก็ดีนะ)
RAW ของกล้องเป็นนามสกุล .dng ไม่มีปัญหาในการเอาไปเปิดกับโปรแกรมแต่งภาพหรือแปลงไฟล์ภาพต่างๆ ไฟล์เอาไปดึงได้เยอะพอสมควรไม่อึดอัดในการใช้งาน
แต่
jpeg สีสวยนุ่มหวานพออยู่แล้วนะ ไม่ต้องเอา raw มาปรับก็ได้ ไฟล์สีสวยนุ่มๆ ไล่โทนสีกว้างๆ จะไม่เข้มจัดดุเดือดมากเท่าเพื่อนร่วมค่ายอย่าง PENTAX ถ้าอยากได้เข้มๆ ต้องปรับเพิ่มหน่อย
ไฟล์
ขาวดำสวยระดับแนวหน้า ปรับน้ำหนักโทนขาวดำมาดีไม่ต้องทำอะไรเพิ่มไม่ว่าจะขาวดำปกติ หรือขาวดำไฮคอนทราสที่ให้โทนขาวจัดดำจัดแบบ chalk & charcoal และขึ้นเกรน คาแร็คเตอร์คล้ายๆ Kodak Tri-X ที่ push ขึ้นสัก 1-2 สต็อป
เข้าถึงการปรับโหมดสีด้วยปุ่ม Effect อยู่ข้างบอดี้ ซึ่งสามารถตั้งค่าเป็นอย่างอื่นได้ และถ้ากดค้างไว้ก็จะทำหน้าที่เป็นปุ่มเช็คชัดลึก (ใน GR II ปุ่มนี้จะเป็นปุ่ม Wi-Fi)
ข้อควรระวังคือเวลาตั้งสัดส่วนภาพ 4:3 หรือ 1:1 มันจะไม่ได้เป็นการถ่าย RAW เต็มเซ็นเซอร์แล้วครอปภาพลงเป็น JPEG แบบกล้องยุคนี้
แต่มันครอปจากเซ็นเซอร์ตั้งแต่ตอนบันทึก RAW เลย ดังนั้นเลือกแล้วเลือกเลย เปลี่ยนใจไม่ได้นะครับ ถ่าย 3:2 แล้วไปครอปเอาทีหลังดีกว่านะผมว่า
การโฟกัสค่อนข้างช้าตามยุคสมัยของกล้องคอมแพ็กต์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ระบบโฟกัสมีให้เลือกและปรับตั้งมากมายเพื่อชดเชยข้อด้อยต่างๆ ให้ แต่ก็ต้องอาศัยความรู้ทางการใช้กล้องของผู้ถ่ายสักหน่อย ไม่ใช่กล้องแบบกดได้เลยแบบไม่ต้องคิดมากเหมือนกล้องปีนี้
วิธีการโฟกัสที่เหมาะกับกล้องนี้คือ MF ปรับโฟกัสโดยกดปุ่มแมคโครค้างไว้แล้วหมุนไดอัล ถ้าจะออโต้ใช้ปุ่มกับคานโยก AEL/AFL ทำหน้าที่เป็นปุ่ม S-AF ON หรือเลื่อนลงล่างเป็น C-AF ON
หรือถ้าใครขี้เกียจก็ใช้ Multi AF ก็ได้แล้วตั้งปุ่ม Fn เป็นปุ่มสลับ AF - MF แทนก็ได้
เวลาถ่ายอะไรในระยะไม่ไกลนักเรามีโอกาสได้ใช้แมนนวลโฟกัสไม่น้อยเลย แต่ก็มีระบบแมนนวลโฟกัสที่ดีใช้งานง่าย มีเครื่องช่วยเล็งแบบ peaking กับ Hi-Pass filter ที่กลางภาพ และซูมเฉพาะจุดโฟกัสซ้อนบนภาพเต็มได้หากต้องการปรับละเอียด
ดีไซน์ชุดเลนส์เป็นแบบกล้องคอมแพ็คยุค 5-10 ปีก่อนคือแยกโหมด macro ไว้ต่างหาก ต้องกดปุ่มเข้าโหมดมาโครเพื่อให้กล้องขยับชุดเลนส์ภายในกระบอกเลนส์ชุดหนึ่งก่อน ถึงจะเริ่มโฟกัสใกล้ได้
แต่เวลาใช้งานจริงก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร กดปุ่มรูปดอกไม้ลงไปทีนึงก็จะเข้าโหมดมาโครละ เข้าเร็วออกเร็ว ใช้งานจริงไม่มีปัญหาในเรื่องความเร็วในการถ่าย แต่มีปัญหาเรื่องลืมออกจากโหมดมาโครเท่านั้น
ถ่ายโคลสอัพได้ใกล้สุด 15 เซ็นติเมตร ได้ภาพขนาดใหญ่พอจะถ่ายดอกไม้ถ่ายของเล่นอะไรได้ แต่ให้ดีต้องครอปสักหน่อยเพราะเลนส์ 28mm (equi.) มันจะเก็บฉากหลังมาเยอะไปหน่อย
ถึงระบบโฟกัสจะมีให้เลือกเยอะ แต่เวลาใช้งานจริงเกินครึ่งของกล้องนี้จะเป็นการใช้ Snap mode กดสุดแล้วให้กล้องหมุนโฟกัสเข้าระยะที่ต้องการโดยไม่ต้องมากกดชัตเตอร์ครึ่งเพื่อโฟกัส สามารถตั้งระยะโฟกัสได้ 6 ระยะ
ระบบ full press snap focus ถือเป็น killer feature ของ GR ความเร็วไร้เทียมทาน ไม่ว่ากล้องจะตั้งค่าอย่างไรไว้ ถ้ากดชัตเตอร์สุดจังหวะเดียวกล้องจะหมุนโฟกัสไประยะที่ตั้งไว้แล้วลั่นชัตเตอร์ทันที ไม่มีจังหวะหน่วงใดๆ ให้รู้สึก กดสุดแล้วชัตเตอร์ลั่นถ่ายเสร็จก่อนจะปล่อยนิ้วออกจากปุ่มชัตเตอร์เสียอีก เร็วปานสายฟ้าแลบเหมาะกับการจับจังหวะด่วนๆ
[CR] รีวิว Ricoh GR ในปี 2019 ยังคงน่าใช้อยู่?
ประมาณ 4 ปีก่อนผมเคยทำรีวิว Ricoh GR ไว้สองครั้งล่ะ
Review: Ricoh GR กล้อง snap พันธุ์แท้ https://pantip.com/topic/31671293
รีวิว Ricoh GW-3 wide converter https://pantip.com/topic/31904337
สมัยที่ที่ออกวางขายเมื่อ 4-5 ปีก่อนก็ชนกับ Nikon Coolpix A หรือ Fujifilm X-70 มาแล้ว มาถึงในยุคนี้ก็ยังถูกจับเปรียบเทียบกับ Fujifilm XF10 อีก ( https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10218456844601061&type=1&l=6077090a3c ) นอกจากนั้น Ricoh GR III ก็กำลังจะออกขายในไม่กี่วัน
แล้วปี 2019 นี้ Ricoh GR เวอร์ชั่น 1 ก็ยังคงเป็นกล้องที่ดีน่าใช้อยู่หรือไม่?
Ricoh GR เป็นกล้องคอมแพ็กต์เซ็นเซอร์ใหญ่ ใช้เซ็นเซอร์ขนาด APS-C ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลไม่มี AA Filter ให้ภาพที่ดี ใสแจ่ม ไล่โทนสวย ใช้ความไวแสงได้สูง น้อยส์ต่ำ ไดนามิคเรนจ์ดี แม้จะเทียบกับกล้องรุ่นล่าสุดปี 2018 ก็ตาม
จำนวนพิกเซล 16 ล้านพิกเซลน้อยกว่ามาตรฐาน 24 ล้านพิกเซลของยุคนี้ แต่ก็ยังเหลือเฟือในการใช้งานปกติของคนทั่วไป
ผมเคยตื่นเต้นกับภาพที่ได้ในตอนมันออกใหม่ๆ และตอนนี้ก็ยังคงชื่นชมภาพจากไฟล์ของมันในวันนี้อยู่ ไฟล์จากเซ็นเซอร์ตัวนี้ยังเกาะกลุ่มกับกล้องใหม่ปีนี้ได้อยู่เลย
ใช้เลนส์ 18.3mm f/2.8 (มุมรับภาพเทียบเท่า 28 มมบนฟอร์แมท 135) ให้ภาพที่คมกริบขอบจรดขอบ ดีเทลดี สีแจ่ม คอนทราสดี ความคลาดต่ำ ให้ภาพดีตั้งแต่เปิดช่องรับแสงกว้างสุด f/2.8 และพีคที่ f/4.0 โดยไม่มีความจำเป็นอะไรต้องหรี่ช่องรับแสงไปมากกว่านั้นเพื่อเรียกคุณภาพ นอกจากจะไปที่ f/5.6 บางทีเพื่อเพิ่มความชัดลึกเท่านั้น
คาแร็คเตอร์ฉากหลังละลายเบลอฟุ้งนุ่มนวล ไม่หมุนไม่วุ่นวาย ออกแนวซอฟท์ๆ ขอบเขตวัตถุกลืนเข้าหากันแบบเนียนๆ ไม่เป็นเส้นหรือขอบเขต ไฮไลท์ไม่มีขอบคมคล้ายๆ คาแร็คเตอร์โบเก้ของเลนส์ Zeiss
(วงแหวนรอบเลนส์สีต่างๆ มีให้เลือกซื้อ ปี 2018 ถ้าใครซื้อที่งานโฟโต้แฟร์จะได้แถมวงแหวนสีทอง ในช่วงปีก่อนๆ ก็เป็นวงแหวนสีเขียวกับสีแดง ซื้อสายคล้องข้อมือเส้นเล็กๆ อีกสักเส้นก็ดีนะ)
RAW ของกล้องเป็นนามสกุล .dng ไม่มีปัญหาในการเอาไปเปิดกับโปรแกรมแต่งภาพหรือแปลงไฟล์ภาพต่างๆ ไฟล์เอาไปดึงได้เยอะพอสมควรไม่อึดอัดในการใช้งาน
แต่ jpeg สีสวยนุ่มหวานพออยู่แล้วนะ ไม่ต้องเอา raw มาปรับก็ได้ ไฟล์สีสวยนุ่มๆ ไล่โทนสีกว้างๆ จะไม่เข้มจัดดุเดือดมากเท่าเพื่อนร่วมค่ายอย่าง PENTAX ถ้าอยากได้เข้มๆ ต้องปรับเพิ่มหน่อย
ไฟล์ขาวดำสวยระดับแนวหน้า ปรับน้ำหนักโทนขาวดำมาดีไม่ต้องทำอะไรเพิ่มไม่ว่าจะขาวดำปกติ หรือขาวดำไฮคอนทราสที่ให้โทนขาวจัดดำจัดแบบ chalk & charcoal และขึ้นเกรน คาแร็คเตอร์คล้ายๆ Kodak Tri-X ที่ push ขึ้นสัก 1-2 สต็อป
เข้าถึงการปรับโหมดสีด้วยปุ่ม Effect อยู่ข้างบอดี้ ซึ่งสามารถตั้งค่าเป็นอย่างอื่นได้ และถ้ากดค้างไว้ก็จะทำหน้าที่เป็นปุ่มเช็คชัดลึก (ใน GR II ปุ่มนี้จะเป็นปุ่ม Wi-Fi)
ข้อควรระวังคือเวลาตั้งสัดส่วนภาพ 4:3 หรือ 1:1 มันจะไม่ได้เป็นการถ่าย RAW เต็มเซ็นเซอร์แล้วครอปภาพลงเป็น JPEG แบบกล้องยุคนี้
แต่มันครอปจากเซ็นเซอร์ตั้งแต่ตอนบันทึก RAW เลย ดังนั้นเลือกแล้วเลือกเลย เปลี่ยนใจไม่ได้นะครับ ถ่าย 3:2 แล้วไปครอปเอาทีหลังดีกว่านะผมว่า
การโฟกัสค่อนข้างช้าตามยุคสมัยของกล้องคอมแพ็กต์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ระบบโฟกัสมีให้เลือกและปรับตั้งมากมายเพื่อชดเชยข้อด้อยต่างๆ ให้ แต่ก็ต้องอาศัยความรู้ทางการใช้กล้องของผู้ถ่ายสักหน่อย ไม่ใช่กล้องแบบกดได้เลยแบบไม่ต้องคิดมากเหมือนกล้องปีนี้
วิธีการโฟกัสที่เหมาะกับกล้องนี้คือ MF ปรับโฟกัสโดยกดปุ่มแมคโครค้างไว้แล้วหมุนไดอัล ถ้าจะออโต้ใช้ปุ่มกับคานโยก AEL/AFL ทำหน้าที่เป็นปุ่ม S-AF ON หรือเลื่อนลงล่างเป็น C-AF ON
หรือถ้าใครขี้เกียจก็ใช้ Multi AF ก็ได้แล้วตั้งปุ่ม Fn เป็นปุ่มสลับ AF - MF แทนก็ได้
เวลาถ่ายอะไรในระยะไม่ไกลนักเรามีโอกาสได้ใช้แมนนวลโฟกัสไม่น้อยเลย แต่ก็มีระบบแมนนวลโฟกัสที่ดีใช้งานง่าย มีเครื่องช่วยเล็งแบบ peaking กับ Hi-Pass filter ที่กลางภาพ และซูมเฉพาะจุดโฟกัสซ้อนบนภาพเต็มได้หากต้องการปรับละเอียด
ดีไซน์ชุดเลนส์เป็นแบบกล้องคอมแพ็คยุค 5-10 ปีก่อนคือแยกโหมด macro ไว้ต่างหาก ต้องกดปุ่มเข้าโหมดมาโครเพื่อให้กล้องขยับชุดเลนส์ภายในกระบอกเลนส์ชุดหนึ่งก่อน ถึงจะเริ่มโฟกัสใกล้ได้
แต่เวลาใช้งานจริงก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร กดปุ่มรูปดอกไม้ลงไปทีนึงก็จะเข้าโหมดมาโครละ เข้าเร็วออกเร็ว ใช้งานจริงไม่มีปัญหาในเรื่องความเร็วในการถ่าย แต่มีปัญหาเรื่องลืมออกจากโหมดมาโครเท่านั้น
ถ่ายโคลสอัพได้ใกล้สุด 15 เซ็นติเมตร ได้ภาพขนาดใหญ่พอจะถ่ายดอกไม้ถ่ายของเล่นอะไรได้ แต่ให้ดีต้องครอปสักหน่อยเพราะเลนส์ 28mm (equi.) มันจะเก็บฉากหลังมาเยอะไปหน่อย
ถึงระบบโฟกัสจะมีให้เลือกเยอะ แต่เวลาใช้งานจริงเกินครึ่งของกล้องนี้จะเป็นการใช้ Snap mode กดสุดแล้วให้กล้องหมุนโฟกัสเข้าระยะที่ต้องการโดยไม่ต้องมากกดชัตเตอร์ครึ่งเพื่อโฟกัส สามารถตั้งระยะโฟกัสได้ 6 ระยะ
ระบบ full press snap focus ถือเป็น killer feature ของ GR ความเร็วไร้เทียมทาน ไม่ว่ากล้องจะตั้งค่าอย่างไรไว้ ถ้ากดชัตเตอร์สุดจังหวะเดียวกล้องจะหมุนโฟกัสไประยะที่ตั้งไว้แล้วลั่นชัตเตอร์ทันที ไม่มีจังหวะหน่วงใดๆ ให้รู้สึก กดสุดแล้วชัตเตอร์ลั่นถ่ายเสร็จก่อนจะปล่อยนิ้วออกจากปุ่มชัตเตอร์เสียอีก เร็วปานสายฟ้าแลบเหมาะกับการจับจังหวะด่วนๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้