ก่อนอื่นเลยขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ ขอเกริ่นก่อนว่า ตัวผมอายุ15ปี มีพี่ชายอยู่2คน พ่อทะเลาะกับแม่มาตั้งแต่ผมจำความได้ พี่ชายคนโตหนีไปติดยาติดเหล้า พี่ชายคนกลางเข้าเรียนมีแนวโน้มออกไปทางสายภาษา และผมตอนนั้นอยู่ประมาณป.5ได้
จนกระทั่งพ่อและแม่หย่าร้างกัน แม่แต่งงานใหม่ที่บ้านเกิด และผมต้องเลือกระหว่าง ต้องอยู่กับพ่อที่กทม.หรือตามแม่ไปที่ต่างจังหวัด พี่ชายทั้งสองเลือกที่จะอยู่ที่กทม. อาจจะเพราะเรื่องความสะดวกในหลายๆด้านรวมถึงเรื่องทางด้านการศึกษา ผมที่เห็นอย่างนั้นจึงตามแม่มาเพราะคิดว่าแม่ต้องการที่พึ่งทางจิตใจ ในเมื่อไม่มีคนอยู่กับแม่ ผมก็จะอยู่ ถึงแม้มันจะลำบากเรื่องการเดินทางไปเรียนสักหน่อย แต่ผมก็โอเคดี
จนผมได้ย้ายมาเรียนที่ต่างจังหวัดช่วงม.1 ทุกอย่างดูทุลักทุเลไปหมด แม่ได้งานใหม่ที่ไม่ค่อยจะสบายเท่าไหร่นัก ต้องขับรถไปไล่หาของเก่าตามโรงงานต่างๆมาขาย แต่กำไลก็ดีอยู่ ได้รอบละหลายหมื่น แต่ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อย ผมซึ่งพึ่งมาอยู่ใหม่ๆก็ไม่ได้คิดอะไร ทุกอย่างดูใหม่สำหรับผมมากๆ ถึงแม้ว่าผมจะเคยเรียนมาแล้วตอนอนุบาล แต่ก็ผ่านมาตั้ง7ปี บอกตามตรงว่าจำเพื่อนคนไหนไม่ได้เลย จนผมขึ้นม.2 แม่อนุญาตให้ผมขับมอไซไปเรียนได้ ระยะทางไปรร.ก็ประมาณ35กิโล รวมไป-กลับก็70กิโลต่อวัน แต่ผมก็โอเคดี
ทุกครั้งแม่จะชอบมาพูดว่า พี่ชายคนโตผมก็พึ่งไม่ได้แล้ว คนกลางก็ไปสายภาษา ไม่มีใครเป็นราชการให้แม่เลยหรอ ผมที่ยังคิดไม่ได้ว่าชอบอะไรจึงตัดสินใจว่าเราคงเป็นคนเดียวที่ทำให้แม่ได้ ก็เลยเล็งไว้สองอาชีพคือครูกับตำรวจ
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงม.3เทอม2 แม่อยากให้ผมเข้าม.4ที่รร.นึงมากๆ เป็นรร.ประจำ ถ้าเข้าได้จะดีมาก ท่านพูดตลอดถึงความดีความงามของรร.แห่งนี้ โดยที่ผมไม่ได้มีความอยากจะเข้าเลย อาจเป็นเพราะตัวผมเองก็ไม่ได้อยากจากบ้านไปไกล และไม่ชอบสังคมที่มีแต่คนเก่งๆ จะว่าผมบ้าหรือไร้สาระก็ได้ ผมคิดว่ามันอึดอัดเกินไปสำหรับผม ผมกล้าพูดว่าผมเป็นคนที่เรียนรู้ไว แต่จะไม่พูดว่าผมเป็นคนฉลาด ผมไม่ชอบอ่านหนังสือ ผมไม่ชอบเรียนพิเศษ ผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับผม ถือคติว่า ถ้าทำได้ก็จะทำ ทำไม่ได้ก็จะลองดูก่อน เอาเท่าที่เราทำได้ไปก่อน แต่คราวนี้มันต่างออกไป รร.นี้มีสอบสองรอบ รับเพียงร้อยคนเท่านั้น ตัวผมก็ลองไปสอบๆเล่นๆดูเพราะเกรดถึงและแม่ให้สอบ ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ เพราะผมบอกได้เต็มปากว่าทำไม่ได้เลย แต่ตอนประกาศผล ดันมีชื่อผมติดรอบแรก ผมช็อกมาก ตกใจ แต่ไม่ได้มีความดีใจเลยแม้แต่น้อย ผมกลับมาเครียดเหมือนตอนก่อนสอบรอบแรก ไม่ได้เครียดว่าจะสอบไม่ได้หรือเข้าไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้หรอก แต่ก็จะลองทำดู เอาเท่าที่ได้ เท่าที่ได้จริงๆ สอบรอบสองก็กลางเดือนหน้าแล้ว หลายๆคนอาจบอกว่า ทำไมไม่อ่านหนังสือละ มาเครียดแล้วได้ประโยชน์อะไร
มันไม่ได้ประโยชน์ครับ แต่มันเกี่ยวกับความรู้สึกของผมเอง ผมไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ผมชอบทำความเข้าใจในห้องเรียน ผมขอยอมรับตรงนี้ว่าผมเป็นคนที่ขี้เกียจมาก แต่ถ้าทำอะไรได้ก็จะทำเท่าที่ได้ ไม่ได้มีการไฝ่หาอะไรทั้งนั้น ผมรู้ว่ามันแย่มาก นิสัยแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับลูกของคนที่ทำงานอย่างหนักใช่ไหมครับ ผมสงสารแม่ที่ต้องมาเลี้ยงผม
ตอนนี้ความรู้สึกกดดันมันเพิ่มมากขึ้นเท่าตัวจากตอนแรก ผมรู้ว่าแม่หวังกับผมมากๆ ผมรู้ว่าแม่เหนื่อยมากขนาดไหนที่มาเลี้ยงคนอย่างผม ผมรู้ว่าผมทำได้ไม่เต็มที่พอ แต่ผมไม่อยากเข้าจริงๆ ผมยอมรับว่าสอบๆไปเฉยๆ ไม่ได้มีความคิดอยากจะเข้าเลย ผมแค่ทำเพื่อแม่ แม่จะพูดตลอดเวลาถ้าอยู่ด้วยกัน จะชอบพูดเรื่องการสอบ อ่านหนังสือรึยัง? แม่ทำเพราะลูกนะ แม่เหนื่อยเพราะลูก ลูกทำให้แม่ได้ไหม มันจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดเลยนะถ้าสอบได้ คำพูดเหล่านี้ ทำให้ผมเครียด เครีดยจนแทบประสาทจะกิน
ผมรู้ว่าหลายๆคนคงเคยเจอหนักกว่าผม ผมเข้าใจว่ายังมีคนที่ลำบากกว่านี้
จะผิดไหม ถ้าผมขอขัดใจแม่สักครั้ง ขอผมเลือกที่ๆอยากเรียนจริงๆ ผมรู้ว่าหลักสูตรมันไม่เท่ากัน ผมรู้ว่าที่ๆแม่เลือกให้มันดีกว่ามาก แต่ผมไม่ชอบเลย ผมขอเอาแต่ใจได้ไหม ขอเมินเฉยความคาดหวังที่แม่ให้มาได้หรือป่าว
ผมรู้สึกว่ามันหนักมากเลย หน้าอกผมหนักไปหมดเมื่อผมอยู่กับแม่ ผมขอโทษถ้าผมทำไม่ได้ แต่ผมจะทำ เท่าที่ตัวผมจะทำได้ ผมขอโทษถ้าผมทำได้ไม่เต็มที่พอ
ผมก็รู้สึกผิดเหมือนกัน แม่เขาลำบาก เขาเหนื่อย ผมรู้ รู้ตลอด แต่ผมขอได้ไหม ขอแค่เรื่องนี้ ขออย่าให้ผมเรรียดไปมากกว่านี้เลย
แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่ความผิดแม่หรอก ผิดที่ผมเอง ที่ผทคิดมาก ที่ผมไม่เต็มที่ ผมจะจัดการยังไงดี มันใกล้จะสอบแล้ว ผมเลยทำใจให้สบายได้สักพัก ทำลืมได้แค่ไม่กี่วัน ก็กลับมาเครียดเพราะแม่มาพูดถึงความหวังที่เขามีให้ผมอีก ผมสัญญาว่าจะไปสอบ แต่ไม่รับปากว่าจะได้ ผมรู้ว่าแม่อยากให้เข้ามากแค่ไหน ผมรู้ว่าแม่อยากให้ผมมีอนาคตที่ดี หาเลี้ยงดูแม่ได้ เป็นหูเป็นตาให้แม่ได้ แต่ผมขอได้ไหม ผมทำแบบที่แม่หวังแน่ๆ แต่ขอเลือกเส้นทางได้ไหม เส้นทางที่จะเดิน
ปล.ผมขอโทษถ้าหากพิมพ์วนๆซ้ำไปซ้ำมา ผมอึดอัดมากและต้องการระบาย ขอบคุณที่อ่านอยู่ตลอดนะครับ
ปล.เรื่องคำผิดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไงดีครับเมื่อโดนครอบครัวคาดหวังไว้มากจนกดดัน
จนกระทั่งพ่อและแม่หย่าร้างกัน แม่แต่งงานใหม่ที่บ้านเกิด และผมต้องเลือกระหว่าง ต้องอยู่กับพ่อที่กทม.หรือตามแม่ไปที่ต่างจังหวัด พี่ชายทั้งสองเลือกที่จะอยู่ที่กทม. อาจจะเพราะเรื่องความสะดวกในหลายๆด้านรวมถึงเรื่องทางด้านการศึกษา ผมที่เห็นอย่างนั้นจึงตามแม่มาเพราะคิดว่าแม่ต้องการที่พึ่งทางจิตใจ ในเมื่อไม่มีคนอยู่กับแม่ ผมก็จะอยู่ ถึงแม้มันจะลำบากเรื่องการเดินทางไปเรียนสักหน่อย แต่ผมก็โอเคดี
จนผมได้ย้ายมาเรียนที่ต่างจังหวัดช่วงม.1 ทุกอย่างดูทุลักทุเลไปหมด แม่ได้งานใหม่ที่ไม่ค่อยจะสบายเท่าไหร่นัก ต้องขับรถไปไล่หาของเก่าตามโรงงานต่างๆมาขาย แต่กำไลก็ดีอยู่ ได้รอบละหลายหมื่น แต่ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อย ผมซึ่งพึ่งมาอยู่ใหม่ๆก็ไม่ได้คิดอะไร ทุกอย่างดูใหม่สำหรับผมมากๆ ถึงแม้ว่าผมจะเคยเรียนมาแล้วตอนอนุบาล แต่ก็ผ่านมาตั้ง7ปี บอกตามตรงว่าจำเพื่อนคนไหนไม่ได้เลย จนผมขึ้นม.2 แม่อนุญาตให้ผมขับมอไซไปเรียนได้ ระยะทางไปรร.ก็ประมาณ35กิโล รวมไป-กลับก็70กิโลต่อวัน แต่ผมก็โอเคดี
ทุกครั้งแม่จะชอบมาพูดว่า พี่ชายคนโตผมก็พึ่งไม่ได้แล้ว คนกลางก็ไปสายภาษา ไม่มีใครเป็นราชการให้แม่เลยหรอ ผมที่ยังคิดไม่ได้ว่าชอบอะไรจึงตัดสินใจว่าเราคงเป็นคนเดียวที่ทำให้แม่ได้ ก็เลยเล็งไว้สองอาชีพคือครูกับตำรวจ
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงม.3เทอม2 แม่อยากให้ผมเข้าม.4ที่รร.นึงมากๆ เป็นรร.ประจำ ถ้าเข้าได้จะดีมาก ท่านพูดตลอดถึงความดีความงามของรร.แห่งนี้ โดยที่ผมไม่ได้มีความอยากจะเข้าเลย อาจเป็นเพราะตัวผมเองก็ไม่ได้อยากจากบ้านไปไกล และไม่ชอบสังคมที่มีแต่คนเก่งๆ จะว่าผมบ้าหรือไร้สาระก็ได้ ผมคิดว่ามันอึดอัดเกินไปสำหรับผม ผมกล้าพูดว่าผมเป็นคนที่เรียนรู้ไว แต่จะไม่พูดว่าผมเป็นคนฉลาด ผมไม่ชอบอ่านหนังสือ ผมไม่ชอบเรียนพิเศษ ผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับผม ถือคติว่า ถ้าทำได้ก็จะทำ ทำไม่ได้ก็จะลองดูก่อน เอาเท่าที่เราทำได้ไปก่อน แต่คราวนี้มันต่างออกไป รร.นี้มีสอบสองรอบ รับเพียงร้อยคนเท่านั้น ตัวผมก็ลองไปสอบๆเล่นๆดูเพราะเกรดถึงและแม่ให้สอบ ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ เพราะผมบอกได้เต็มปากว่าทำไม่ได้เลย แต่ตอนประกาศผล ดันมีชื่อผมติดรอบแรก ผมช็อกมาก ตกใจ แต่ไม่ได้มีความดีใจเลยแม้แต่น้อย ผมกลับมาเครียดเหมือนตอนก่อนสอบรอบแรก ไม่ได้เครียดว่าจะสอบไม่ได้หรือเข้าไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้หรอก แต่ก็จะลองทำดู เอาเท่าที่ได้ เท่าที่ได้จริงๆ สอบรอบสองก็กลางเดือนหน้าแล้ว หลายๆคนอาจบอกว่า ทำไมไม่อ่านหนังสือละ มาเครียดแล้วได้ประโยชน์อะไร
มันไม่ได้ประโยชน์ครับ แต่มันเกี่ยวกับความรู้สึกของผมเอง ผมไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ผมชอบทำความเข้าใจในห้องเรียน ผมขอยอมรับตรงนี้ว่าผมเป็นคนที่ขี้เกียจมาก แต่ถ้าทำอะไรได้ก็จะทำเท่าที่ได้ ไม่ได้มีการไฝ่หาอะไรทั้งนั้น ผมรู้ว่ามันแย่มาก นิสัยแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับลูกของคนที่ทำงานอย่างหนักใช่ไหมครับ ผมสงสารแม่ที่ต้องมาเลี้ยงผม
ตอนนี้ความรู้สึกกดดันมันเพิ่มมากขึ้นเท่าตัวจากตอนแรก ผมรู้ว่าแม่หวังกับผมมากๆ ผมรู้ว่าแม่เหนื่อยมากขนาดไหนที่มาเลี้ยงคนอย่างผม ผมรู้ว่าผมทำได้ไม่เต็มที่พอ แต่ผมไม่อยากเข้าจริงๆ ผมยอมรับว่าสอบๆไปเฉยๆ ไม่ได้มีความคิดอยากจะเข้าเลย ผมแค่ทำเพื่อแม่ แม่จะพูดตลอดเวลาถ้าอยู่ด้วยกัน จะชอบพูดเรื่องการสอบ อ่านหนังสือรึยัง? แม่ทำเพราะลูกนะ แม่เหนื่อยเพราะลูก ลูกทำให้แม่ได้ไหม มันจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดเลยนะถ้าสอบได้ คำพูดเหล่านี้ ทำให้ผมเครียด เครีดยจนแทบประสาทจะกิน
ผมรู้ว่าหลายๆคนคงเคยเจอหนักกว่าผม ผมเข้าใจว่ายังมีคนที่ลำบากกว่านี้
จะผิดไหม ถ้าผมขอขัดใจแม่สักครั้ง ขอผมเลือกที่ๆอยากเรียนจริงๆ ผมรู้ว่าหลักสูตรมันไม่เท่ากัน ผมรู้ว่าที่ๆแม่เลือกให้มันดีกว่ามาก แต่ผมไม่ชอบเลย ผมขอเอาแต่ใจได้ไหม ขอเมินเฉยความคาดหวังที่แม่ให้มาได้หรือป่าว
ผมรู้สึกว่ามันหนักมากเลย หน้าอกผมหนักไปหมดเมื่อผมอยู่กับแม่ ผมขอโทษถ้าผมทำไม่ได้ แต่ผมจะทำ เท่าที่ตัวผมจะทำได้ ผมขอโทษถ้าผมทำได้ไม่เต็มที่พอ
ผมก็รู้สึกผิดเหมือนกัน แม่เขาลำบาก เขาเหนื่อย ผมรู้ รู้ตลอด แต่ผมขอได้ไหม ขอแค่เรื่องนี้ ขออย่าให้ผมเรรียดไปมากกว่านี้เลย
แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่ความผิดแม่หรอก ผิดที่ผมเอง ที่ผทคิดมาก ที่ผมไม่เต็มที่ ผมจะจัดการยังไงดี มันใกล้จะสอบแล้ว ผมเลยทำใจให้สบายได้สักพัก ทำลืมได้แค่ไม่กี่วัน ก็กลับมาเครียดเพราะแม่มาพูดถึงความหวังที่เขามีให้ผมอีก ผมสัญญาว่าจะไปสอบ แต่ไม่รับปากว่าจะได้ ผมรู้ว่าแม่อยากให้เข้ามากแค่ไหน ผมรู้ว่าแม่อยากให้ผมมีอนาคตที่ดี หาเลี้ยงดูแม่ได้ เป็นหูเป็นตาให้แม่ได้ แต่ผมขอได้ไหม ผมทำแบบที่แม่หวังแน่ๆ แต่ขอเลือกเส้นทางได้ไหม เส้นทางที่จะเดิน
ปล.ผมขอโทษถ้าหากพิมพ์วนๆซ้ำไปซ้ำมา ผมอึดอัดมากและต้องการระบาย ขอบคุณที่อ่านอยู่ตลอดนะครับ
ปล.เรื่องคำผิดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ