.

.
.
ยังมีสัตว์พิเศษอีกชนิดหนึ่งคือ อูฐ
ที่ทหารโซเวียตรัสเซียนำเข้ามาร่วมรบด้วย
พวกอูฐไม่ได้ร่วมรบในแนวหน้าในตอนแรก
แต่ก็ได้ช่วยชีวิตผู้คนในแนวหลังจำนวนมาก
ในการรบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
รถถังจำนวนมากมีบทบาทในการรบ
และรุกคืบหน้าในสนามรบแต่ละแห่ง
แต่พวกม้าก็ยังมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง
ท่ามกลางสนามรบทั้งแนวหน้า/แนวหลัง
ยุทธการโจมตีจากหน่วยทหารม้า
จะเป็นยุทธการที่ยากลำบากในสนามรบ
เพราะอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย
ทั้งคนและม้าจำนวนมาก
แต่หน่วยทหารม้ารัสเซียใช้ม้าในการรบ
โดยใช้ในการติดตามไล่ล่า
และตรวจหาพวกศัตรูที่ถอยทัพ
บ่อยครั้งที่พวกทหารม้าได้ลงจากหลังม้าศึก
ร่วมรบแบบตัวต่อตัวกับทหารราบ
ในยุคพระเจ้าซาร์
รัสเซียก็เคยมีหน่วยทหารม้า
คอสแซค
ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วในการรบ/ปราบปรามศัตรู
ทหารปืนใหญ่โซเวียตรัสเซีย
มักจะควบม้าโผล่ขึ้นมา
แบบที่พวกศัตรูนาซีเยอรมันไม่คาดคิดเลย
หลังจากการทิ้งระเบิดอย่างหนัก
เพื่อกดหัวพวกศัตรูไว้
กลยุทธ์ดังกล่าวมีประโยชน์มาก
ใน
Battle of Moscow ในปี 1941
โดยมีหน่วยทหารม้าประจำการ
ถึง 1 ใน 4 ของกองทัพโซเวียต
พวกม้ายังใช้ในการขนส่ง
เสบียงอาหาร อาวุธ/ปืนใหญ่
ในบริเวณพื้นที่/สนามรบที่ยังไม่มีถนน
สภาพภูมิประเทศที่โหดร้าย
ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวของรัสเซีย
พวกม้ามีข้อได้เปรียบมากกว่ารถบรรทุก
เพราะไม่ติดหล่มในโคลนหรือหิมะ
แถมยังเป็นอาหารในยามขาดแคลน
ท่ามกลางการล้อมปราบ
หรือถูกปิดล้อมจากศัตรู
Wehrmacht ของนาซีเยอรมันนี
จะมีหน่วยทหารม้าของตนเอง
ที่ยืนหยัดต่อสู้จนหยดเลือดสุดท้าย
แต่พวกนาซีเยอรมันนีไม่มีแหล่ง
ป้อนพวกม้าได้มากมายเลย
ขณะที่สหภาพโซเวียตรัสเซีย
มีฝูงม้าจำนวนมากกว่าแทบไม่อั้นเลย
เพราะได้มาจากประเทศมองโกเลีย
พันธมิตรด้านตะวันออกไกล
.
.

.
.

.
.
ในสนามรบ
พวกหมายังได้ทำหน้าที่เท่าเทียมกับม้า
โดยช่วยปกปักรักษา/คุ้มครอง
พวกทหารทั้งแนวหน้า/แนวหลัง
พวกหมามีบทบาทอย่างมาก
ในการเป็นผู้ช่วยแพทย์
ด้วยการลากจูง/ชักลากทหาร
ที่บาดเจ็บออกจากสนามรบ
ทั้งยังทำหน้าที่ค้นหากับระเบิด
ที่ฝังไว้โดยพวกศัตรู
พวกหมาลากเลื่อนยังช่วย
ในการขนส่งอาหาร/อาวุธในสนามรบ
เหตุการณ์สำคัญคือ
พวกหมาเคยทำหน้าที่ก่อวินาศกรรม
และทำหน้าที่ป้องกัน
พวกที่จะมาก่อวินาศกรรม
ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม
รัสเซียได้ตั้งศูนย์ฝึกหมาพลีชีพ(ฆ่าตัวตาย)
หรือชื่อที่เรียกอีกอย่างคือ
นักทำลายรถถังผู้หิวโหย
พวกมันจะถูกฝึกให้อดหยากและหิวโหย
เพื่อวิ่งเข้าไปหาอาหารที่ผูกไว้ใต้ท้องรถถัง
เมื่อตอบรบพวกมันจึงมักจะวิ่ง
เข้าใส่ใต้ท้องรถถังของพวกข้าศึก
พร้อมกับอุปกรณ์ระเบิดติดอยู่บนลำตัว
หลังจากที่พวกมันวิ่งมุดเข้าใต้ท้องรถถังแล้ว
กระเดื่องคันโยกด้ามยาวที่กระทบใต้ท้องรถถัง
จะจุดระเบิดทันที ฆ่าทั้งคนในรถถังและหมา
รถถังนาซีเยอรมันมากกว่า 300 คัน
ที่ถูกทำลายโดยหมาพลีชีพของรัสเซีย
แต่ในช่วงหลายปีสุดท้ายของสงคราม
ยุทธการแบบนี้ไม่มีความจำเป็นต่อไปแล้ว
เพราะรัสเซียผลิตรถถังได้จำนวนหนึ่ง
และได้รับรถถังสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา
ทำให้การใช้หมาพลีชีพยุติลง
แต่มีพวกหมาบางส่วน
ถูกนำมาฝึกหากับระเบิด
มีหมามากกว่า 6,000 ตัว
ที่ถูกฝึกค้นหากับระเบิด
ประมาณการว่ากับระเบิด
มากกว่า 4 ล้านลูกถูกพวกหมาค้นพบ
ในปี ค.ศ.1945
Julbars วีรสุนัขที่ได้รับเกียรติยศ
เข้าร่วมขบวนเฉลิมฉลองชัยชนะ
สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จัตุรัสแดง
โดย Stalin ได้ติดเหรียญตราเสื้อสามารถ
ให้กับ Julbars หมาที่บาดเจ็บกับคู่หูของเธอ
เพราะทั้งคู่ค้นพบกับระเบิด
มากกว่า 7,468 ลูกในช่วงสงคราม
.
.
อูฐปรากฏตัวครั้งแรกในการรบแนวหน้า
Great Patriotic War
ในช่วงระหว่างสงคราม
Battle of Stalingrad
กองทัพโซเวียตรัสเซียที่อยู่
ใกล้กับ
Astrakhan
ต้องเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามาร่วมรบ
แต่ปัจจัยสำคัญมากที่สุด
ในช่วงการเคลื่อนย้ายกำลัง
คือ การขาดแคลนรถบรรทุกและม้า
พวกทหารที่นั่นจึงเริ่มค้นหา
และจับอูฐป่าในเขตทะเลทราย
นำมาฝึกฝนเพื่อใช้บรรทุกสินค้า
และการขนส่งปืนใหญ่
หลังจากฝึกฝนประสบความสำเร็จ
ในไม่ช้าพวกอูฐกลายเป็น
สหายร่วมรบกับทหารโซเวียตรัสเซีย
มีอูฐจำนวนเกือบ 350 ตัว
ที่มีส่วนร่วมรบในสงคราม
อูฐหลายตัวตายในสนามรบ
และอีกหลายตัวถูกปลดประจำการ
โดยพวกทหารได้มอบพวกอูฐ
ไว้ที่สวนสัตว์ท้องถิ่น
ตามเส้นทางรุกสู่แนวหน้า
แถวยุโรปตะวันออก
เพราะทหารโซเวียตรัสเซีย
เริ่มมีรถบรรทุกและม้าแล้ว
มีอูฐบางตัวร่วมรบจนถึง Berlin
มีตำนานว่า อูฐที่ชื่อว่า
Kuznechik (Grasshopper) ตั๊กแตน
ได้เดินไปบนเส้นทาง/ชั้นบนของ
Reichstag
สัญญลักษณ์ของนาซีเยอรมันนีที่ถูกยึดไว้แล้ว
และ Kuznechik ได้ถ่มน้ำลายรดบนพื้นที่นี่
สัญรูปอาการดูถูกเกลียดชังพวกนาซีเยอรมันนี
.
.

.
อาคาร Reichstag @Roman Lashkin/Flickr
.
.

.
.
แมวไม่ได้ทำหน้าที่ร่วมรบเหมือนม้า หมา อูฐ
พวกมันไม่ได้ต่อสู้กับพวกศัตรู/บรรทุกสินค้า
พวกมันไม่เคยปรากฏตัวขึ้นที่แนวหน้า
แต่พวกมันสำคัญในสงครามอย่างมาก
ในระหว่างที่พวกนาซีเยอรมันนีปิดล้อม
เมือง
Leningrad เปลี่ยนเป็น St. Petersburg แล้ว
ชาวบ้านต่างต้องทนทุกข์ทรมาน
จากความหิวโหยอย่างแรง
จนต้องไล่ล่าจับแมวมากินจนหมดทั้งเมือง
แต่ส่งผลกระทบที่เลวร้ายทันที
เพราะไม่มีศัตรูกำจัดพวกหนู
ทำให้กองทัพหนูบุกเข้าไปในบ้านเรือน
และค้นหาที่หลบซ่อนเก็บอาหาร
พร้อมกับกัดกินอาหารที่ขาดแคลนอยู่แล้ว
จนเกือบหมดสิ้นทั้งเมือง
แม้ว่าจะมีการจัดตั้งหน่วยล่าหนู
ขึ้นภายในเมืองด้วยการไล่ยิงไล่ทุบตี
จนแม้กระทั่งกระหน่ำยิงด้วยรถถัง
แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก
รัสเซียชอบเล่นบทโหดหลายต่อหลายครั้ง
เช่น การยิงปืนใหญ่ใส่เป้าหมายศัตรู/พลซุ่มยิง
โดยไม่สนใจอาคารหรือผู้คนรอบข้าง
แม้ว่าจะมีการใช้ตัวประกันมาต่อรอง
ทำให้ได้รับฉายาว่า
โหดสัตว์รัสเซีย
ในปี 1943
หลังการปิดล้อมเมืองนี้สิ้นสุดลง
มีกองเกวียนคาราวานจำนวนหนึ่ง
นำแมวจากไซบีเรียจำนวนกว่า 5,000 ตัว
ลำเลียงส่งเข้ามายังเมืองแห่งนี้
เพื่อมากำจัดหนู ก่อนการส่งเสบียงอาหาร
กองพลเหมียว
Meowing Division ที่ชาวบ้านเรียกกัน
ได้ทำยุทธการรบกับกองทัพหนู
อย่างรวดเร็วมาก ในการจัดการกับปัญหา
และช่วยให้ทั้งเมืองปลอดจาก
โรคที่ติดมากับพวกหนู
ทำให้พลเมืองนี้ได้สร้าง
อนุสาวรีย์ให้กับกองพลเหมียว
ยังพบเห็นได้ในทุกวันนี้ที่ St. Petersburg
.
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/YPs3vx
https://goo.gl/hsZqba
https://goo.gl/LJQPpe
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
ตอนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพญี่ปุ่นได้บุกยึด
และขอผ่านทางจากเมืองสงขลา
ในระหว่างนั้นได้ยึดจักรยานชาวบ้าน
/ส่วนราชการไปเป็นจำนวนหลายคัน
โดยทหารญี่ปุ่นรู้ด้วยว่ามีจักรยานที่ไหนบ้าง
เพราะมีจารชนญี่ปุ่นปลอมตัว
ทำธุรกิจฝังตัวอยู่ที่สงขลา
พอกองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกได้
ก็แต่งชุดนายทหารมากำกับการเลย
มีรายละเอียดส่วนหนี่งใน
บันทึกมาซาโอะ เซโตะ
บุตรชายสายลับญี่ปุ่น | เมืองสงขลา
กับคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อน
กองทัพทหารญี่ปุ่นใช้จักรยาน
ในการขนทหารและอาวุธ
เดินทางได้ไกลกว่าวันละ 100 กิโลเมตร
เพียง 7 วันก็ถึงสิงคโปร์
เริ่มตั้งแต่สงขลาลงไปตอนเหนือ
จังโหลน/ด่านนอก รัฐไทรบุรีมาเลย์
(จัง=ใบจัง หรือ ช้าง โหลน=หล่น
ตกลงมาหรือพลัดตกภูเขา
ร่องรอยจากภาษาคนสยามในมาเลย์)
ถ้าเป็นมอเตอร์เวย์มาเลย์
ตอนนี้ 772 กิโลเมตร
https://bit.ly/2PG42vd
กองทัพญี่ปุ่นบางส่วนบุก
เข้ายึดเมืองปีนังจากอังกฤษ
โดยมีการยึดจักรยานจำนวนมาก
ในช่วงกองทัพญี่ปุ่น
เคลื่อนย้ายทัพลงไปตอนใต้มาเลย์
แทบจะไม่มีการปะทะจากทหารอังกฤษเลย
เพราะทหารอังกฤษส่วนใหญ่
หนีไปตั้งหลักที่สิงคโปร์จำนวนมาก
มีทั้งรอกองทัพมาหนุนกับรอหนีไปยัง
อินโดนีเซีย อินเดีย พม่า ออสเตรเลีย
เมื่อกองทัพญี่ปุ่นมีชัยชนะในสิงคโปร์แล้ว
จึงได้กวาดต้อนเชลยศึกมา
สร้างสะพานที่กาญจนบุรีในเวลาต่อมา
ด้วยการขนส่งเชลยศึก
มาทางเรือส่วนหนึ่ง ทางรถไฟอีกส่วนหนึ่ง
พวกเชลยศึกที่ตายระหว่างทางขนส่ง
ก็มีจำนวนมากเช่นกัน
ญี่ปุ่นมีการว่าจ้างคนงาน
อินโดนีเซีย พม่า มาเลย์ ไทย
ให้มาสร้างสะพานในครั้งนั้นด้วย
ที่ตายและฝังที่สุสานอนาถาก็มีจำนวนมาก
ไม่นานมานี้เพิ่งจะมีการรื้อฟื้น
และสืบหาร่องรอย
ที่ฝังศพญาติพี่น้องที่สูญหายไป
โดยมีญาติพี่น้องเดินทางมาจาก
มาเลย์/อินโดนีเซีย
มาทำพิธีรำลึก/สวดมนตร์อุทิศให้กับผู้ตาย
.
.

.
เส้นทางจักรยานมืออาชีพ/วัน
.
.
ศึกเดืยนเบียนฟู
สงครามครั้งสุดท้ายที่เวียตนามซัดกับฝรั่งเศส
เวียตนามใช้จักรยานในการขนส่งอาวุธ
ปืนใหญ่จะถูกถอดออกมาเป็นชิ้น ๆ
มีการใช้แรงงานคนบางส่วนขนส่ง
เมื่อถึงเป้าหมายก็นำมาประกอบปืนใหญ่
แล้วนัดวันยิงถล่มค่ายทหารฝรั่งเศส
จนทำให้ทหารฝรั่งเศสบาดเจ็บล้มตาย
และยอมจำนนในที่สุด
อนึ่ง ทางผ่านไปยังเดียนเบียนฟู
เป็นพื้นที่ไทดำส่วนหนึ่ง
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล กับ จิรนันท์ พิตรปรีชา
ก็เคยเดินผ่านเส้นทางนี้
มีเขียนไว้ในหนังสือ
อีกหนึ่งฟางฝัน บันทึกแรมทางของชีวิต
ทั้งคู่เจอเด็กชายไทดำ
เดินมาพบแล้วบอกว่า ฟานดีกิน (ฟานคือ เก้ง)
เพราะเสกสรรค์ยิงเก้งได้ตัวหนึ่ง
เตรียมจะนำมาทำเสบียงอาหาร
จักรยานชาวบ้านรุ่นโบราณ
มีตะแกรงหลังแข็งแรงมาก
ไว้ขนข้าวสาร/หมู/ยางแผ่น
หนัก 100 กิโลกรัมได้สบาย ๆ
.
.

.
.
ม้า หมา แมว อูฐ ช่วยโซเวียตรัสเซียชนะสงครามโลกครั้งที่ 2
.
ยังมีสัตว์พิเศษอีกชนิดหนึ่งคือ อูฐ
ที่ทหารโซเวียตรัสเซียนำเข้ามาร่วมรบด้วย
พวกอูฐไม่ได้ร่วมรบในแนวหน้าในตอนแรก
แต่ก็ได้ช่วยชีวิตผู้คนในแนวหลังจำนวนมาก
ในการรบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
รถถังจำนวนมากมีบทบาทในการรบ
และรุกคืบหน้าในสนามรบแต่ละแห่ง
แต่พวกม้าก็ยังมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง
ท่ามกลางสนามรบทั้งแนวหน้า/แนวหลัง
ยุทธการโจมตีจากหน่วยทหารม้า
จะเป็นยุทธการที่ยากลำบากในสนามรบ
เพราะอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย
ทั้งคนและม้าจำนวนมาก
แต่หน่วยทหารม้ารัสเซียใช้ม้าในการรบ
โดยใช้ในการติดตามไล่ล่า
และตรวจหาพวกศัตรูที่ถอยทัพ
บ่อยครั้งที่พวกทหารม้าได้ลงจากหลังม้าศึก
ร่วมรบแบบตัวต่อตัวกับทหารราบ
ในยุคพระเจ้าซาร์
รัสเซียก็เคยมีหน่วยทหารม้า คอสแซค
ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วในการรบ/ปราบปรามศัตรู
ทหารปืนใหญ่โซเวียตรัสเซีย
มักจะควบม้าโผล่ขึ้นมา
แบบที่พวกศัตรูนาซีเยอรมันไม่คาดคิดเลย
หลังจากการทิ้งระเบิดอย่างหนัก
เพื่อกดหัวพวกศัตรูไว้
กลยุทธ์ดังกล่าวมีประโยชน์มาก
ใน Battle of Moscow ในปี 1941
โดยมีหน่วยทหารม้าประจำการ
ถึง 1 ใน 4 ของกองทัพโซเวียต
พวกม้ายังใช้ในการขนส่ง
เสบียงอาหาร อาวุธ/ปืนใหญ่
ในบริเวณพื้นที่/สนามรบที่ยังไม่มีถนน
สภาพภูมิประเทศที่โหดร้าย
ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวของรัสเซีย
พวกม้ามีข้อได้เปรียบมากกว่ารถบรรทุก
เพราะไม่ติดหล่มในโคลนหรือหิมะ
แถมยังเป็นอาหารในยามขาดแคลน
ท่ามกลางการล้อมปราบ
หรือถูกปิดล้อมจากศัตรู
Wehrmacht ของนาซีเยอรมันนี
จะมีหน่วยทหารม้าของตนเอง
ที่ยืนหยัดต่อสู้จนหยดเลือดสุดท้าย
แต่พวกนาซีเยอรมันนีไม่มีแหล่ง
ป้อนพวกม้าได้มากมายเลย
ขณะที่สหภาพโซเวียตรัสเซีย
มีฝูงม้าจำนวนมากกว่าแทบไม่อั้นเลย
เพราะได้มาจากประเทศมองโกเลีย
พันธมิตรด้านตะวันออกไกล
.
.
.
.
ในสนามรบ
พวกหมายังได้ทำหน้าที่เท่าเทียมกับม้า
โดยช่วยปกปักรักษา/คุ้มครอง
พวกทหารทั้งแนวหน้า/แนวหลัง
พวกหมามีบทบาทอย่างมาก
ในการเป็นผู้ช่วยแพทย์
ด้วยการลากจูง/ชักลากทหาร
ที่บาดเจ็บออกจากสนามรบ
ทั้งยังทำหน้าที่ค้นหากับระเบิด
ที่ฝังไว้โดยพวกศัตรู
พวกหมาลากเลื่อนยังช่วย
ในการขนส่งอาหาร/อาวุธในสนามรบ
เหตุการณ์สำคัญคือ
พวกหมาเคยทำหน้าที่ก่อวินาศกรรม
และทำหน้าที่ป้องกัน
พวกที่จะมาก่อวินาศกรรม
ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม
รัสเซียได้ตั้งศูนย์ฝึกหมาพลีชีพ(ฆ่าตัวตาย)
หรือชื่อที่เรียกอีกอย่างคือ
นักทำลายรถถังผู้หิวโหย
พวกมันจะถูกฝึกให้อดหยากและหิวโหย
เพื่อวิ่งเข้าไปหาอาหารที่ผูกไว้ใต้ท้องรถถัง
เมื่อตอบรบพวกมันจึงมักจะวิ่ง
เข้าใส่ใต้ท้องรถถังของพวกข้าศึก
พร้อมกับอุปกรณ์ระเบิดติดอยู่บนลำตัว
หลังจากที่พวกมันวิ่งมุดเข้าใต้ท้องรถถังแล้ว
กระเดื่องคันโยกด้ามยาวที่กระทบใต้ท้องรถถัง
จะจุดระเบิดทันที ฆ่าทั้งคนในรถถังและหมา
รถถังนาซีเยอรมันมากกว่า 300 คัน
ที่ถูกทำลายโดยหมาพลีชีพของรัสเซีย
แต่ในช่วงหลายปีสุดท้ายของสงคราม
ยุทธการแบบนี้ไม่มีความจำเป็นต่อไปแล้ว
เพราะรัสเซียผลิตรถถังได้จำนวนหนึ่ง
และได้รับรถถังสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา
ทำให้การใช้หมาพลีชีพยุติลง
แต่มีพวกหมาบางส่วน
ถูกนำมาฝึกหากับระเบิด
มีหมามากกว่า 6,000 ตัว
ที่ถูกฝึกค้นหากับระเบิด
ประมาณการว่ากับระเบิด
มากกว่า 4 ล้านลูกถูกพวกหมาค้นพบ
ในปี ค.ศ.1945
Julbars วีรสุนัขที่ได้รับเกียรติยศ
เข้าร่วมขบวนเฉลิมฉลองชัยชนะ
สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จัตุรัสแดง
โดย Stalin ได้ติดเหรียญตราเสื้อสามารถ
ให้กับ Julbars หมาที่บาดเจ็บกับคู่หูของเธอ
เพราะทั้งคู่ค้นพบกับระเบิด
มากกว่า 7,468 ลูกในช่วงสงคราม
.
.
.
.
ที่มา https://goo.gl/w25ULp
.
.
.
.
Dina Volkaz กับ Julbars
ที่มา https://goo.gl/zZSmLW
.
.
.
อูฐปรากฏตัวครั้งแรกในการรบแนวหน้า
Great Patriotic War
ในช่วงระหว่างสงคราม
Battle of Stalingrad
กองทัพโซเวียตรัสเซียที่อยู่
ใกล้กับ Astrakhan
ต้องเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามาร่วมรบ
แต่ปัจจัยสำคัญมากที่สุด
ในช่วงการเคลื่อนย้ายกำลัง
คือ การขาดแคลนรถบรรทุกและม้า
พวกทหารที่นั่นจึงเริ่มค้นหา
และจับอูฐป่าในเขตทะเลทราย
นำมาฝึกฝนเพื่อใช้บรรทุกสินค้า
และการขนส่งปืนใหญ่
หลังจากฝึกฝนประสบความสำเร็จ
ในไม่ช้าพวกอูฐกลายเป็น
สหายร่วมรบกับทหารโซเวียตรัสเซีย
มีอูฐจำนวนเกือบ 350 ตัว
ที่มีส่วนร่วมรบในสงคราม
อูฐหลายตัวตายในสนามรบ
และอีกหลายตัวถูกปลดประจำการ
โดยพวกทหารได้มอบพวกอูฐ
ไว้ที่สวนสัตว์ท้องถิ่น
ตามเส้นทางรุกสู่แนวหน้า
แถวยุโรปตะวันออก
เพราะทหารโซเวียตรัสเซีย
เริ่มมีรถบรรทุกและม้าแล้ว
มีอูฐบางตัวร่วมรบจนถึง Berlin
มีตำนานว่า อูฐที่ชื่อว่า Kuznechik (Grasshopper) ตั๊กแตน
ได้เดินไปบนเส้นทาง/ชั้นบนของ Reichstag
สัญญลักษณ์ของนาซีเยอรมันนีที่ถูกยึดไว้แล้ว
และ Kuznechik ได้ถ่มน้ำลายรดบนพื้นที่นี่
สัญรูปอาการดูถูกเกลียดชังพวกนาซีเยอรมันนี
.
.
อาคาร Reichstag @Roman Lashkin/Flickr
.
.
.
แมวไม่ได้ทำหน้าที่ร่วมรบเหมือนม้า หมา อูฐ
พวกมันไม่ได้ต่อสู้กับพวกศัตรู/บรรทุกสินค้า
พวกมันไม่เคยปรากฏตัวขึ้นที่แนวหน้า
แต่พวกมันสำคัญในสงครามอย่างมาก
ในระหว่างที่พวกนาซีเยอรมันนีปิดล้อม
เมือง Leningrad เปลี่ยนเป็น St. Petersburg แล้ว
ชาวบ้านต่างต้องทนทุกข์ทรมาน
จากความหิวโหยอย่างแรง
จนต้องไล่ล่าจับแมวมากินจนหมดทั้งเมือง
แต่ส่งผลกระทบที่เลวร้ายทันที
เพราะไม่มีศัตรูกำจัดพวกหนู
ทำให้กองทัพหนูบุกเข้าไปในบ้านเรือน
และค้นหาที่หลบซ่อนเก็บอาหาร
พร้อมกับกัดกินอาหารที่ขาดแคลนอยู่แล้ว
จนเกือบหมดสิ้นทั้งเมือง
แม้ว่าจะมีการจัดตั้งหน่วยล่าหนู
ขึ้นภายในเมืองด้วยการไล่ยิงไล่ทุบตี
จนแม้กระทั่งกระหน่ำยิงด้วยรถถัง
แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก
รัสเซียชอบเล่นบทโหดหลายต่อหลายครั้ง
เช่น การยิงปืนใหญ่ใส่เป้าหมายศัตรู/พลซุ่มยิง
โดยไม่สนใจอาคารหรือผู้คนรอบข้าง
แม้ว่าจะมีการใช้ตัวประกันมาต่อรอง
ทำให้ได้รับฉายาว่า โหดสัตว์รัสเซีย
ในปี 1943
หลังการปิดล้อมเมืองนี้สิ้นสุดลง
มีกองเกวียนคาราวานจำนวนหนึ่ง
นำแมวจากไซบีเรียจำนวนกว่า 5,000 ตัว
ลำเลียงส่งเข้ามายังเมืองแห่งนี้
เพื่อมากำจัดหนู ก่อนการส่งเสบียงอาหาร
กองพลเหมียว
Meowing Division ที่ชาวบ้านเรียกกัน
ได้ทำยุทธการรบกับกองทัพหนู
อย่างรวดเร็วมาก ในการจัดการกับปัญหา
และช่วยให้ทั้งเมืองปลอดจาก
โรคที่ติดมากับพวกหนู
ทำให้พลเมืองนี้ได้สร้าง
อนุสาวรีย์ให้กับกองพลเหมียว
ยังพบเห็นได้ในทุกวันนี้ที่ St. Petersburg
.
.
.
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/YPs3vx
https://goo.gl/hsZqba
https://goo.gl/LJQPpe
.
.
.
.
.
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
ตอนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพญี่ปุ่นได้บุกยึด
และขอผ่านทางจากเมืองสงขลา
ในระหว่างนั้นได้ยึดจักรยานชาวบ้าน
/ส่วนราชการไปเป็นจำนวนหลายคัน
โดยทหารญี่ปุ่นรู้ด้วยว่ามีจักรยานที่ไหนบ้าง
เพราะมีจารชนญี่ปุ่นปลอมตัว
ทำธุรกิจฝังตัวอยู่ที่สงขลา
พอกองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกได้
ก็แต่งชุดนายทหารมากำกับการเลย
มีรายละเอียดส่วนหนี่งใน
บันทึกมาซาโอะ เซโตะ
บุตรชายสายลับญี่ปุ่น | เมืองสงขลา
กับคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อน
กองทัพทหารญี่ปุ่นใช้จักรยาน
ในการขนทหารและอาวุธ
เดินทางได้ไกลกว่าวันละ 100 กิโลเมตร
เพียง 7 วันก็ถึงสิงคโปร์
เริ่มตั้งแต่สงขลาลงไปตอนเหนือ
จังโหลน/ด่านนอก รัฐไทรบุรีมาเลย์
(จัง=ใบจัง หรือ ช้าง โหลน=หล่น
ตกลงมาหรือพลัดตกภูเขา
ร่องรอยจากภาษาคนสยามในมาเลย์)
ถ้าเป็นมอเตอร์เวย์มาเลย์
ตอนนี้ 772 กิโลเมตร https://bit.ly/2PG42vd
กองทัพญี่ปุ่นบางส่วนบุก
เข้ายึดเมืองปีนังจากอังกฤษ
โดยมีการยึดจักรยานจำนวนมาก
ในช่วงกองทัพญี่ปุ่น
เคลื่อนย้ายทัพลงไปตอนใต้มาเลย์
แทบจะไม่มีการปะทะจากทหารอังกฤษเลย
เพราะทหารอังกฤษส่วนใหญ่
หนีไปตั้งหลักที่สิงคโปร์จำนวนมาก
มีทั้งรอกองทัพมาหนุนกับรอหนีไปยัง
อินโดนีเซีย อินเดีย พม่า ออสเตรเลีย
เมื่อกองทัพญี่ปุ่นมีชัยชนะในสิงคโปร์แล้ว
จึงได้กวาดต้อนเชลยศึกมา
สร้างสะพานที่กาญจนบุรีในเวลาต่อมา
ด้วยการขนส่งเชลยศึก
มาทางเรือส่วนหนึ่ง ทางรถไฟอีกส่วนหนึ่ง
พวกเชลยศึกที่ตายระหว่างทางขนส่ง
ก็มีจำนวนมากเช่นกัน
ญี่ปุ่นมีการว่าจ้างคนงาน
อินโดนีเซีย พม่า มาเลย์ ไทย
ให้มาสร้างสะพานในครั้งนั้นด้วย
ที่ตายและฝังที่สุสานอนาถาก็มีจำนวนมาก
ไม่นานมานี้เพิ่งจะมีการรื้อฟื้น
และสืบหาร่องรอย
ที่ฝังศพญาติพี่น้องที่สูญหายไป
โดยมีญาติพี่น้องเดินทางมาจาก
มาเลย์/อินโดนีเซีย
มาทำพิธีรำลึก/สวดมนตร์อุทิศให้กับผู้ตาย
.
.
เส้นทางจักรยานมืออาชีพ/วัน
.
.
ศึกเดืยนเบียนฟู
สงครามครั้งสุดท้ายที่เวียตนามซัดกับฝรั่งเศส
เวียตนามใช้จักรยานในการขนส่งอาวุธ
ปืนใหญ่จะถูกถอดออกมาเป็นชิ้น ๆ
มีการใช้แรงงานคนบางส่วนขนส่ง
เมื่อถึงเป้าหมายก็นำมาประกอบปืนใหญ่
แล้วนัดวันยิงถล่มค่ายทหารฝรั่งเศส
จนทำให้ทหารฝรั่งเศสบาดเจ็บล้มตาย
และยอมจำนนในที่สุด
อนึ่ง ทางผ่านไปยังเดียนเบียนฟู
เป็นพื้นที่ไทดำส่วนหนึ่ง
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล กับ จิรนันท์ พิตรปรีชา
ก็เคยเดินผ่านเส้นทางนี้
มีเขียนไว้ในหนังสือ
อีกหนึ่งฟางฝัน บันทึกแรมทางของชีวิต
ทั้งคู่เจอเด็กชายไทดำ
เดินมาพบแล้วบอกว่า ฟานดีกิน (ฟานคือ เก้ง)
เพราะเสกสรรค์ยิงเก้งได้ตัวหนึ่ง
เตรียมจะนำมาทำเสบียงอาหาร
จักรยานชาวบ้านรุ่นโบราณ
มีตะแกรงหลังแข็งแรงมาก
ไว้ขนข้าวสาร/หมู/ยางแผ่น
หนัก 100 กิโลกรัมได้สบาย ๆ
.
.