"รอแสงตะวันส่องมาที่ฉัน EP3 หลานชาวนา"

หลานชาวนา
     ตายายจะตื่นตั้งแต่เช้าตรู่น่าจะประมาณตี 5 ได้ ตาจะออกไปนาข้าวที่อยู่ห่างจากบ้านไม่ไกลประมาณครึ่งกิโลเมตรเพื่อหาปลา หาผัก มาให้ยายทำอาหารเช้า ส่วนยายจะหุงข้าว และทำอาหารไว้ใส่บาตรด้วย พระจะเดินผ่านหน้าบ้านทุกวัน คนที่นี่จะกินข้าวเหนียวกันครับ ทุกบ้านจะหุงข้าวเหนียวแต่เช้าใส่หวดกับหม้อต้ม ใช้เตาถ่านนะครับ ฝืนก็หาเอง ตาจะเป็นคนหาไม้มาเผาทำถ่านไว้ใช้  ตาผมจะหาปลาเก่งมาก ผมจะได้กินอาหารจากธรรมชาติทุกวันเลย อร่อยมากๆครับ ทั้งปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอ ปลาซิว กุ้ง หอย ปู เป็นอาหารหลักเลยครับ กุ้ง หอย ปู ปลาวันที่หาได้เยอะ ก็มีคนมา-vซื้อด้วยนะครับมีรายได้เสริมอีกคุณตาของผม ส่วนพวกหมู เนื้อวัว จะได้กินกันเมื่อในหมูบ้านมีคนจัดงานในโอกาสพิเศษครับ ส่วนไข่ก็จะได้จากไก่ที่เลี้ยงไว้ไม่กี่ตัวครับ ได้กินเป็นบางวัน เนื้อไก่ก็จะได้กินนานๆทีเหมือนกันครับ เอาไก่ที่เลี้ยงเองนั้นแหละครับมาทำกินไม่ต้องซื้อ มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งเรื่องไก่ที่ผมจำได้ไม่ลืม ยายจับไก่มาให้ผม แล้วบอกให้ผมเอาไก่ไปปล่อย ผมก็เลยเอาไก่ไปปล่อยตามที่ยายบอก ผมเดินกลับมาหายาย ยายถามผมว่าไก่ไปไหนล่ะ ผมก็บอกยายว่าก็ปล่อยไปแล้วไง ก็ยายบอกให้เอาไปปล่อยเอง ยายหัวเราะขำผม ผมยืนงงยายขำอะไร มารู้ทีหลังว่าคำว่าเอาไปปล่อยของยายคือเอาไปปล่อยขึ้นสวรรค์ จะได้เอามาทำอาหารให้กิน พี่ป้าน้าอาผมก็ขำกันใหญ่เลย สงสัยไก่ตัวนั้นยังไม่ถึงฆาต เป็นบุญของมันที่ได้มาเจอผม ส่วนข้าวยายจะเอาข้าวเปลือกไปให้โรงสี สีข้าวสารออกมา โรงสีก็จะหักข้าวสารออกไปบางส่วนเป็นค่าบริการ ในหมู่บ้านจะมีโรงสีแห่งเดียว

    หลังจากกินข้าวแล้ว ตายายก็พาผมออกไปนาข้าว ทั้งสองท่านจะช่วยกันเตรียมเสบียงอาหาร น้ำดื่ม ไว้กินมื้อเที่ยง จากที่อยู่กันสองตายาย วันนี้ก็มีเสบียงเพิ่มสำหรับหลานชายตัวน้อยวัย 5 ขวบ ขึ้นรถม้า ออกเดินทางจากบ้านไปที่นาพร้อมกัน 3 คน กับหมาแสนรู้อีก 1 ตัว  ผมนั่งรถม้าครั้งแรก มันทำจากไม้ มันไม่ใช่รถม้าแบบที่ลำปางนะครับ เป็นที่นั่งเหมือนกระบะคล้ายเกวียน ตาเป็นคนบังคับม้านั่งอยู่ข้างหน้าหลังม้า ส่วนยายกับผมและหมานั่งตรงกระบะหลังพร้อมกับเสบียง ผมว่าเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่ดีมากๆในด้านการขนส่งเล็กๆ และประหยัดไม่ต้องใช้พลังงานน้ำมัน ซึ่งสมัยนี้หายากแล้วครับ ไม่กี่นาทีก็ถึงนาข้าวอันกว้างขวางในพื้นที่ 13 ไร่ของตายายผม ผมเตรียมตัวสนุกเต็มที่ครับวันนี้ เพราะที่นาติดกันก็เป็นของป้าผม และลูกหลานป้าก็มากันหมด สังคมที่นั้นดูอบอุ่น ผู้คนเป็นมิตร อากาศบริสุทธิ์ ทำให้ผมลืมกรุงเทพมหานครไปเลยครับ

    ที่นี่จะทำนาได้ปีละครั้งคือช่วงฤดูฝน มีอยู่กิจกรรมนึงผมว่ามันสนุกมากสำหรับเด็กเทพอย่างผม และก็สมัยนี้หาดูยากแล้วครับ การไถ่คาดโดยใช้ควาย ส่วนตัวผมเรียกว่าสกีบก เมื่อไถแปรเสร็จแล้ว ก็จะทำการไถคาดครับ ตาให้ผมไปยืนอยู่บนไม้คาด ให้ควายลากคาดกลับไปกลับมาหัวนาท้ายนา ตัวเราจะเหมือนลอยอยู่บนน้ำ สนุกสุดๆไปเลยครับ ใครไม่เคยต้องลองสักครั้งในชีวิตนะครับ วิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทย ผมว่าเป็นวิถีที่ดีที่สุดในโลกแล้วครับ เพิ่มการออกกำลังกาย รักษ์ธรรมชาติ ปลอดภัย ไร้มลพิษ ตาผมไถนาเสร็จ ก็พาควายไปพัก กินน้ำ กินหญ้า พาเข้าร่มหลบแดดร้อนๆตอนกลางวัน พักผ่อนตามอัธยาศัย ส่วนยายผมก็จะทำงานเบาๆ ดูแปลงผักเล็กๆของยาย ใส่ปุ๋ย ลดน้ำ พรวนดิน ให้อาหารปลาด้วยรำข้าว เก็บผักไปทำอาหารให้หมู อาหารหมูจะเป็นรำผสมกับผักขมแล้วต้มครับ ส่วนตายามว่างจากไถนาเสร็จก็จะหาปลา ใส่ไซดักปลาไว้ตามคันนาที่น้ำไหล และก็ใส่เบ็ด ส่วนผมก็จะเดินไปกับตาบ้าง เดินไปกับยายบ้าง ผมใช้ชีวิตทั้งวันอยู่กับตายายที่นาข้าวโดยไม่รู้สึกเบื่อได้ประสบการณ์ใหม่ๆมากมาย ช่วงพักเที่ยงเราสามคนนั่งกินข้าวที่เถียงนาน้อยที่ตาสร้างไว้ใต้ร่มต้นตาลใหญ่ ลมเย็นสบายทั้งวัน มองเห็นวิวทุ่งนาอันกว้างขว้าง สูดอากาศบริสุทธิ์ได้ฉ่ำปอด ไร้มลพิษ พอกินอิ่มก็หลับกลางวันอย่างมีความสุขสักตื่น

        ตื่นมายามบ่ายทำงานวนไปในนาข้าวแสนสุข อยากจะทำอะไรก็ทำ ชีวิตที่กำหนดเองได้ ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องตรอกบัตรเข้างาน วางแผนบริหารจัดการเอง ไม่ต้องแข่งขันกับใคร เหนื่อยก็หยุดพัก พอเย็นก็เตรียมตัวเก็บของขึ้นรถม้ากลับบ้าน รถก็ไม่ติดให้หงุดหงิดใจ ใช้เวลาเดินทางแค่ไม่ถึง 5 นาที ผมยังไม่ได้พูดถึงเจ้าหมาแสนรู้ของตาผมเลย มันไม่เคยอยู่ห่างตาผมเลย  ตาบอกให้หมอบมันก็หมอบ ตาบอกให้บินมันก็กระโดด มันน่ารักมาก ตาบอกให้จัดการ มันก็เห่าก็ไล่พวกเป็ด พวกนกที่ชอบลงไปกินเมล็ดพันธุ์ข้าวในนา นี่แหละชีวิตที่แสนสุขในนาข้าวของผมเมื่อ 30 ปีที่แล้ว...
(ถึงเวลาที่ผมจะต้องไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นแล้วสิ ติดตามตอนต่อไปชีวิตนักเรียนบ้านอกของผมพุธหน้าครับ...... )

moonstarใกล้จันทร์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่