🍸🍸~มาลาริน~ Oh My God! อีก 5 ปี กรุงเทพฯ จะเป็นมหานครระบบรางอันดับ 3 ของโลก!! อยากหัวเราะให้สะเทือนไปถึงดูไบเลยค่ะ 🤣


รู้ยัง! อีก 5 ปี กรุงเทพฯ จะเป็นมหานครระบบรางอันดับ 3 ของโลก!!




รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน รู้ยัง! อีก 5 ปี กรุงเทพฯ จะเป็นมหานครระบบรางอันดับ 3 ของโลก!! ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2561 


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ปัญหาการจราจรติดขัดได้อยู่คู่กับชาวกรุงเทพฯมานานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนกรุงฯไปแล้ว หลายรัฐบาลที่ผ่านมาก็พยายามแก้ไขกันอย่างเต็มที่ จนในที่สุดระบบการขนส่งด้วยระบบรางจึงเข้ามาตอบโจทย์ต่อปัญหานี้ ทำให้คุณภาพชีวิตของคนเมืองหลวงดีขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง และขณะนี้ก็ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งก็ไม่นานเกินรอ นับจากนี้อีก 5 ปี ระบบรางทั้งหมดจะสามารถเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯกับชานเมืองเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้กรุงเทพฯกลายเป็นมหานครแห่งระบบรางที่จะพลิกโฉมการคมนาคมและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เฟื่องฟูไม่แพ้เมืองใหญ่ ๆ อื่น ๆ ในโลก และเชื่อหรือไม่ว่า หากโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ ก็จะทำให้กรุงเทพฯก้าวขึ้นแท่นของการเป็นเมืองที่มีโครงข่ายรถไฟฟ้ายาวเป็นอันดับ 3 ของโลกเลยทีเดียว จะเป็นรองก็เพียงเซี่ยงไฮ้ของจีนและกรุงโซลของเกาหลีใต้เท่านั้น!!

ด้านดร.รัฐภูมิ ปริชาตปรีชา ประธานวิศวกรรมระบบราง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เห็นว่าที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมก็ได้เร่งพัฒนาระบบรางเพื่อขยายโครงข่ายเส้นทางให้เชื่อมโยงครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยช่วง 4 ปีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อนุมัติโครงการระบบราง 13 โครงการ วงเงินรวม 916,779 ล้านบาทวางเป้าหมายภายในปี 2566 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า จะพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าตามแผนแม่บทระยะที่ 1 ให้สำเร็จ ซึ่งจะส่งผลให้มีเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีความยาวรวมกันถึง 464 กิโลเมตร ขึ้นแท่นเป็นเมืองที่มีโครงข่ายรถไฟฟ้ายาวเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเซี่ยงไฮ้ ที่มีเส้นทางยาวอันดับ 1 คือ 588 กิโลเมตร และกรุงโซล ที่มีเส้นทางยาวเป็นอันดับ 2 คือ 508 กิโลเมตร 

มีการคาดกันว่าในปี 2566 เมื่อเปิดให้บริการรถไฟฟ้าครบทุกเส้นทาง ประชาชนจะหันมาใช้บริการระบบรางมากขึ้น สัดส่วนผู้ใช้รถไฟฟ้าจะเพิ่มจากปัจจุบันประมาณ 1 ล้านคน/วัน เป็น 5 ล้านคน/วัน ซึ่งจะช่วยให้ปัญหาการจราจรแออัดลดลง ปัญหามลพิษทางอากาศก็จะลดลงตามไปด้วย คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่เกิดตามมาก็คือประชาชนจะต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับภาระมากเกินไป

ตัวอย่างหนึ่งที่จะพลิกโฉมกรุงเทพฯในอีก 5 ปีข้างหน้าก็คือที่ “สถานีกลางบางซื่อ” จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางด้วยระบบรางยุคใหม่ ที่เชื่อมต่อการเดินทางได้กับรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง เชื่อมโยงการเดินทางจากในกรุงเทพฯ ไปต่างจังหวัด รวมถึงโครงข่ายกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย พร้อมกับจะมีการพัฒนาพื้นที่โดยรอบเป็น Smart City ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่ รวมถึงพัฒนาพื้นที่มักกะสัน ขนาด 150 ไร่ ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางการเชื่อมโยงการเดินทางไปยังระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ รวมถึงเชื่อมโยงการเดินทางไปยังเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกด้วย 

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อน่ากังวลอยู่ว่า ระบบรางที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีหน่วยงานที่จะรับผิดชอบการดำเนินโครงการ ดูแลการเดินรถ การซ่อมแซมระบบราง และการพัฒนาพื้นที่รอบโครงการโดยตรง ดังนั้นรัฐบาล ควรต้องรีบจัดตั้ง “กรมราง” ขึ้นมาดูแลรับผิดชอบภารกิจนี้ และควรจัดสรรงบประมาณมาใช้ในการก่อสร้างและซ่อมแซมระบบราง แทนที่จะให้เอกชนแบกรับภาระฝ่ายเดียว เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะส่งผลให้ค่าโดยสารมีอัตราที่สูงเกินไป ซึ่งจะทำให้ประชาชนที่ใช้บริการเดือดร้อน และงบประมาณตรงนี้ ก็ควรมาจากการเก็บภาษีจากเจ้าของที่ดินและเจ้าของอาคารที่ได้รับประโยชน์จากมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้า ที่คาดว่าจะทำให้ราคาที่ดินโดยรอบเพิ่มขึ้นถึง 5-10 เท่าตัว ซึ่งส่วนใหญ่โครงการเหล่านี้มักเข้าไปกว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรในการทำธุรกิจ จึงควรแบ่งสรรรายได้ส่วนหนึ่งจ่ายเป็นภาษีเพื่อรัฐจะได้นำไปใช้ในเพื่อการพัฒนาต่อไป ก็จะ win-win กันทุกฝ่าย

https://mgronline.com/news1/detail/9610000118826



อีก 5 ปี กรุงเทพฯ จะก้าวสู่มหานครระบบราง




ปี 2566 เป็นเป้าหมายแห่งความสำเร็จของกระทรวงคมนาคม ในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าตามแผนแม่บทระยะที่ 1 (M-Map1) ซึ่งจะทำให้มีเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยาวรวมกันเป็น 464 กิโลเมตร ขึ้นแท่นเป็นเมืองที่มีโครงข่ายรถไฟฟ้ายาวเป็นอันดับ 3 ของโลก ถือเป็นการพลิกโฉมการเดินทางและเปลี่ยนเมืองกรุงเทพฯ เป็นมหานครระบบรางอย่างเต็มรูปแบบ 

4 ปีลงทุนโครงข่ายระบบรางกว่า 9 แสนล้านบาท   
ทั้งนี้เป็นผลจากการเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม โดยมีโครงการสำคัญที่กระทรวงคมนาคมเร่งผลักดันจนได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลปัจจุบัน (นับตั้งแต่ปี 2558-2561) ทั้งทางราง ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมกัน 21 โครงการวงเงินรวม 1,099,677  ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการในส่วนของระบบราง 13 โครงการ วงเงินรวม 916,779 ล้านบาท 

จากการเร่งรัดข้างต้น ทำให้การจัดอันดับคุณภาพโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย โดย International Institute for Management Development (IMD) จัดอันดับให้ไทยมีอันดับคุณภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานดีขึ้นจากปี 2558 ได้แก่ โครงข่ายทางถนนปรับดีขึ้น 21 อันดับ  การขนส่งทางอากาศปรับดีขึ้น 1 อันดับ คุณภาพการขนส่งทางอากาศปรับดีขึ้น 3 อันดับ และโครงข่ายทางรางปรับดีขึ้น 1 อันดับ 

เร่งอีก 4 โครงการเสนอ ครม. อนุมัติ
และเพื่อให้โครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ครอบคลุมตามแผนแม่บทกระทรวงคมนาคมมีโครงการจะผลักดันให้ ครม. อนุมัติในรัฐบาลนี้อีก 4 โครงการ วงเงินรวม 144,700 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์) โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน-ศาลายา และช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช โดยคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้เร่งรัดการดำเนินงานในช่วงระยะเวลาที่เหลืออีก 7-8 เดือนก่อนการเลือกตั้งให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย




ส่วนโครงการที่กำลังก่อสร้างก็มีความรุดหน้าไปมาก ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต สายสีเขียวเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต สายสีส้มศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี รวมถึงสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง และ สายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ แบริ่ง-สมุทรปราการ ที่เข้าสู่ขบวนการทดสอบระบบอาณัติ สัญญาณแล้วนั้น ทางบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ผู้รับจ้างเดินรถ ยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2561 ได้ตามสัญญาจ้างเดินรถ ไม่ว่าภาครัฐจะตกลงกันในเรื่องของการโอนสิทธิความเป็นเจ้าของโครงการได้หรือไม่ก็ตาม ขณะที่สายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ พร้อมที่จะเปิดให้บริการภายในปี 2562




http://www.bltbangkok.com/CoverStory/อีก5ปีกรุงเทพฯจะก้าวสู่มหานครระบบราง


Oh My God!!!   เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจากรัฐบาลลุงตู่  

อยากหัวเราะให้สะเทือนไปถึงดูไบเลยค่ะ...เพี้ยนขำหนักมากเพี้ยนขำหนักมากเพี้ยนขำหนักมากเพี้ยนขำหนักมาก


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่