ปกิณกะธรรม เรื่อง มิตรที่โง่เขลา

เรื่องที่ ๑
ในอดีต ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี ครั้งนั้นที่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ในแคว้นกาสี มีพวกช่างไม้อาศัยอยู่มากด้วยกัน.
ช่างไม้หัวล้านคนหนึ่ง ในหมู่ช่างไม้เหล่านั้น กำลังตากไม้ ขณะนั้นมียุงตัวหนึ่ง บินมาจับที่ศีรษะ ซึ่งคล้ายกับกระโหลกทองแดงคว่ำ แล้วกัดศีรษะด้วยจะงอยปาก เหมือนกับทิ่มแทงด้วยหอก. ช่างไม้จึงบอกลูกของตน ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ว่าไอ้หนู ยุงมันกัดศีรษะพ่อ เจ็บเหมือนถูกแทงด้วยหอก จงฆ่ามันเสีย.
ลูกพูดว่า พ่อจงอยู่นิ่ง ๆ ฉันจะฆ่ามัน ด้วยการตบครั้งเดียวเท่านั้น.
ครั้งนั้น พ่อค้าคนหนึ่ง กำลังเที่ยวแสวงหาสินค้าของตนอยู่ ลุถึงบ้านนั้น นั่งพักอยู่ในโรงของช่างไม้นั้นเป็น เวลาเดียวกันกับที่ช่างไม้นั้น บอกลูกว่า ไอ้หนู ไล่ยุงนี้ที
ลูกขานรับว่า จ๊ะพ่อ ฉันจะไล่มัน พูดพลางก็เงื้อขวานเล่มใหญ่คมกริบ ยืนอยู่ข้างหลังพ่อ ฟันลงมาเต็มที่ ด้วยคิดว่าจักฆ่ายุง เลยผ่าสมองของบิดาเสียสองซีก.
ช่างไม้ถึงความตายในที่นั้นเอง.
พ่อค้านั้นเห็นการกระทำของลูกช่างไม้แล้ว ได้คิดว่าถึงมีศัตรูที่เป็นบัณฑิตก็ยังดีกว่า เพราะเขายังเกรงอาญาแผ่นดิน ไม่ถึงกับฆ่ามนุษย์ได้ แต่มีมิตรโง่เขลาเช่นนี้ จะดีอะไร
เรื่องที่ ๒
เศรษฐีคนหนึ่งมีทาสี ชื่อว่าโรหิณี.
วันหนึ่ง มารดาของนางทาสีซึ่งเป็นหญิงแก่ มานอนอยู่ในโรงกระเดื่อง.
ฝูงแมลงวันรุมกันตอมมารดาของนางโรหิณีนั้นกัดเจ็บเหมือนกับแทงด้วยเข็ม นางจึงบอกกับลูกสาวว่า แม่หนูแมลงวันรุมกัดแม่ เจ้าจงไล่มันไป
นางรับคำว่า จ๊ะแม่ ฉันจะไล่มัน เงื้อสาก คิดในใจว่า เราจักตีแมลงวันที่รุมตอมตัวของแม่ให้ตาย ให้ถึงความพินาศ แล้วก็เหวี่ยงสากตำข้าว ถูกมารดา ตายคาที่.
ครั้นเห็นมารดาตาย ก็ร้องไห้คร่ำครวญว่า แม่ของเราตายเสียแล้ว ๆ
เศรษฐีฟังเรื่องนั้นแล้ว ดำริว่า ถึงแม้จะเป็นศัตรูก็ขอให้เป็นบัณฑิตเถิดประเสริฐแน่ แล้วกล่าวเป็นคาถาประพันธ์ว่า
ศัตรูเป็นคนมีปัญญา ดีกว่าคนผู้
อนุเคราะห์ แต่เป็นคนโง่ ไม่ประเสริฐเลย จงดู
นางโรหิณีผู้โง่เขลา ฆ่าแม่ตายแล้ว ร้องไห้อยู่เถิด

จบเรื่อง มิตรโง่เขลา
Cr. ขุนพลไร้เงา
พบกันใหม่โอกาสหน้า
ปกิณกะธรรม เรื่อง มิตรที่โง่เขลา
ในอดีต ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี ครั้งนั้นที่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ในแคว้นกาสี มีพวกช่างไม้อาศัยอยู่มากด้วยกัน.
ช่างไม้หัวล้านคนหนึ่ง ในหมู่ช่างไม้เหล่านั้น กำลังตากไม้ ขณะนั้นมียุงตัวหนึ่ง บินมาจับที่ศีรษะ ซึ่งคล้ายกับกระโหลกทองแดงคว่ำ แล้วกัดศีรษะด้วยจะงอยปาก เหมือนกับทิ่มแทงด้วยหอก. ช่างไม้จึงบอกลูกของตน ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ว่าไอ้หนู ยุงมันกัดศีรษะพ่อ เจ็บเหมือนถูกแทงด้วยหอก จงฆ่ามันเสีย.
ลูกพูดว่า พ่อจงอยู่นิ่ง ๆ ฉันจะฆ่ามัน ด้วยการตบครั้งเดียวเท่านั้น.
ครั้งนั้น พ่อค้าคนหนึ่ง กำลังเที่ยวแสวงหาสินค้าของตนอยู่ ลุถึงบ้านนั้น นั่งพักอยู่ในโรงของช่างไม้นั้นเป็น เวลาเดียวกันกับที่ช่างไม้นั้น บอกลูกว่า ไอ้หนู ไล่ยุงนี้ที
ลูกขานรับว่า จ๊ะพ่อ ฉันจะไล่มัน พูดพลางก็เงื้อขวานเล่มใหญ่คมกริบ ยืนอยู่ข้างหลังพ่อ ฟันลงมาเต็มที่ ด้วยคิดว่าจักฆ่ายุง เลยผ่าสมองของบิดาเสียสองซีก.
ช่างไม้ถึงความตายในที่นั้นเอง.
พ่อค้านั้นเห็นการกระทำของลูกช่างไม้แล้ว ได้คิดว่าถึงมีศัตรูที่เป็นบัณฑิตก็ยังดีกว่า เพราะเขายังเกรงอาญาแผ่นดิน ไม่ถึงกับฆ่ามนุษย์ได้ แต่มีมิตรโง่เขลาเช่นนี้ จะดีอะไร
เรื่องที่ ๒
เศรษฐีคนหนึ่งมีทาสี ชื่อว่าโรหิณี.
วันหนึ่ง มารดาของนางทาสีซึ่งเป็นหญิงแก่ มานอนอยู่ในโรงกระเดื่อง.
ฝูงแมลงวันรุมกันตอมมารดาของนางโรหิณีนั้นกัดเจ็บเหมือนกับแทงด้วยเข็ม นางจึงบอกกับลูกสาวว่า แม่หนูแมลงวันรุมกัดแม่ เจ้าจงไล่มันไป
นางรับคำว่า จ๊ะแม่ ฉันจะไล่มัน เงื้อสาก คิดในใจว่า เราจักตีแมลงวันที่รุมตอมตัวของแม่ให้ตาย ให้ถึงความพินาศ แล้วก็เหวี่ยงสากตำข้าว ถูกมารดา ตายคาที่.
ครั้นเห็นมารดาตาย ก็ร้องไห้คร่ำครวญว่า แม่ของเราตายเสียแล้ว ๆ
เศรษฐีฟังเรื่องนั้นแล้ว ดำริว่า ถึงแม้จะเป็นศัตรูก็ขอให้เป็นบัณฑิตเถิดประเสริฐแน่ แล้วกล่าวเป็นคาถาประพันธ์ว่า
ศัตรูเป็นคนมีปัญญา ดีกว่าคนผู้
อนุเคราะห์ แต่เป็นคนโง่ ไม่ประเสริฐเลย จงดู
นางโรหิณีผู้โง่เขลา ฆ่าแม่ตายแล้ว ร้องไห้อยู่เถิด
Cr. ขุนพลไร้เงา
พบกันใหม่โอกาสหน้า