รีวิว เมื่อห้าวไปสมัครวิ่ง Half Marathon ครั้งแรก

ผมเคยอ่านเจอในหนังสือว่า การวิ่งคือการพัฒนาตัวเองในเรื่องจิตใจอย่างหนึ่ง ก็คือ
เมื่อเราวิ่งไปถึงจุดที่ร่างกายไม่ไหวแล้ว เราต้องใช้แรงใจในการวิ่งเพื่อจุดหมาย


ผมเลยอยากลองลงงานวิ่งดูครับ เลยมองวิ่ง half marathon ไว้ จะไปลงวิ่ง full marathon ก็กลัวจะห้าวไป สำหรับ mini marathon ก็เคยผ่านงานวิ่งมา 3 ครั้งแล้ว เลยขอครึ่งทางล่ะกัน

ผมเลยสมัครงาน Bangkok Marathon 2018 โดยลงรายการ Half Marathon ไว้

ผมอายุ 28 ขวบ น้ำหนัก 47-50 ส่วนสูง 160 ครับ และโดยปกติ ผมออกกำลังกายเป็นประจำ และจะพยายามวิ่งเกือบทุกเช้า ถ้ามีโอกาส ทำไมนั่นหรอ เพราะผมซื้อ Garmin FR935 มาแพง ต้องใช้ให้คุ้ม 555
โดยผมจะวิ่งแบบเบาๆ ประมาณ 30 - 45 นาที ใน pace 8 ตีเป็น Zone 2


แต่เมื่อผมห้าวไปลง half marathon แล้ววว ผมเลยต้องปรับการวิ่งใหม่ คือลองวิ่ง 10 km. ซึ่งผมมีโอกาสได้ซ้อมวิ่ง 10 km 3 ครั้ง

1. 10.03 km  time 58.38  Pace 5.51
2. 10.02 km  time 55.54  Pace 5.35
3. 10.02 km  time 54.29  Pace 5.26


ซึ่งงานวิ่ง จัดวันที่ 18 พย 2018 โดย halt marathon จะ start เวลา 02.00 และ cut off เวลา 05.00 ครับ

แต่มีสิ่งที่ไม่คาดหวังเกิดขึ้นนน คือผมทำงานเข้ากะ แล้ววันที่ 18 ผมหยุดพอดีครับ แต่ประเด็นผมพึ่งมาทราบทีหลังว่า ผมต้องเข้ากะเช้าแทนพี่อีกท่าน ผมเลยต้องวิ่งเสร็จ แล้วทำงานต่อ ผมเลยวางแผนว่า จะวิ่งให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง คือวิ่งเสร็จเวลา 04.00 เพื่อที่จะทัน เตรียมตัวไปทำงานต่อ T T เศร้า...

วันที่ 17 พย 2018
เป็นวันที่ผมหยุดงาน ผมเลยคิดว่าจะนอนให้พอ เพื่อทดแทน แต่ผมนอนยังไงก็ไม่หลับ สุดท้ายไม่ได้นอน ผมเลยตัดสินใจแว๊นไปงานตอนเวลา 22.30 สำหรับสิ่งที่ผมเตรียมไปวิ่ง คือ



เนื่องจากนี่เป็นการสมัครงานวิ่ง ที่เป็นงานใหญ่ระดับประเทศ สิ่งแรกเมื่อเข้าไปในงานคือ หายที่จอดรถยากมากกกกกกก แต่สุดท้ายก็ได้ที่จอด และได้เข้างานโดยผ่านจุด check point ก่อน ซึ่งผมไปก่อนเวลาวิ่งหลายชั่วโมง ผมเลยเดินเล่นรอบๆงาน สิ่งที่สั่งเกตเห็นคือ มีชาวต่างชาติมาเข้าร่วมเยอะพอสมควร แต่ละคนก็พร้อม มีการ warm up ชุด gadget ที่พร้อม และแพงมากก

ภายในงานก็มี บูทผู้สนับสนุนต่างๆ ให้ใช้สินค้า อย่างเช่น น้ำมันมวย แผ่นแปะกันปวด และมีให้ทดลงใช้มากมาย




วันที่ 18 พย 2018
เวลา 00.00 ถึงเวลาปล่อยตัว full marathon 42 km

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


หลังจะนั้นผมมีเวลา 2 ชั่วโมง ในการเตรียมตัวก่อนวิ่ง Half marathon ผมเลยทำการ warm up ชลอมน้ำมันมวยให้ทั่วขา พร้อมทั้งหาซื้อ energy drink มาดื่มเพื่อเพิ่มพลัง แต่ในระหว่างนั้น ผมปวด 4 บ่อยมาก ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน ไม่รู้ว่าเกิดจากความตื่นเต้นหรือป่าว  

เมื่อเวลาใกล้เข้ามาถึง 02.00 ผมก็เข้าไปที่จุด start point โดยอยู่หน้าสุดเลยครับ ผมเตรียมเปิดหูฟัง พร้อมกับกด mode วิ่งใน Garmin ให้พร้อม หายใจเข้าลึกๆ  
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สิ่งที่ผมโชคดีคือ ผมได้ร่วมวิ่งกับแฟนพี่ตูน พี่ก้อยยยยย น่ารัก ขาสวยมากกกกก กรรม ไม่เกี่ยวล่ะ ^ ^



- เริ่ม start เป่านกหวีด ปรี๊ดดดดดดดดดด
ทุกๆคน รวมทั้งผม ออกจากจุด start พุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว  Pace ประมาณ 3.5 - 4 โดยไม่คำนึงถึงแรงในอนาคต ผมก็บ้าจี้ไปกับเค้าด้วย ผมวิ่งไปได้ระยะ 1 km ผมเริ่มได้สติ ก็เริ่มผ่อนแรง ตามเป้าหมายของเรา

ระยะ 2 - 5 km ก็ยังพอรับได้ เพราะอยู่ในระยะที่ซ้อมไว้ครับ แต่ที่น่าตกใจคือ ผมเห็นชาวต่างชาติ ผิวสี ระยะ 42 km วิ่งสวนพวกผมที่พึ่งออกวิ่งไปแล้ว โหดมากกกกกก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ระยะ 5 - 7 km แรงเริ่มแผ่วครับ หายใจเริ่มแรง แต่ก็ยังรักษาระดับ pace ไม่เกิน 5.15 และในระยะนี้นี่เอง ไอหูฟังคู้ใจผมดันดับ ไม่เล่นเพลง แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะหยุดเพื่อดูอาการหูฟัง ก็ใส่วิ่งไปแบบนั้นจนจบ เพราะผมตั้งใจว่า จะไม่หยุดวิ่งจนกว่าจะวิ่งเสร็จ

ระยะ 5 - 10 km เริ่มปรับตัวได้ วิ่งได้เรื่อยๆครับ ก็มีเวลาดื้มน้ำ ตามจุด ที่ทุกระยะ 2 km

ระยะ 10 - 12 km ในใจ ครึ่งทางละ อีกนิดเดียว ร่างกายยังไหว คนรอบข้างก็เริ่มแซง เริ่มเบียดบ้าง ชนบางตามจุด

ระยะ 12 - 15 km ยังรักษาระดับ pace 5.30 ไว้ได้ แต่ปากเริ่มแห้ง ขนาดกินน้ำตลอดจุดนะครับ

ระยะ 15 - 17 km ต้องยอมรับเลยว่า เป็นระยะวัดใจจริงๆ ผมไม่เคยวิ่งมาไกลขนาดนี้ แรงผมหมดจริงๆ ตอนนี้ผมเริ่มใช้แรงใจละ พยายามคิดบวกไว้ตลอดว่า เออ อีกนิดเดียว หลับหูหลับตาวิ่งไปเหอะ ก็ยังรักษาระดับ  pace 5.45 แต่ระยะนี้ เริ่มรู้สึกถึงอาการตะคิว เมื่อขาผมเริ่มเกร็ง ผมก็จะเริ่มแผ่วความเร็วลง แล้วก็วิ่งต่อ

ระยะ 17 - 20 km ไม่ไหวละ ทำไมตูต้องมาทรมารตัวเอง บลาๆ ความคิดลบเข้ามาหมดเลยนะครับ แต่สุดท้ายก็ตัดความคิดตรงนั้นไปได้ keep running ต่อไป ขาเริ่มชา มือเริ่มชา ปากรื่มแห้ง keep ระยะ pace ไม่เกิด 6

ระยะ 20 - 21.1 km ตอนนี้ อีก 2 km สุดท้าย ครั้นแรงกาย และแรงใจสุดท้ายออกมาให้หมด มองเป้าหมาย จุดหมายเป็นหลัก คิดถึงเป้าหมาย และผลลัพธ์หลังจากเข้าเส้นชัยไว้ วิ่งแบบไร้วิญญาณ ช่างกล้องก็ถ่ายไป หน้าหมดก็ เห้มาก 55555555555

Finally สุดท้ายผมก็เข้าเส้นชัย ความรู้สึกแรกเลย ตูทำสำเร็จแล้วววเว่ยยยย ขาไม่มีแรงก้าวต่อ เกือบจะลงไปนั่งกับพื้นตรงนั้น แต่ต้องเดินต่อไปเพื่อไปรับเหรียญรางวัล นั่งพัก cool down warm down รับชุดอาหาร ถ่ายรูปซักหน่อย

แชะรูปสักหน่อย หลังเข้าเส้นชัย




นี่คือผลระยะการวิ่งของผมในแต่ละ km.



แล้วก็รีบแว๊นกลับบ้านเพื่อไปเตรียมตัวทำงานต่อ เศร้า T T

ดูเวลา กลัวไปทำงานไม่ทัน 5555555555


จากการวิ่ง Half Marathon 21.1 km ครั้งแรก
แรงกายก็ส่วนหนึ่ง ซึ่งมาจากการฝึกซ้อม ถึงซ้อมยังไงก็ไม่พร้อม และไม่พอ แต่ที่สำคัญที่สุดคือแรงใจ และเป้าหมายของเราต้องชัดเจน ซึ่งในระยะท้ายๆผมใช้แรงใจล้วนๆ แล้วคิดถึงผลลัพธ์หลังจากเข้าเส้นชัยอย่างเดียว เลยทำให้สามารถวิ่งต่อไปได้
" ไม่มีคำว่าพร้อมสำหรับความสำเร็จ แค่เราลงมือทำ ตามเป้าหมาย ความพร้อมและความสำเร็จก็จะมาหาเราเอง "


ขอบคุณสำหรับการรับฟังและรับชมนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  กรีฑา มาราธอน วิ่ง วิ่งเพื่อสุขภาพ สุขภาพจิต
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่