ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องที่ ๑
https://pantip.com/topic/38229130
เรื่องที่ ๒
https://pantip.com/topic/38235931
เรื่องที่ ๓
https://pantip.com/topic/38257303
( บันทึกจากความทรงจำ )
........เที่ยวงาน
นานแล้วที่ผมไม่เคยพาลูกสาวไปไหน บ่อยครั้งที่ชวนแล้วแกไม่ค่อยไป ก็เลยทิ้งช่วงจนถึงปลายปี มีงานกาชาดที่ศาลากลาง วันนั้นเลิกงาน เร็วหน่อย เลยชวนมีนาไปเดินงานกัน คราวนี้ไปแฮะ ไปก็ไปหกโมงกว่า ๆ พากัน ออกจากบ้าน ศาลากลางไม่ไกลจากบ้านมาก ขี่รถไปเรื่อย ๆ
ไม่เกินยี่สิบนาทีก็ถึง เอารถฝากไว้ใกล้ ๆ ทางเข้าแล้วก็พากันเดินดูนู่นดูนี่กันไป เห็นร้านเสื้อผ้าเด็กน่ารัก ๆ ก็ชวนมีนาแวะดู จับตัวโน้นก็ร้อยกว่า ตัวนี้ก็ร้อยกว่า ผมคำนวณเงิน ในกระเป๋ามีอยู่ห้าร้อยหน่อย ๆ กำลังคิดว่าจะเอาตัวไหนหันมาชวนให้มีนาเลือก แกก็จับมือเขย่า ๆ เบา ๆ แล้วจูงผมออกจากร้านเดินไปข้างหน้าต่อ
ร้านขายเสื้อผ้า ร้านของใช้เรียงยาวไปตลอดแนว แว่นตา นาฬิกา หมวก เสื้อกันหนาว ของในร้านสีสันตัดกันฉูดฉาดน่ามอง ไม่อยากซื้อแต่ก็ยังอดหันไปดูไม่ได้ มีนาแวะร้าน กิ๊ฟช็อปมีของเด็กผู้หญิงเต็มร้านสีหวาน ๆ ลานตาไปหมด เราเป็นผู้ชายเห็นแล้วยังมองเพลินเลย มีนาจับกำไลข้อมือสีส้มสวมแขนสามอันแล้วทำเขย่า ๆข้อมือ เสียงดัง กรุ๊กกริ๊ก ๆ ยิ้มแล้วก็ถอดออกวางไว้ที่เก่า เดินไปที่หมวกไหมพรมสีชมพูสวมหัว
แล้วขยับซ้ายขยับขวามองเอียงคอ ในกระจกที่แขวนไว้ หยิบแว่นตาอันโตสีแดงรูปหัวใจใส่แล้วก็มอง เล่นในกระจก ผมมองตาม ดูว่าถ้าลูกอยากได้อันไหนก็เตรียมจ่ายตัง จับนู่นจับนี่เล่น สักพักก็วางไว้แล้วจูงมือผมเดินออกมา นึกถึงตอนนี้ถ้าอยู่บ้าน ป่านนี้รอบ ๆ ก็มืดแล้ว แถวนั้นมีบ้านอยู่สามสี่หลัง บ้านที่ผมอาศัยอยู่แม่เพื่อนทิ้งร้างไว้ อยู่ในสุด มีป่าบอนล้อมรอบ บ้านชั้นเดียวมีสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ยังสร้างไม่เสร็จ
ดีปล่อยทิ้งไว้ ฝ้ายังไม่มี มองขึ้นไปเห็นโครงหลังคากับแผ่นกระเบื้องชัด ประตู หน้าต่างเก่า แตก ร้าว เพราะขาดการดูแล ค่ำลงเสียงเขียด เสียงแมลงกลางคืน แข่งกันระงม นาน ๆ ทีปลาฮุบเหยื่อดังตู้ม สะดุ้งกันทั้งพ่อทั้งลูก มีนานั่งดูการ์ตูนเรื่องเดิม ซื้อแผ่นมานานแล้วห้าหกแผ่น
ถามเบื่อมั๊ยก็ส่ายหน้า เคยดูจากเน็ตแล้วมันสะดุด ๆ บางทีหยุดไปเป็นพักเลยเลิก กินข้าวกันไปดูไป สักพักก็พากันนอน ฟังเสียงเขียดมั่ง
หมาเห่า แว่ว ๆ มั่ง สักเดี๋ยวก็หลับกัน บรรยากาศในงานต่างจากที่บ้านเหมือนอยู่กันคนละโลก ที่นี่ แสงสีสว่าง ไสว ลานตาไปหมดไฟนีออนติดร้านค้าร้านนึงไม่น้อยกว่าสี่ห้าดวง ร้านก็เรียงต่อกันยาวไปจนสุดถนนแล้วต่อกันเข้าไปในสนาม ไฟเวทีการแสดง สีแดงสีเขียวสีเหลืองสลับกัน
ไปมา ชิงช้าสวรรค์สว่างเด่นแต่ไกลมองเห็นเหมือนลูกล้อวงกลมประดับไฟอันใหญ่ ม้าหมุนก็ไม่น้อยหน้าไฟกระพริบว๊อบแว๊บ ๆ เด็ก ๆ จับมือ
พ่อแม่ยืนรอกันเป็นกลุ่ม ตามทางเดินคนมากมาย ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เด็กเล็ก เด็กโตเดินสวนกันไปมาไม่หยุดแต่งตัวสวย ๆ น่ามองหันไปทางไหนก็มีแต่คนหิ้วถุงกระดาษ ถุงพลาสติกกันพะรุงพะรังบางคนถือถุงใส่ของมือนึง อีกมือถือของกินเดินไปกินไปปากคุยกับคนที่เดินมาด้วยไม่
หยุด เสียงเพลงทันสมัยมั่ง เพลงเก่ามั่งดังแซงกันไปแซงกันมา เสียงบอกรายการของที่ขายเป็นเสียงอัดไว้ดังแว่ว ๆสลับกับเสียงขายของเล่น
ดังอ้าว ๆ ๆ ไม่หยุด เด็กน้อยจะเอาของเล่นแม่ไม่ยอมนั่งชักดิ้นชักงอร้องลั่นไม่ยอมลุกเดินคนผ่านไปผ่านมาพากันเดินหลีก ชี้ให้เพื่อนดูหัวเราะ
กันคิกคักคิกคัก ควันขนมจากหอมอ่อน ๆ มาแต่ไกล มองเห็นขาวเป็นกลุ่มข้างหน้านู่น แม่ค้าตรงหน้ารวบลูกชิ้นได้เกือบสิบไม้จุ่มน้ำจิ้มยกขึ้นมาวางบนตะแกรงเสียงน้ำจิ้มหยดลงบนถ่านดัง แฉ่ ๆๆๆ ควันคลุ้งขึ้นมากลิ่นหอมกระจายเตะจมูก ผู้หญิงสองคนข้างหน้าหยุดเดินทันที
ยืนรอลูกชิ้นปิ้งจ้องมองนิ่งเหมือนโดนมนต์สะกด ยำปูม้าถัดไปคนมุงแน่นแม่ค้าตักเครื่องยำในถ้วยใส่กะละมังใบเล็กที่มีปูหั่น ๆ วางอยู่อย่างไว มะเขือเทศชิ้นเล็ก ๆ หอมใหญ่ซอย น้ำปลาสองช้อน น้ำมะนาว น้ำเชื่อม เงยหน้าถามนิดนึง ก้มตักพริกตำหยาบ ๆ ใส่แค่ปลายช้อนคน ๆๆๆๆ
เทใส่ถ้วยโฟมหยิบผักหั่นฝอยในตะกร้าข้าง ๆ ใส่เสร็จส่งให้ลูกค้า หยิบใบต่อมาตักใส่ ตักใส่ คน ๆๆ ยืนมองเพลินเลย ลุงใส่เสื้อแขนยาว
ใส่หมวกคาวบอยนั่งขายน้ำหวานใส่โหลแก้วเรียงกันห้าโหลบนรถเข็นคันเล็ก สีฟ้า สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีส้ม ติดไฟไว้ด้านหลังโหลแก้วมองเข้ามาเป็นแสงสีต่าง ๆสะท้อนกับก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่ส่องประกาย แวววาว เห็นแล้วหิวน้ำขึ้นมาทันที ร้านของดองนักเรียน สาว ๆ ยืนเป็นกลุ่ม มีกระท้อน มะม่วง พุทรา มะขามฝักใหญ่ ๆ บ๊วยหวานสีส้มเม็ดเบ้อเริ่ม ลูกท้อ มะดัน ใส่โหลแก้วไว้รอคนพากลับบ้าน มีชิ้นน้อย ๆ ใส่จาน
ใบเล็ก ๆไว้ให้ชิม คนที่ยืนอยู่หน้าสุดใช้ไม้แหลมจิ้มมะม่วงดองสีเหลืองแปร๊ดเข้าปากชิ้นนึงทำท่าเอามือรองคางสูดน้ำลายที่สอ ออกมา เพื่อน ๆ อดใจไม่ไหวจิ้มเข้าปากคนละชิ้นสองชิ้นก่อนบอกแม่ค้าเอาใส่ถุงให้คนละถุง ร้านของฝากมีกล่องสวยงามหลายขนาดวางเรียงแน่นร้านชวนมอง กล้วยตากแช่น้ำผึ้ง ทองม้วน ทองพับ โมจิ ข้าวตังหน้าหมูหยอง อะไรอีกมาก มองไม่ทั่ว แม่ค้าหน้าหวานยืนเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน เสียงแจ๋ว
น่าฟัง จำได้ไม่หมดรู้แต่ว่าราคา สามกล่องร้อย ผมเดินไปก็มองมีนาไป ดูว่าแกอยากได้อะไรมั่ง แกก็ไม่พูดอะไร เดินเข้าร้านนู้น ออกร้านนี้
ท่าทางร่าเริง ผมไม่เห็นลูกสาวมีความสุขอย่างนี้มานานแล้ว แต่แกก็ไม่เคยเศร้าซึม พอใจอะไรก็ยิ้มหน้าเฉย ๆ ไม่เหมือนวันนี้ แกจูงมือผมเดินไม่หยุด ผมก็จับมือแกไว้แน่น กลัวจะหลงกัน ถามว่าหิวอะไรมั๊ย แกก็ยิ้มส่ายหน้า อยากได้อะไรมั๊ยก็ไม่พูด เดินกันไปอย่างนั้น จนเริ่มดึก
พอควร จึงชวนกันกลับ เดินวนดูอะไรไปเรื่อย ๆ จนใกล้ถึงทางออก ผ่านรถเข็นขายน้ำหวานคันนึง ถามมีนากินน้ำอะไร แกบอกว่า “ หนูกินแก้วเดียวกับพ่อแหละ ” เลยซื้อน้ำส้มมาแก้วนึงยี่สิบบาท แบ่งกันกินเดินมาจนถึงที่รถจอดอยู่ ส่งบัตรให้คนรับฝากจ่ายตังเสร็จจูงรถออกพากันกลับ
บ้าน อากาศตอนสี่ทุ่มกว่า ๆ เย็นนิด ๆ ผมชวนมีนาคุยเรื่อย ๆ กลัวแกหลับ วันนี้ดึกกว่าทุกวัน ป่านนี้พ่อลูกยังไม่นอนกันเลย “ สนุกมั๊ยลูก ” ผม
ถามมีนา “ สนุก พ่อ ” แกตอบแล้วก็คุยไอ้ที่เราเดินดูมาด้วยกัน เล่าย้อนไปย้อนมาอย่างไม่รู้จักเบื่อ ผมก็ขี่รถไปเรื่อย ๆ ฟังไปด้วยเพลินดี จนเข้าเขตบ้าน แถวนั้นเข้านอนกันหมดแล้ว รอบข้างเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงมอเตอร์ไซค์ดังสะท้อนรั้วสังกะสีก้องมา ถึงบ้านเข็นรถเข้าเก็บปิดประตูผลัดกันอาบน้ำอย่างไว อากาศเย็นหน่อย ๆ บวกกับความง่วง ราดโครม ๆๆเสร็จ พากันเข้านอน รอบข้างมืดสนิท เสียงเขียดร้องห่าง ๆ ฟัง
วังเวง ตัวอะไรกระโดดน้ำดังตุ๋มแล้วเงียบไป ผมลืมตาในความมืด นึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของมีนา สรุปว่าวันนี้ เลยไม่ได้กินข้าวเย็นกันทั้งพ่อทั้งลูกแต่ก็ไม่รู้สึกหิวแฮะ “ สนุกมั๊ยลูก ” ถามลูกสาวอีกครั้ง “ สนุกพ่อ พรุ่งนี้เราไปอีกนะ ” เอ้า ไปก็ไป ปีละหนพาลูกสาวไปเที่ยวทำไมจะไม่ได้ แล้วคราวนี้มีนาชวนเองซะด้วย ต้องรีบหน่อยละครับ...........@@
ลุงแผน
๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
..............................
.......ขออภัยทุกท่านครับ เรื่องนี้ขยายขึ้นมานิดนึง ของเดิมสั้นจนไม่น่ามอง แต่เนื้อหา คงเดิมครับ ที่บันทึกไว้เหลือเรื่องหน้า อีกเรื่องเดียว ถ้าไม่เขียนเพิ่ม ดูอีกทีนะครับ ว่าจะเขียนเพิ่มจากความทรงจำหรือเปล่า ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตามให้กำลังใจมาตลอดนะครับ ขอบคุณครับ.........
......บันทึก.......พ่อเลี้ยงเดี่ยว.......เรื่องที่ ๔ ..........@@ โดย ลุงแผน
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
........เที่ยวงาน
นานแล้วที่ผมไม่เคยพาลูกสาวไปไหน บ่อยครั้งที่ชวนแล้วแกไม่ค่อยไป ก็เลยทิ้งช่วงจนถึงปลายปี มีงานกาชาดที่ศาลากลาง วันนั้นเลิกงาน เร็วหน่อย เลยชวนมีนาไปเดินงานกัน คราวนี้ไปแฮะ ไปก็ไปหกโมงกว่า ๆ พากัน ออกจากบ้าน ศาลากลางไม่ไกลจากบ้านมาก ขี่รถไปเรื่อย ๆ
ไม่เกินยี่สิบนาทีก็ถึง เอารถฝากไว้ใกล้ ๆ ทางเข้าแล้วก็พากันเดินดูนู่นดูนี่กันไป เห็นร้านเสื้อผ้าเด็กน่ารัก ๆ ก็ชวนมีนาแวะดู จับตัวโน้นก็ร้อยกว่า ตัวนี้ก็ร้อยกว่า ผมคำนวณเงิน ในกระเป๋ามีอยู่ห้าร้อยหน่อย ๆ กำลังคิดว่าจะเอาตัวไหนหันมาชวนให้มีนาเลือก แกก็จับมือเขย่า ๆ เบา ๆ แล้วจูงผมออกจากร้านเดินไปข้างหน้าต่อ
ร้านขายเสื้อผ้า ร้านของใช้เรียงยาวไปตลอดแนว แว่นตา นาฬิกา หมวก เสื้อกันหนาว ของในร้านสีสันตัดกันฉูดฉาดน่ามอง ไม่อยากซื้อแต่ก็ยังอดหันไปดูไม่ได้ มีนาแวะร้าน กิ๊ฟช็อปมีของเด็กผู้หญิงเต็มร้านสีหวาน ๆ ลานตาไปหมด เราเป็นผู้ชายเห็นแล้วยังมองเพลินเลย มีนาจับกำไลข้อมือสีส้มสวมแขนสามอันแล้วทำเขย่า ๆข้อมือ เสียงดัง กรุ๊กกริ๊ก ๆ ยิ้มแล้วก็ถอดออกวางไว้ที่เก่า เดินไปที่หมวกไหมพรมสีชมพูสวมหัว
แล้วขยับซ้ายขยับขวามองเอียงคอ ในกระจกที่แขวนไว้ หยิบแว่นตาอันโตสีแดงรูปหัวใจใส่แล้วก็มอง เล่นในกระจก ผมมองตาม ดูว่าถ้าลูกอยากได้อันไหนก็เตรียมจ่ายตัง จับนู่นจับนี่เล่น สักพักก็วางไว้แล้วจูงมือผมเดินออกมา นึกถึงตอนนี้ถ้าอยู่บ้าน ป่านนี้รอบ ๆ ก็มืดแล้ว แถวนั้นมีบ้านอยู่สามสี่หลัง บ้านที่ผมอาศัยอยู่แม่เพื่อนทิ้งร้างไว้ อยู่ในสุด มีป่าบอนล้อมรอบ บ้านชั้นเดียวมีสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ยังสร้างไม่เสร็จ
ดีปล่อยทิ้งไว้ ฝ้ายังไม่มี มองขึ้นไปเห็นโครงหลังคากับแผ่นกระเบื้องชัด ประตู หน้าต่างเก่า แตก ร้าว เพราะขาดการดูแล ค่ำลงเสียงเขียด เสียงแมลงกลางคืน แข่งกันระงม นาน ๆ ทีปลาฮุบเหยื่อดังตู้ม สะดุ้งกันทั้งพ่อทั้งลูก มีนานั่งดูการ์ตูนเรื่องเดิม ซื้อแผ่นมานานแล้วห้าหกแผ่น
ถามเบื่อมั๊ยก็ส่ายหน้า เคยดูจากเน็ตแล้วมันสะดุด ๆ บางทีหยุดไปเป็นพักเลยเลิก กินข้าวกันไปดูไป สักพักก็พากันนอน ฟังเสียงเขียดมั่ง
หมาเห่า แว่ว ๆ มั่ง สักเดี๋ยวก็หลับกัน บรรยากาศในงานต่างจากที่บ้านเหมือนอยู่กันคนละโลก ที่นี่ แสงสีสว่าง ไสว ลานตาไปหมดไฟนีออนติดร้านค้าร้านนึงไม่น้อยกว่าสี่ห้าดวง ร้านก็เรียงต่อกันยาวไปจนสุดถนนแล้วต่อกันเข้าไปในสนาม ไฟเวทีการแสดง สีแดงสีเขียวสีเหลืองสลับกัน
ไปมา ชิงช้าสวรรค์สว่างเด่นแต่ไกลมองเห็นเหมือนลูกล้อวงกลมประดับไฟอันใหญ่ ม้าหมุนก็ไม่น้อยหน้าไฟกระพริบว๊อบแว๊บ ๆ เด็ก ๆ จับมือ
พ่อแม่ยืนรอกันเป็นกลุ่ม ตามทางเดินคนมากมาย ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เด็กเล็ก เด็กโตเดินสวนกันไปมาไม่หยุดแต่งตัวสวย ๆ น่ามองหันไปทางไหนก็มีแต่คนหิ้วถุงกระดาษ ถุงพลาสติกกันพะรุงพะรังบางคนถือถุงใส่ของมือนึง อีกมือถือของกินเดินไปกินไปปากคุยกับคนที่เดินมาด้วยไม่
หยุด เสียงเพลงทันสมัยมั่ง เพลงเก่ามั่งดังแซงกันไปแซงกันมา เสียงบอกรายการของที่ขายเป็นเสียงอัดไว้ดังแว่ว ๆสลับกับเสียงขายของเล่น
ดังอ้าว ๆ ๆ ไม่หยุด เด็กน้อยจะเอาของเล่นแม่ไม่ยอมนั่งชักดิ้นชักงอร้องลั่นไม่ยอมลุกเดินคนผ่านไปผ่านมาพากันเดินหลีก ชี้ให้เพื่อนดูหัวเราะ
กันคิกคักคิกคัก ควันขนมจากหอมอ่อน ๆ มาแต่ไกล มองเห็นขาวเป็นกลุ่มข้างหน้านู่น แม่ค้าตรงหน้ารวบลูกชิ้นได้เกือบสิบไม้จุ่มน้ำจิ้มยกขึ้นมาวางบนตะแกรงเสียงน้ำจิ้มหยดลงบนถ่านดัง แฉ่ ๆๆๆ ควันคลุ้งขึ้นมากลิ่นหอมกระจายเตะจมูก ผู้หญิงสองคนข้างหน้าหยุดเดินทันที
ยืนรอลูกชิ้นปิ้งจ้องมองนิ่งเหมือนโดนมนต์สะกด ยำปูม้าถัดไปคนมุงแน่นแม่ค้าตักเครื่องยำในถ้วยใส่กะละมังใบเล็กที่มีปูหั่น ๆ วางอยู่อย่างไว มะเขือเทศชิ้นเล็ก ๆ หอมใหญ่ซอย น้ำปลาสองช้อน น้ำมะนาว น้ำเชื่อม เงยหน้าถามนิดนึง ก้มตักพริกตำหยาบ ๆ ใส่แค่ปลายช้อนคน ๆๆๆๆ
เทใส่ถ้วยโฟมหยิบผักหั่นฝอยในตะกร้าข้าง ๆ ใส่เสร็จส่งให้ลูกค้า หยิบใบต่อมาตักใส่ ตักใส่ คน ๆๆ ยืนมองเพลินเลย ลุงใส่เสื้อแขนยาว
ใส่หมวกคาวบอยนั่งขายน้ำหวานใส่โหลแก้วเรียงกันห้าโหลบนรถเข็นคันเล็ก สีฟ้า สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีส้ม ติดไฟไว้ด้านหลังโหลแก้วมองเข้ามาเป็นแสงสีต่าง ๆสะท้อนกับก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่ส่องประกาย แวววาว เห็นแล้วหิวน้ำขึ้นมาทันที ร้านของดองนักเรียน สาว ๆ ยืนเป็นกลุ่ม มีกระท้อน มะม่วง พุทรา มะขามฝักใหญ่ ๆ บ๊วยหวานสีส้มเม็ดเบ้อเริ่ม ลูกท้อ มะดัน ใส่โหลแก้วไว้รอคนพากลับบ้าน มีชิ้นน้อย ๆ ใส่จาน
ใบเล็ก ๆไว้ให้ชิม คนที่ยืนอยู่หน้าสุดใช้ไม้แหลมจิ้มมะม่วงดองสีเหลืองแปร๊ดเข้าปากชิ้นนึงทำท่าเอามือรองคางสูดน้ำลายที่สอ ออกมา เพื่อน ๆ อดใจไม่ไหวจิ้มเข้าปากคนละชิ้นสองชิ้นก่อนบอกแม่ค้าเอาใส่ถุงให้คนละถุง ร้านของฝากมีกล่องสวยงามหลายขนาดวางเรียงแน่นร้านชวนมอง กล้วยตากแช่น้ำผึ้ง ทองม้วน ทองพับ โมจิ ข้าวตังหน้าหมูหยอง อะไรอีกมาก มองไม่ทั่ว แม่ค้าหน้าหวานยืนเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน เสียงแจ๋ว
น่าฟัง จำได้ไม่หมดรู้แต่ว่าราคา สามกล่องร้อย ผมเดินไปก็มองมีนาไป ดูว่าแกอยากได้อะไรมั่ง แกก็ไม่พูดอะไร เดินเข้าร้านนู้น ออกร้านนี้
ท่าทางร่าเริง ผมไม่เห็นลูกสาวมีความสุขอย่างนี้มานานแล้ว แต่แกก็ไม่เคยเศร้าซึม พอใจอะไรก็ยิ้มหน้าเฉย ๆ ไม่เหมือนวันนี้ แกจูงมือผมเดินไม่หยุด ผมก็จับมือแกไว้แน่น กลัวจะหลงกัน ถามว่าหิวอะไรมั๊ย แกก็ยิ้มส่ายหน้า อยากได้อะไรมั๊ยก็ไม่พูด เดินกันไปอย่างนั้น จนเริ่มดึก
พอควร จึงชวนกันกลับ เดินวนดูอะไรไปเรื่อย ๆ จนใกล้ถึงทางออก ผ่านรถเข็นขายน้ำหวานคันนึง ถามมีนากินน้ำอะไร แกบอกว่า “ หนูกินแก้วเดียวกับพ่อแหละ ” เลยซื้อน้ำส้มมาแก้วนึงยี่สิบบาท แบ่งกันกินเดินมาจนถึงที่รถจอดอยู่ ส่งบัตรให้คนรับฝากจ่ายตังเสร็จจูงรถออกพากันกลับ
บ้าน อากาศตอนสี่ทุ่มกว่า ๆ เย็นนิด ๆ ผมชวนมีนาคุยเรื่อย ๆ กลัวแกหลับ วันนี้ดึกกว่าทุกวัน ป่านนี้พ่อลูกยังไม่นอนกันเลย “ สนุกมั๊ยลูก ” ผม
ถามมีนา “ สนุก พ่อ ” แกตอบแล้วก็คุยไอ้ที่เราเดินดูมาด้วยกัน เล่าย้อนไปย้อนมาอย่างไม่รู้จักเบื่อ ผมก็ขี่รถไปเรื่อย ๆ ฟังไปด้วยเพลินดี จนเข้าเขตบ้าน แถวนั้นเข้านอนกันหมดแล้ว รอบข้างเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงมอเตอร์ไซค์ดังสะท้อนรั้วสังกะสีก้องมา ถึงบ้านเข็นรถเข้าเก็บปิดประตูผลัดกันอาบน้ำอย่างไว อากาศเย็นหน่อย ๆ บวกกับความง่วง ราดโครม ๆๆเสร็จ พากันเข้านอน รอบข้างมืดสนิท เสียงเขียดร้องห่าง ๆ ฟัง
วังเวง ตัวอะไรกระโดดน้ำดังตุ๋มแล้วเงียบไป ผมลืมตาในความมืด นึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของมีนา สรุปว่าวันนี้ เลยไม่ได้กินข้าวเย็นกันทั้งพ่อทั้งลูกแต่ก็ไม่รู้สึกหิวแฮะ “ สนุกมั๊ยลูก ” ถามลูกสาวอีกครั้ง “ สนุกพ่อ พรุ่งนี้เราไปอีกนะ ” เอ้า ไปก็ไป ปีละหนพาลูกสาวไปเที่ยวทำไมจะไม่ได้ แล้วคราวนี้มีนาชวนเองซะด้วย ต้องรีบหน่อยละครับ...........@@
ลุงแผน
๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
.......ขออภัยทุกท่านครับ เรื่องนี้ขยายขึ้นมานิดนึง ของเดิมสั้นจนไม่น่ามอง แต่เนื้อหา คงเดิมครับ ที่บันทึกไว้เหลือเรื่องหน้า อีกเรื่องเดียว ถ้าไม่เขียนเพิ่ม ดูอีกทีนะครับ ว่าจะเขียนเพิ่มจากความทรงจำหรือเปล่า ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตามให้กำลังใจมาตลอดนะครับ ขอบคุณครับ.........