Car Voltage stabilizer ที่เรียกกล่องกรองไฟรถ ดีไหม อธิบายอย่างง่ายๆ ตอบให้ด้วย..ต้องอ่าน!

ผมมีเรื่องอยากเล่าเกี่ยวกับ Voltage stabilizer จนเป็น  Car Voltage stabilizer ถ้าสนใจ ต้องใช้วิจารณญานสักหน่อยและต้องอดทนอ่านจนจบเท่านั้น อย่าอ่านสั้นๆ แล้วไปจินตนาการเอาเองว่าอย่างนั้นอย่างนี้เด็ดขาด อ่านให้จบ เพราะผมจะเล่าตั้งแต่อดีตกาลแต่จะพยายามให้มันสั้นๆ ที่สุด เพราะมีคนถามมากถามอยู่นั้นแหละ จนบางทีก็เบื่อจะตอบ บางทีตอบไปไม่เหมือนกัน แต่ความหมายเดียวกัน เข้าใจผิดกันไปอีก


ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก Internet


   มีคนปรึกษาและถามผมมาเยอะกับอุปกรณ์ Car Voltage stabilizer หรือพวกกล่องสีๆ ที่ติดตั้งคล่อมขั้วแบตฯ รถว่า มันดีจริงไหม มโนไหม หลอกตัวเองอะป่าว ผมไม่ได้เก่งกาจอะไรแค่พอทราบและศึกษามาบ้าง จริงๆแล้วไอเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มันมีที่มาที่ไป ทั้งพัฒนาปรับปรุงใช้มาเป็นทศวรรษแล้ว นานมาก ดีไม่ดีก่อนผมเกิดอีก ต้นกำเนิดไม่ได้มีใช้ในรถหรอกครับ

   กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วแต่ยังจำได้ มีคนตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ..คิดว่านะ เป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือประเภทหนึ่งที่ชื่อว่า "Voltage stabilizer" หลักการคือ เครื่องควบคุมแรงดันไฟฟ้า เพื่อทำให้แรงดันไฟฟ้าเสถียร ชดเชยแรงดันและป้องกันการกระชากของแรงดันไฟฟ้า มีใช้งานกันมากกับไฟ AC หรือกระแสสลับ โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าแบบ 3 เฟส (มีใช้งานไฟ DC เช่นกันแต่อาจยังไม่จำเป็นนัก) เป็นอุปกรณ์หรือเครื่องที่ทำหน้าที่ปรับระดับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในย่านที่เหมาะสมก่อนที่จะจ่ายออกไปใช้งาน แม้ว่าแรงดันไฟฟ้าที่เข้าเครื่องจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงอยู่ตลอดเวลา มีไว้สำหรับการป้องกันสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้า สามารถป้องกันไฟกระโชกที่เกิดจากไฟดับแล้วมาใหม่ รวมทั้งสัญญาณรบกวนประเภท EMI, RFI,Noise, Surge and Spike Voltage โดยมากใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้เป็นปกติ ไฟฟ้าจากโรงานผลิตไฟฟ้ามาคงที่เพียงพอก็จริงแต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่ามาแบบปกตินิ่งเรียบหรือไม่ ไฟฟ้าผ่านหม้อแปลงเข้าไปในโรงงานอีกที ในโรงงานอุตสาหกรรมจะมีอุปกรณ์ตัวหนึ่งชื่อว่า Capacitor Bank หรือบางคนเรียกสั่นๆ Cap Bank

ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก Internet

   Cap Bank วางขนานกับหม้อแปลง(แล้วแต่การออกแบบ) ตัวนี้มันจะดึงกระแสไฟฟ้ามาเก็บและปล่อยพลังงานอย่างฉับพลันที่แรงดันสูงๆได้เมื่อต้องการในชั่วขณะนึง หากเครื่องจักรต้องการกำลังไฟเพิ่มชั่วขณะนึงแต่แรงดันไฟไม่พอ cap bank จะช่วยชดเชยในจุดนี้ได้ หมดปัญหาเรื่องไฟตก ป้องกันปัญหาไฟเกินและป้องกันเครื่องจักรเสียหาย ทำให้ยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังเพิ่มกำลังการจ่ายไฟหรือเพิ่ม Load และรองรับ Peak Load ชั่วขณะหนึ่งชั่วขณะใด ให้มากขึ้นด้วย ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนหมอแปลงบ่อยๆ ผมพยายามเล่าแบบย่อๆนะ 555

   ยังนิยมนำมาใช้กับเรือเดินสมุทร เรือสินค้าขนาดใหญ่ด้วย ซึ่งเหมือนที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแต่ก็มีความแตกต่างตามการใช้งาน เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ ช่วยให้อุปกรณ์ไฟฟ้าบนเรือทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ลดความเสียหายจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าบนเรือหรือ Generator ตอลดการเดินทาง ซึ่งแรงดันจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะเหวียงขึ้นลงมากกว่าไฟฟ้าในโรงานอุตสาหกรรมอยู่ตลอดเวลาแต่ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อมี Voltage stabilizer ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ทำงานได้ปกติอย่างที่ควรเป็น ขนาดของเจ้าเครื่องนี้ใหญ่มากตามกำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้ หรือความต้องการใช้งานไฟฟ้า ต่อมาการพัฒนาทางเทคโนโลยีก็ช่วยให้ขนาดของมันเล็กลงเรื่อยๆ และมีประสิทธภาพสูงขึ้นด้วย แต่ก็ยังใหญ่อยู่ดีแหละ


ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก Internet


   ต่อมามีคนหัวดีนำหลักการมาดัดแปลงประยุกต์ใช้งานในเครื่องหรืออุปกรณ์ที่ใช้กระแส DC หรือกระแสตรง ที่ต้องการแรงดันสูง มีการนำมาใช้ในรถยนต์ที่เน้นเครื่องเสียงเป็นพิเศษหรือพวกรถแต่ง โดยใช้หลักการเดียวกันกับ  Cap Bank เปลี่ยนชื่อนิดหน่อยเป็น Cap Farm โดยเจ้าตัวเก็บประจุหรือ Capacitor จะมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันไปแล้วแต่การออกแบบ เครื่องเสียงมีการดึง load ที่เหวียงไปมาตามเพลงและเสียงที่ขับออกลำโพงในช่วงขณะนึง Capacitor จะช่วยชดเฉยได้

**ต้องบอกก่อนนะครับว่าไฟ DC จะปลอดภัยและใช้งานได้ง่ายและดีกว่า AC แต่ข้อด่อยอย่างหนึ่งของ DC คือ ระยะทางมีผลต่อแรงดัน อุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ DC มีราคาสูงกว่าด้วย**


ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก Internet


   พอมีคนหัวดีนำ Voltage stabilizer มาดัดแปลงใช้ในรถ ผมจึงต้องขออธิบายการทำงานของระบบไฟฟ้าในรถอย่างง่ายว่าๆ
alternator(ไดร์ชาร์ท) เป็นตัวผลิตและจ่ายกระแสไฟหลักของรถ ให้ไฟไปเลี้ยงอุปกรณ์ต่างๆ ในรถ รวมถึงระบบหัวฉีด ทุกอย่างที่ใช้ไฟฟ้า และชาร์ทไฟลงแบตเตอรี่ดวย  alternator ผลิตกระแสไฟ AC ออกมาก่อนแล้วแปลงผ่านไดโอดให้เป็นไฟ DC กระแสไฟที่ออกมาจะเกิดอาการไฟตกไฟเกินตลอดเวลาอย่างที่ทราบกันทั่วไป พอใช้ไปนานๆ อุปกรณ์ที่ใช้ไฟตรงนี้จะเสื่อมง่าย เช่น ฟิวส์ขาด, รีเลย์ขาด, หลอดไฟขาด, หัวฉีดเสื่อม, รอบเครื่องสวิง มาเร็วบ้างช้าบ้าง ส่วนแบตเตอรี่จะใช้จ่ายไฟเข้าไปเลี้ยงระบบของรถขณะที่ยังไม่สตาร์ทหรือตอนที่ alternator ไม่ทำงาน และแบตเตอรี่ใช้เพื่อสตาร์ทรถด้วย

ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก Internet

   ไฟที่มาจากแบตฯ มีความเสถียรดีนิ่งราบเรียบไม่เหมือน alternator เมื่อรถสตาร์ทติดแล้วการจ่ายไฟจึงเป็นหน้าที่ของ alternator กำลังจะสูงกว่าแบตฯ ด้วยกำลังที่สูงจึงเป็นการชาร์ทไฟเข้าแบตฯ ด้วย แบตฯ จะช่วยชดเชยไฟตกไฟเกินให้ได้บ้างเพราะแบตก็ คือ Capacitor ขนาดใหญ่ตัวนึงแต่ปล่อยแรงดันยังช้าหรือตอบสนองการรับและคายประจุไม่เร็วเท่า Capacitor จึงเป็นที่มาว่าแบตฯ อาจให้กระแสไม่นิ่งได้เช่นกันขึ้นอยู่กับคุณภาพของแบตด้วย เปรียบเทียบอย่างง่ายๆ เหมือนแบตฯ ของ Mobile Phone ที่คุณต้องใช้เวลาพอสมควรในการชาร์ทไฟให้เต็ม และใช้เวลาระยะนึงในการปล่อยแรงดันไฟออกมา แต่ Capacitor รับดูดซับแรงดันไฟได้เร็วมากแล้วปล่อยออกมาได้เร็วมากเช่นกันจนมองได้ว่าเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

   อย่างไรก็ตามการปล่อยแรงดันไฟของแบตฯ อาจมีการขาดช่วงบ้างและมี Peak Load บ้าง อย่างที่กล่าวไว้ ถ้าใครที่ชอบเครื่องเสียงจะทราบข้อนี้ในทางทฤษฎี แต่ปฏิบัติมักแตกต่างกันไป มีคนคิดนำเจ้าชุด Capacitor คล่อมดักหน้า Amplifier ประโยชน์หลังการติดตั้งที่คนหูเทพได้ยิน คือ ช่วยทำให้เครื่องเสียงมีเสียงดีและมีพลัง Bass แน่น(บ้างว่าเป็นเรื่องมโนกันไปเอง) แต่เนื่องจากขนาดของมันใหญ่เมื่อเทียบกับพื้นที่ภายในรถ เมื่อได้ลองได้ใช้จริงจึงเริ่มเห็นผลอยู่บ้าง

ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก Internet

   ในวงการผลิต Capacitor มีการพัฒนาตลอดต่อมาเรื่อยๆ จนเป็น Super Capacitor (เล่าย่อๆ)ที่มีขนาดเล็กลงจนใช้พื้นที่น้อยกว่าเดิมหลายเท่าและมีความจุกำลังไฟฟ้าเยอะขึ้นด้วย แต่ Super Capacitor ยังมีราคาที่สูงและความแน่นอนของความจุจาก Super Capacitor ยังเป็นที่ถกเถียงจนปัจจุบัน พวก Engineer และพ่อค้าหัวใสก็คิดออกว่าทำเจ้ากล่องสีๆ ออกมาขายดีกว่า มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกันออกไป พวกที่ชอบเครื่องเสียงจึงลองเอาเจ้าตัวนี้ไปวางคล่อมที่ Amplifier เช่นเดิม เพื่อให้จ่ายได้ใกล้ๆ จ่ายได้เร็ว(ส่วนมากจะติดไว้ท้ายรถหรือเบาะหลัง แรงดันไฟจากแบตมาช้าจึงติดไว้ใกล้ๆ..เขาว่ามานะ) ผลที่ได้คือ Bass มาเต็ม เสียงก็ใส ง่ายๆ แบบนี้แหละ แต่ราคายังสูงเพราะบวกต้นทุนความคิดเข้าไปอีก พวกช่างที่พอจะคำนวณเป็นอยู่บ้างก็เริ่มทำออกมาขอส่วนแบ่งตลาดด้วย แต่ก็ยังเป็น Capacitor ทั่วไป เหมือนในแผงวงจร electronic ที่ยังไม่ทนทานต่ออุณภูมิรอบๆ โดยเฉพาะในรถยนต์และต้องใช้จำนวนหลายๆตัว เพื่อให้ได้ความจุที่ต้องการ
ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก Internet


**หากเทียบกับที่ใช้ในเรือหรือที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมมันคนละเรื่องเลย เพียงแค่หลักการเดียวกันเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันเท่านั้น ซึ่งเทียบกันไม่ได้ในทางเทคนิค และหากต้องการใช้ในรถต้องใช้ความจุรวมเยอะมากและควรรับ Peak Load ได้อย่างน้อย 15.5 V. บางคนที่ประกอบเองเป็น อาจใช้สตาร์ทรถเองได้ด้วยโดยไม่ใช้แบตฯ เลย การที่มันออกแบบมาเป็นอุปกรณ์ Electronic จึงใช้และให้ผลลัพธ์กับพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยกันเท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับเครื่องยนต์ตามที่หลายคนเข้าใจ หรือโฆษณาขายสินค้า**

   ผ่านไปไม่นานช่วงราวๆ ปี 2003-2008 เริ่มมีผูผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สำหรับรถแต่งหลายยี่ห้อก็ทำเจ้ากล่องสีๆ เล็กๆ ออกมาขายเพราะเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น ขนาดเล็กลง ความจุและความทนทานเยอะขึ้น ชิ้นส่วนหลักคือ Super Capacitor มีราคาถูกลงมาก สามารถสั่งทำเฉพาะได้ด้วย ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่และบูมมากๆในกลุ่มรถแต่งขนาดเล็ก อยู่ช่วงนึงเลยทีเดียว (ไม่ขอลงรายละเอียด) มีพัฒนาต่อมาหลายรุ่น ช่วงแรกๆ ช่วยให้แรงดันเสถียรได้ 80% จนถึงทุกวันนี้ได้ 100%แล้ว(ตามที่มีการอ้างถึงสินค้า) หลังจากนั้นก็เริ่มเสื่อมความนิยมลงเพราะมีผลิตภัณฑ์ทั้งของจริง ของเทียบเท่า และของปลอมหลอกตาเต็มท้องตลาด ดูแทบไม่ออก และราคามักแพงด้วย และผู้ที่ได้ใช้แล้วไม่เห็นผลแตกต่าง บางรายมีไฟไหม้ด้วย ทำให้การซื้อใช้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น บ้างกล่าวว่า "แค่มีเงินไม่พอต้องโง่ด้วย" แท้จริงมันทำงานได้จริงๆ แต่มีการขายโฆษณาโดยกล่าวถึงคุณสมบัติที่เกินจริงไปมาก ทั้งที่ผู้ผลิตเองไม่เคยระบุคุณสมบัติที่เกินจริงไว้ในตัวสินค้า และด้วยขนาดที่เล็กจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้อย่างที่กล่าวอ้าง และถึงแม้จะมีความจุรวมที่มากขึ้น ก็ไม่ได้สามารถเก็บประจุได้เท่ากันกับแบตเตอรี่ แต่มันเร็วกว่าแบเตอรี่มาก หากต้องการประจุที่มากขึ้นกว่าเดิมจริงๆ ใช้การเพิ่มขนาดของแบตเตอรี่จะดีกว่า เช่น เดิมใช้อยู่ที่ 65 Amp.ที่มาจากโรงงานผลิตรถ ให้เปลี่ยนเป็น 75 Amp. แทน ซึ่งระยะยาวจะคุ้มค่ากว่าสำหรับรถโดยทั่วไปที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าติดมาจากโรงงานหรือมีใช้เพิ่มไม่มากนัก โรงงานผลิตรถจะใช้แบตฯ ที่ต้นทุนตามการใช้งานจริง บางทีก็ขั้นต่ำของที่รถต้องใช้เลย ไม่ค่อยจะเผื่อเหลือให้ เพื่อเป็นการลดต้นทุนด้วย

พักแป๊บเดี๋ยวกลับมาต่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่