คุณพ่อ และแม่มือใหม่หลายท่าน อาจเคยเจอ หรือผ่านตากับการสอนลูกนอนยาว โดยวิธี Cry it out มาบ้างนะครับ ผมเองก็เคย แต่ตอนที่ลองอ่านดูเนื้อหาการสอน มันดูทรมานจิตใจเหลือเกิน แต่สุดท้ายหลายๆกระทู้ หรือหลายๆบทความจากแต่ละเวบ ก็บอกเหมือนกันหมดว่า มันได้ผลดี และใช้เวลาสอนไม่นาน (3-5 วัน) ผมเลยลองดูและได้ผลที่ดีมากๆครับ ผมเลยอยากจะแชร์ เผื่อใครสนใจจะทำ แต่ไม่กล้า
เกริ่นก่อนเลยว่า ที่ผมใช้วิธีนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการแยกนอนกับลูก หรือจะสอนการใช้ชีวิตแบบฝรั่งนะครับ แต่ที่ทำเพราะลูกผมตื่นทั้งคืน!!! ณ ตอนที่ผมเริ่มวิธีนี้ ลูกผม 9 เดือนแล้ว ผู้หญิง ตื่นบ่อยมากกกกกกกกก เป็นแบบนี้มาตลอด 9 เดือน จนคนเป็นแม่ และพ่อ กำลังจะตายแล้วครับ โดยเฉพาะแม่ น่าสงสารมากๆ ตื่นบ่อยขนาดไหน เรียกว่าทุก 45 นาที ถึง 90 นาที เป็นเวลาต่อกัน 6 เดือน โดยลูกผมจะนอนตอน 2 ทุ่ม ก่อนนอนก็เดินกล่อมกันไป ให้นมแม่เสร็จ พ่อก็ต้องเดินกล่อม ใช่เวลากว่า 1 ชม.ในการกล่อม พอเริ่มนอนหลับ 2 ทุ่ม ก็จะตื่น 20.45, 21.30, 22.20, 23.30, 1.00, 2.30, 3.30-4.00, 5.00 แล้วก็ไม่นอนแล้ว เป็นแบบนี้ทุกคืน!!! ย้ำ ทุกคืนจริงๆครับ
ถ้ามีคำถามว่า งั้นลองใช้วิธีโน่น นี้ นั้น ไหม บลาๆๆ 108-1009 ผมทำมาหมดแล้วครับ ไม่ขอเอ่ยถึงละกัน รวมถึงปรึกษาแพทย์ด้วย ก็ไม่ได้ผล จนสุดท้ายเลยต้องลองวิธีที่ไม่อยากทำที่สุด นั่นคือ Cry it out ต้องขอบคุณ คุณภริม แห่ง blog Bonzaboo เลยครับ
http://primlilboo.wixsite.com/bonzaboo ที่ทำให้ผมได้ลองวิธีนี้แบบจริงจัง เลองไปหาอ่านได้เลยครับ เป็นประโยชน์มาก ใน blog นั้นจะบอกละเอียดมากกกกกกกกกก แต่ผมขอยกที่ผมใช้เองมาเล่าสั้นๆแล้วกันครับ
เขาว่าดันว่าอายุที่เหมาะสมคือ 4-6 เดือน แต่ผมว่าตอน 4 - 6 เดือนนั้นลูกยนังต้องการนมแม่ 100% และการทำวิธีนี้ลูกจะนอนยาวทั้งคืนโดยแทบไม่ตื่นเลย ถ้าเราไปควักลูกออกมากินนม เขาก็อาจจะตื่นก็ได้ แต่ถ้าทำจนได้ผลแล้ว ลูกจะไม่ตื่น แค่งัวเงียกินนมแล้วนอนต่อได้เอง อันนี้ก็แล้วแต่คุณละว่าจะฝึกตอนไหน ของผมเริ่มตอน 9 เดือนครับ แต่ก็แนะนำว่าไม่ควรรอจนเกิน 1 ปี เพราะลูกรู้เรื่องมากๆแล้ว จะไม่ยอมร่วมมือกับการฝึก และอาจใช้เวลานานมากกว่าจะฝึกสำเร็จ พ่อแม่ถอดใจก่อนแน่ครับ
มาเริ่มกันเลย
1.การเตรียมตัว(ของพ่อแม่)
จะบอกว่า 90% ของความสำเร็จ ขึ้นกับพ่อและแม่จริงๆครับ สิ่งที่พ่อแม่ต้องเตรียมคือ "ใจ" ครับ สำคัญมากๆๆๆๆๆ เพราะในช่วง 3 วันแรก ลูกเราจะร้องหนักมาก มากแบบไม่เคยเจอมาก่อน ถ้าพ่อแม่ "ใจ" ไม่แข็งพอ ทุกอย่างจบครับ ส่วนเรื่องการเตรียมอื่นๆ ก็ได้แก่
- ทำกิจวัตรต่างๆให้เป็น step ก่อนเข้านอน กินข้าวเย็น อาบน้ำ อ่านนิทาน หรือใครที่เคยทำอะไรก่อนนอนอยู่แล้ว ให้ทำตามเดิมก็ได้ครับ ไม่ต้องไปเปลี่ยน เดี๋ยวลูกงง
- ปิดไฟในห้องให้มืด(หรือสลัวๆ) ทำบรรยากาศให้น่านอน เหมือนที่เรานอนกันน่ะแหล่ะครับ
- เขาแนะนำให้มีเสียง "White Noise" หรือเสียงฮัมเบาๆเพื่อเพิ่มบรรยากาศการนอน อาจเป็นเสียงฝนตก(เปิดคลิปเสียง) เสียงน้ำไหล บลาๆ แต่ผมว่าเสียงแอร์ก็พอแล้วครับ 555+
- ต้องมีเปลเด็ก แนะนำเป็นพลาสติก หรือไม้ที่มีผ้าใบรอบๆนะครับ ไม่แนะนำแบบไม้เป็นซี่ๆ เพราะลูกจะเกาะ ดิ้น หัวโขก หรือยื่นมือไม้ออกมาติดลูกกรงได้กะความสูงให้ลูกไม่สามารถปีนออกมาได้นะ

เปลแบบนี้ จะดีกว่าเปลไม้
- มี Baby monitor เอาไว้คอยดูลูก อันนี้สำคัญครับ เพราะตอนเราทำ เราต้องออกมานอกห้อง และต้องคอยดูเจ้านี่ไว้ ไม่ให้ลูกเกิดอันตราย แต่ถ้าไม่อยากซื้อเพราะ baby monitor มันแพง ก็ซื้อกล้อง IP Cam แทนได้ครับ ดีด้วยเพราะดูผ่านมือถือได้ทั้งพ่อแม่เลย ผมก็ใช้ IP Cam เจ็ดร้อยกว่าบาท ซื้อมาสองตัวเลย สบายครับ หาซื้อได้ใน lazada , Shopee

ของดี ราคาแพง หลายพันครับ

IP Camera ถูกดีครับ ดูได้ทั้งบ้าน
- สุดท้าย ให้ทำตอน ปู่ ย่า ตา ยาย ไม่อยู่นะครับ เพราะถ้าแกอยู่ ทุกอย่าง พัง!! สาเหตุคงไม่ต้องบอกนะ รู้กัน
2.เริ่มปฏฺิบัติ
1.เตรียม "ใจ" ของคุณๆให้พร้อม มั่นคง หนักแน่น และตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องสำเร็จ ห้ามใจอ่อน บอกทั้งพ่อและแม่ ใครใจอ่อนให้สะกิดบอก
2.เมื่อถึงเวลาเข้านอนตามปกติที่เราพานอน ให้
งด การกระทำทุกอย่างที่เราเคยทำอย่างหักดิบ ได้แก่พวกอุ้มเดิน ให้นมแบบหลับคาเต้า เขย่าๆๆ อะไรก็แล้วแต่ให้งดเลย
3.พอลูกเริ่มโยเยอยากนอน แต่ไม่ได้ดั่งใจ (เพราะเรางดทุกอย่างไปแล้วในข้อ 2 ) ก็ให้เอานอนลงเปลเด็ก วาง แล้วหันหลังเดินออกจากห้องเลยครับ
4.ลูกจะร้องแบบสาหัสสากันต์ ไม่ลืมหูลืมตา ร้องๆๆๆๆๆ แน่นอนเป็นธรรมชาติครับ 1 - 2 ชั่วโมง เราต้องใจแข็ง เวลาดูลูกผ่านจอ แนะนำให้ Mute เสียงไปเลยครับ อย่าเปิดเสียง จะจิตตกมากๆ ทำใจยาวๆเลย คอยดูให้ลูกไม่เป็นอันตรายก็พอ ทีนี้ในข้อ 4 เราก็จะมีวิธีแนะนำอีก 2 วิธีในการทำใจ
4.1 Ignor คือไม่สนไม่แคร์ ปล่อยร้องไปเลย แบบนี้ต้องใจแข็งจริงๆ
4.2 Checked คือใช้วิธีเชคเป็นระยะ 10 นาทีเข้าไป ต่อมาอีก 15 นาที อีก 20 นาทีห่างขึ้นเรื่อยๆ ( ตัวเลขเวลา คือระยะห่างระหว่างรอบเชคนะครับ ไม่ใช่เข้าไปทุก 10 15 20 นาทีแบบนี้นะ) เวลาเข้าไปเชค
ห้าม!! อุ้มลูก ให้นม สบตา ห้ามเลยครับ ให้เข้าไป จัดที่หรับที่นอน พูดเบาๆว่านอนนะลูก พ่อแม่อยู่ตรงนี้นะดูหนูอยู่ พูดไปลอยๆ มือก็จับเตียง จับผ้าอะไรไป อย่าจับตัวลูก ใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที แล้วออกมาเลยครับ ผมเองก็ใช้วิธีนี้ครับ ทนใจแข็งไม่ไหว 555+
ลูกผมก็ร้องๆๆๆ ทั้งปีนขึ้นมายืน ทั้งล้มลุกคลุกคลาน ตอนแรกเปิดเสียง สุดท้ายต้องปิดเสียง แฟนผมร้องไห้เลยครับ เลยใช้วิธีเชค เข้าไปเชค 2 รอบ ตอน 15 นาที กับ 40 นาที พอครบ ชั่วโมง ลูกก็ฟุบลงและหลับไปเอง
5. ลูกบางคนอาจร้องแล้วอาเจียน ก็คอยดูครับ แต่แค่อ๊อกเล็กๆไม่ต้องเข้า แต่ถ้าอ๊อกใหญ่ อ้วกออกมาเลย ให้เข้าไปครับ เพราะลูกจะสำลักได้ เข้าไปอุ้ม เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อ แล้วออกมา ทั้งหมดห้ามอุ้มโอ๋ ห้ามให้นมครับ เข้าไปเคลียเตียง เคลียลูกแล้วออกมาเลย ลูกผมก็อ้วกครับ อ้วกอยู่ 2 วันเลยด้วย
6. หากลูกหลับแล้วตื่นขึ้นมาใหม่ (ซึ่งในวันแรก บอกเลยตื่นแน่นอน) ลูกก็จะเริ่มต้นร้องใหม่ เราก็ใช้วิธีเดิมครับ คือคอยดู จะ ignor ก็ต้อง ignor ให้สุดๆ จะเชค ก็เชคให้สม่ำเสมอ ห่างขึ้นเรื่อยๆ ห้ามสลับไปมาเดี๋ยวรอ เดี๋ยวเชคนะครับ ลูกจะสับสน และจับได้)
หลังจากที่ลูกหลับ ลูกจะหลับได้ยาวเลยครับ (อาจเพราะเหนื่อย) ลูกผมจากที่ตื่นทุก 45 นาที พอเริ่มทำวันแรก หลับยาว 6 ชั่วโมงรวดเลย ตื่นมาอีกทีตีสอง แล้วก็เริ่มต้นร้องใหม่ แต่รอบนี้ร้องแค่ 30 นาทีก็นอนต่อได้ยันตีห้าเลย Amazing มากๆ
7. ช่วงใกล้ๆเช้า บางทีลูกจะตื่นมาเอง ถ้าลูกตื่นใกล้เคียงเวลาที่เคยตื่น ก็ให้เข้าไปหาลูกได้เลยครับ ไปให้นม ไปเล่นกับลูกอะไรก็แล้วแต่ ทำเหมือนตอนที่ลูกตื่นตามปกติ บางทีลูกอาจตื่นเร็วกว่าสัก ชม. นึง ก็ไม่เป็นไรครับ เช่นปกติลูกจะตื่น 7 โมง แต่ทำวิธีนี้ลูกตื่นตี 5 และไม่มีทีท่าว่าจะหลับแล้ว ก็เข้าไปเลย วันหลังๆจะตื่นได้ยาวเอง
8. จบวันแรก เริ่มวันที่สอง ทำแบบเดิมครับ ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่จะดีขึ้น เชื่อผมเลย ทุกสำนัก ทุกเวป แม้แต่ตัวผมเองยืนยันเลยว่าวันที่สองดีขึ้นแน่นอน จากที่วันแรก ร้องอยู่เป็น ชม. วันที่สองจะสั้นลงครับ ผมเองตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่มันก็จริง ลูกผมวันที่สองร้องแค่ 30 นาทีเอง แล้วกลับยาวยันตีสอง แล้วตื่นมาใหม่ แต่ก็ร้องอีก 15 นาทีก็หลับได้เอง ให้เราทำทุกอย่างเหมือนข้อ 4 วันที่สองนี้ผมเข้าไปรอบเดียวตอนลูกอ้วก
9. วันที่สาม ทำเหมือนเดิม เชื่อไหม ลูกผมร้องแค่ 10 นาที แล้วหลับยาวยันเช้าเลย ตื่นมาตีสามนิดหน่อย แต่ไม่ร้อง แล้วนอนต่อได้เอง วันที่สามผมไม่ได้เข้าไปเลยครับ
10.ถ้าลูกป่วย ให้ยกเลิกทั้งหมด และกลับมานอนเฝ้าลูกเหมือนเดิมนะครับ เพราะกลางคืนไข้อาจสูงได้ ต้องคอยวัดและเช็ดตัวกินยาลดไข้ตลอด ห้ามทำวิธีนี้ตอนลูกป่วยเด็ดขาดครับ อันตราย ไข้สูงชักได้ครับ
นี่ใช้เวลาแค่สามวัน จากตื่นทุก 45 นาที จากที่ร้องเป็นชั่วโมง แค่สามวัน ลูกร้องแค่ 10 นาที และนอนยาวยันตีสามรวดเดียว ผมกับแฟนนี่ดีใจสุดๆครับ มาถูกทางจริงๆ บางท่านอาจนานกว่านี้ แต่ผมให้ไม่เกิน 5 วันครับ
ข้อควรสังเกตุ
- ถึงแม้วันที่ 3 หรือ 4 ลูกจะนอนเร็ว ไม่ร้อง และนอนยาวแล้ก็ตาม ก็อาจมีวันที่ 5 - 8 ที่ลูกจะงอแงเพิ่มมาได้อีก ไม่ต้องตกใจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ครับ เราก็ใช้วิธีเดิม คือ ไม่ ignor ก็เชค
- ลูกอาจจะยังไม่หลับยาวๆๆ ยันเช้า อาจมีตื่นมากลางดึกร้องไห้ได้บ้าง ก็ให้ทำเหมือนเดิมเช่นกัน
- ถ้าลูกอ้วกบ่อย อาจลองเลื่อนเวลาทานอาหารเย็นให้ห่างเวลานอนดูครับ อย่างน้อยๆ 1 - 2 ชม.
- บางครั้ง ลูกอาจตื่นกลางคืนโดยไม่ร้องเลย แกจะขึ้นมานั่งมอง จ้องตาปริ๊บๆ บางทีอาขยืนมองซ้ายขวาแต่ไม่ร้อง ก็ไม่ต้องทำอะไรนะครับ รอไปสักพัก ก็จะหลับได้เอง ลูกผมก็เป็น มีตั้งแต่ 10 วินาที 5 นาที ยันครึ่งชั่งโมง นั่งเฉยๆ ไม่ร้อง
ผ่านไป 1 เดือน
- ทุกวันนี้ผมผ่านมา 1 เดือนกว่าๆแล้ว ลูกสามารถนอนได้เอง ก่อนนอนก็จะกลิ้งไปมาบนเตียงผู้ใหญ่ สักพักก็น๊อค ผมก็จะอุ้มไปวางไว้ในเปลเด็ก จากนั้นก็ออกจากห้อง ลูกก็นอนยาวๆๆๆ บางคืนมีตื่นมานั่งมองซ้ายขวาแต่ไม่ร้อง แล้วก็หลับเอง บางคืนก็ยาวยันเช้าเลยครับ ตื่นอีกที 6 โมงครึ่งเป๊ะๆ
- พ่อแม่มีความสุขมากๆ จากที่ต้องเดินสวนสนามเข้าไปอุ้มลูกทุก 45 นาที ไม่เป็นทำอะไร กลายเป็นมีเวลาว่างมากๆ ทำความสะอาดบ้าน เก็บบ้าน ล้างจาน ทำครัว หรือแม้กระทั่งมีเวลากุ๊กกิ๊กกันสบายๆเลยครับเอาให้เต็มที่ หลังจากที่ฝึกมา 3 วันแรก จากนั้นก็ไม่เคยต้องเข้าไปดูลูกอีกเลยครับ สบายมาก ทุกวันนี้ลูกผมจะนอน 20 - 20.30 แน่ๆ ทำงานมาเหนื่อยแค่ไหน ก็รู้กันว่าไม่เกินสามทุ่ม ลูกก็หลับ เป็นเวลาของเราละครับ สบายเลย ดูหนัง เล่นโทรศัพท เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ เมาท์กะเพื่อน สบายมากๆ
- ตัวลูกเองก็นอนยาวๆ ฮออโมนหลั่งเต็มที่ พักผ่อนเพียงพอ วันใหม่เฟรชร่าเริงสดใสเริงร่าปกติเลยครับ ไม่มีเหงาเศร้าเหมือนที่หลายๆคนคิด
สรุป
- วิธีนี้เหมาะกับเด็กวัย 4 - 6 เดือน แต่ผมว่าได้ตลอดจนไม่เกิน 1 ขวบ
- ใช้ได้ทั้งฝึกนอนยาว ฝึกอดเต้า ฝึกงดกินเต้ากลางดึก และฝึกการนอนคนเดียว
- ส่วนตัวผมต้องการฝึกนอนได้ยาวและนอนได้เอง ไม่ได้ต้องการให้ลูกนอนคนเดียว เดี๋ยวสัก 2 - 3 เดือน ถ้าเขานอนจน stable แล้ว ผมกับแฟนก็จะกลับเข้าไปนอนกับลูกครับ
- สิ่งสำคัญที่สุดคือ "ใจ" ของพ่อแม่ อดทนๆๆเท่านั้น แล้วมันจะผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอนครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพ่อแม่มือใหม่หลายๆท่านนะครับ ใครอยากลองวิธีนี้ ทำเลย ใช้ได้จริง เห็นผลแน่นอน
ลาไปด้วยภาพน้องเอญ่า ที่ถ่ายนี้น่าจะสัก 2 สัปดาห์ก่อน
มาแชร์เทคนิคการสอนลูกนอนยาวแบบ Cry it out ครับ ได้ผลจีริง และดีมาก
เกริ่นก่อนเลยว่า ที่ผมใช้วิธีนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการแยกนอนกับลูก หรือจะสอนการใช้ชีวิตแบบฝรั่งนะครับ แต่ที่ทำเพราะลูกผมตื่นทั้งคืน!!! ณ ตอนที่ผมเริ่มวิธีนี้ ลูกผม 9 เดือนแล้ว ผู้หญิง ตื่นบ่อยมากกกกกกกกก เป็นแบบนี้มาตลอด 9 เดือน จนคนเป็นแม่ และพ่อ กำลังจะตายแล้วครับ โดยเฉพาะแม่ น่าสงสารมากๆ ตื่นบ่อยขนาดไหน เรียกว่าทุก 45 นาที ถึง 90 นาที เป็นเวลาต่อกัน 6 เดือน โดยลูกผมจะนอนตอน 2 ทุ่ม ก่อนนอนก็เดินกล่อมกันไป ให้นมแม่เสร็จ พ่อก็ต้องเดินกล่อม ใช่เวลากว่า 1 ชม.ในการกล่อม พอเริ่มนอนหลับ 2 ทุ่ม ก็จะตื่น 20.45, 21.30, 22.20, 23.30, 1.00, 2.30, 3.30-4.00, 5.00 แล้วก็ไม่นอนแล้ว เป็นแบบนี้ทุกคืน!!! ย้ำ ทุกคืนจริงๆครับ
ถ้ามีคำถามว่า งั้นลองใช้วิธีโน่น นี้ นั้น ไหม บลาๆๆ 108-1009 ผมทำมาหมดแล้วครับ ไม่ขอเอ่ยถึงละกัน รวมถึงปรึกษาแพทย์ด้วย ก็ไม่ได้ผล จนสุดท้ายเลยต้องลองวิธีที่ไม่อยากทำที่สุด นั่นคือ Cry it out ต้องขอบคุณ คุณภริม แห่ง blog Bonzaboo เลยครับ http://primlilboo.wixsite.com/bonzaboo ที่ทำให้ผมได้ลองวิธีนี้แบบจริงจัง เลองไปหาอ่านได้เลยครับ เป็นประโยชน์มาก ใน blog นั้นจะบอกละเอียดมากกกกกกกกกก แต่ผมขอยกที่ผมใช้เองมาเล่าสั้นๆแล้วกันครับ
เขาว่าดันว่าอายุที่เหมาะสมคือ 4-6 เดือน แต่ผมว่าตอน 4 - 6 เดือนนั้นลูกยนังต้องการนมแม่ 100% และการทำวิธีนี้ลูกจะนอนยาวทั้งคืนโดยแทบไม่ตื่นเลย ถ้าเราไปควักลูกออกมากินนม เขาก็อาจจะตื่นก็ได้ แต่ถ้าทำจนได้ผลแล้ว ลูกจะไม่ตื่น แค่งัวเงียกินนมแล้วนอนต่อได้เอง อันนี้ก็แล้วแต่คุณละว่าจะฝึกตอนไหน ของผมเริ่มตอน 9 เดือนครับ แต่ก็แนะนำว่าไม่ควรรอจนเกิน 1 ปี เพราะลูกรู้เรื่องมากๆแล้ว จะไม่ยอมร่วมมือกับการฝึก และอาจใช้เวลานานมากกว่าจะฝึกสำเร็จ พ่อแม่ถอดใจก่อนแน่ครับ
มาเริ่มกันเลย
1.การเตรียมตัว(ของพ่อแม่)
จะบอกว่า 90% ของความสำเร็จ ขึ้นกับพ่อและแม่จริงๆครับ สิ่งที่พ่อแม่ต้องเตรียมคือ "ใจ" ครับ สำคัญมากๆๆๆๆๆ เพราะในช่วง 3 วันแรก ลูกเราจะร้องหนักมาก มากแบบไม่เคยเจอมาก่อน ถ้าพ่อแม่ "ใจ" ไม่แข็งพอ ทุกอย่างจบครับ ส่วนเรื่องการเตรียมอื่นๆ ก็ได้แก่
- ทำกิจวัตรต่างๆให้เป็น step ก่อนเข้านอน กินข้าวเย็น อาบน้ำ อ่านนิทาน หรือใครที่เคยทำอะไรก่อนนอนอยู่แล้ว ให้ทำตามเดิมก็ได้ครับ ไม่ต้องไปเปลี่ยน เดี๋ยวลูกงง
- ปิดไฟในห้องให้มืด(หรือสลัวๆ) ทำบรรยากาศให้น่านอน เหมือนที่เรานอนกันน่ะแหล่ะครับ
- เขาแนะนำให้มีเสียง "White Noise" หรือเสียงฮัมเบาๆเพื่อเพิ่มบรรยากาศการนอน อาจเป็นเสียงฝนตก(เปิดคลิปเสียง) เสียงน้ำไหล บลาๆ แต่ผมว่าเสียงแอร์ก็พอแล้วครับ 555+
- ต้องมีเปลเด็ก แนะนำเป็นพลาสติก หรือไม้ที่มีผ้าใบรอบๆนะครับ ไม่แนะนำแบบไม้เป็นซี่ๆ เพราะลูกจะเกาะ ดิ้น หัวโขก หรือยื่นมือไม้ออกมาติดลูกกรงได้กะความสูงให้ลูกไม่สามารถปีนออกมาได้นะ
- มี Baby monitor เอาไว้คอยดูลูก อันนี้สำคัญครับ เพราะตอนเราทำ เราต้องออกมานอกห้อง และต้องคอยดูเจ้านี่ไว้ ไม่ให้ลูกเกิดอันตราย แต่ถ้าไม่อยากซื้อเพราะ baby monitor มันแพง ก็ซื้อกล้อง IP Cam แทนได้ครับ ดีด้วยเพราะดูผ่านมือถือได้ทั้งพ่อแม่เลย ผมก็ใช้ IP Cam เจ็ดร้อยกว่าบาท ซื้อมาสองตัวเลย สบายครับ หาซื้อได้ใน lazada , Shopee
- สุดท้าย ให้ทำตอน ปู่ ย่า ตา ยาย ไม่อยู่นะครับ เพราะถ้าแกอยู่ ทุกอย่าง พัง!! สาเหตุคงไม่ต้องบอกนะ รู้กัน
2.เริ่มปฏฺิบัติ
1.เตรียม "ใจ" ของคุณๆให้พร้อม มั่นคง หนักแน่น และตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องสำเร็จ ห้ามใจอ่อน บอกทั้งพ่อและแม่ ใครใจอ่อนให้สะกิดบอก
2.เมื่อถึงเวลาเข้านอนตามปกติที่เราพานอน ให้ งด การกระทำทุกอย่างที่เราเคยทำอย่างหักดิบ ได้แก่พวกอุ้มเดิน ให้นมแบบหลับคาเต้า เขย่าๆๆ อะไรก็แล้วแต่ให้งดเลย
3.พอลูกเริ่มโยเยอยากนอน แต่ไม่ได้ดั่งใจ (เพราะเรางดทุกอย่างไปแล้วในข้อ 2 ) ก็ให้เอานอนลงเปลเด็ก วาง แล้วหันหลังเดินออกจากห้องเลยครับ
4.ลูกจะร้องแบบสาหัสสากันต์ ไม่ลืมหูลืมตา ร้องๆๆๆๆๆ แน่นอนเป็นธรรมชาติครับ 1 - 2 ชั่วโมง เราต้องใจแข็ง เวลาดูลูกผ่านจอ แนะนำให้ Mute เสียงไปเลยครับ อย่าเปิดเสียง จะจิตตกมากๆ ทำใจยาวๆเลย คอยดูให้ลูกไม่เป็นอันตรายก็พอ ทีนี้ในข้อ 4 เราก็จะมีวิธีแนะนำอีก 2 วิธีในการทำใจ
4.1 Ignor คือไม่สนไม่แคร์ ปล่อยร้องไปเลย แบบนี้ต้องใจแข็งจริงๆ
4.2 Checked คือใช้วิธีเชคเป็นระยะ 10 นาทีเข้าไป ต่อมาอีก 15 นาที อีก 20 นาทีห่างขึ้นเรื่อยๆ ( ตัวเลขเวลา คือระยะห่างระหว่างรอบเชคนะครับ ไม่ใช่เข้าไปทุก 10 15 20 นาทีแบบนี้นะ) เวลาเข้าไปเชค ห้าม!! อุ้มลูก ให้นม สบตา ห้ามเลยครับ ให้เข้าไป จัดที่หรับที่นอน พูดเบาๆว่านอนนะลูก พ่อแม่อยู่ตรงนี้นะดูหนูอยู่ พูดไปลอยๆ มือก็จับเตียง จับผ้าอะไรไป อย่าจับตัวลูก ใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที แล้วออกมาเลยครับ ผมเองก็ใช้วิธีนี้ครับ ทนใจแข็งไม่ไหว 555+
ลูกผมก็ร้องๆๆๆ ทั้งปีนขึ้นมายืน ทั้งล้มลุกคลุกคลาน ตอนแรกเปิดเสียง สุดท้ายต้องปิดเสียง แฟนผมร้องไห้เลยครับ เลยใช้วิธีเชค เข้าไปเชค 2 รอบ ตอน 15 นาที กับ 40 นาที พอครบ ชั่วโมง ลูกก็ฟุบลงและหลับไปเอง
5. ลูกบางคนอาจร้องแล้วอาเจียน ก็คอยดูครับ แต่แค่อ๊อกเล็กๆไม่ต้องเข้า แต่ถ้าอ๊อกใหญ่ อ้วกออกมาเลย ให้เข้าไปครับ เพราะลูกจะสำลักได้ เข้าไปอุ้ม เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อ แล้วออกมา ทั้งหมดห้ามอุ้มโอ๋ ห้ามให้นมครับ เข้าไปเคลียเตียง เคลียลูกแล้วออกมาเลย ลูกผมก็อ้วกครับ อ้วกอยู่ 2 วันเลยด้วย
6. หากลูกหลับแล้วตื่นขึ้นมาใหม่ (ซึ่งในวันแรก บอกเลยตื่นแน่นอน) ลูกก็จะเริ่มต้นร้องใหม่ เราก็ใช้วิธีเดิมครับ คือคอยดู จะ ignor ก็ต้อง ignor ให้สุดๆ จะเชค ก็เชคให้สม่ำเสมอ ห่างขึ้นเรื่อยๆ ห้ามสลับไปมาเดี๋ยวรอ เดี๋ยวเชคนะครับ ลูกจะสับสน และจับได้)
หลังจากที่ลูกหลับ ลูกจะหลับได้ยาวเลยครับ (อาจเพราะเหนื่อย) ลูกผมจากที่ตื่นทุก 45 นาที พอเริ่มทำวันแรก หลับยาว 6 ชั่วโมงรวดเลย ตื่นมาอีกทีตีสอง แล้วก็เริ่มต้นร้องใหม่ แต่รอบนี้ร้องแค่ 30 นาทีก็นอนต่อได้ยันตีห้าเลย Amazing มากๆ
7. ช่วงใกล้ๆเช้า บางทีลูกจะตื่นมาเอง ถ้าลูกตื่นใกล้เคียงเวลาที่เคยตื่น ก็ให้เข้าไปหาลูกได้เลยครับ ไปให้นม ไปเล่นกับลูกอะไรก็แล้วแต่ ทำเหมือนตอนที่ลูกตื่นตามปกติ บางทีลูกอาจตื่นเร็วกว่าสัก ชม. นึง ก็ไม่เป็นไรครับ เช่นปกติลูกจะตื่น 7 โมง แต่ทำวิธีนี้ลูกตื่นตี 5 และไม่มีทีท่าว่าจะหลับแล้ว ก็เข้าไปเลย วันหลังๆจะตื่นได้ยาวเอง
8. จบวันแรก เริ่มวันที่สอง ทำแบบเดิมครับ ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่จะดีขึ้น เชื่อผมเลย ทุกสำนัก ทุกเวป แม้แต่ตัวผมเองยืนยันเลยว่าวันที่สองดีขึ้นแน่นอน จากที่วันแรก ร้องอยู่เป็น ชม. วันที่สองจะสั้นลงครับ ผมเองตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่มันก็จริง ลูกผมวันที่สองร้องแค่ 30 นาทีเอง แล้วกลับยาวยันตีสอง แล้วตื่นมาใหม่ แต่ก็ร้องอีก 15 นาทีก็หลับได้เอง ให้เราทำทุกอย่างเหมือนข้อ 4 วันที่สองนี้ผมเข้าไปรอบเดียวตอนลูกอ้วก
9. วันที่สาม ทำเหมือนเดิม เชื่อไหม ลูกผมร้องแค่ 10 นาที แล้วหลับยาวยันเช้าเลย ตื่นมาตีสามนิดหน่อย แต่ไม่ร้อง แล้วนอนต่อได้เอง วันที่สามผมไม่ได้เข้าไปเลยครับ
10.ถ้าลูกป่วย ให้ยกเลิกทั้งหมด และกลับมานอนเฝ้าลูกเหมือนเดิมนะครับ เพราะกลางคืนไข้อาจสูงได้ ต้องคอยวัดและเช็ดตัวกินยาลดไข้ตลอด ห้ามทำวิธีนี้ตอนลูกป่วยเด็ดขาดครับ อันตราย ไข้สูงชักได้ครับ
นี่ใช้เวลาแค่สามวัน จากตื่นทุก 45 นาที จากที่ร้องเป็นชั่วโมง แค่สามวัน ลูกร้องแค่ 10 นาที และนอนยาวยันตีสามรวดเดียว ผมกับแฟนนี่ดีใจสุดๆครับ มาถูกทางจริงๆ บางท่านอาจนานกว่านี้ แต่ผมให้ไม่เกิน 5 วันครับ
ข้อควรสังเกตุ
- ถึงแม้วันที่ 3 หรือ 4 ลูกจะนอนเร็ว ไม่ร้อง และนอนยาวแล้ก็ตาม ก็อาจมีวันที่ 5 - 8 ที่ลูกจะงอแงเพิ่มมาได้อีก ไม่ต้องตกใจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ครับ เราก็ใช้วิธีเดิม คือ ไม่ ignor ก็เชค
- ลูกอาจจะยังไม่หลับยาวๆๆ ยันเช้า อาจมีตื่นมากลางดึกร้องไห้ได้บ้าง ก็ให้ทำเหมือนเดิมเช่นกัน
- ถ้าลูกอ้วกบ่อย อาจลองเลื่อนเวลาทานอาหารเย็นให้ห่างเวลานอนดูครับ อย่างน้อยๆ 1 - 2 ชม.
- บางครั้ง ลูกอาจตื่นกลางคืนโดยไม่ร้องเลย แกจะขึ้นมานั่งมอง จ้องตาปริ๊บๆ บางทีอาขยืนมองซ้ายขวาแต่ไม่ร้อง ก็ไม่ต้องทำอะไรนะครับ รอไปสักพัก ก็จะหลับได้เอง ลูกผมก็เป็น มีตั้งแต่ 10 วินาที 5 นาที ยันครึ่งชั่งโมง นั่งเฉยๆ ไม่ร้อง
ผ่านไป 1 เดือน
- ทุกวันนี้ผมผ่านมา 1 เดือนกว่าๆแล้ว ลูกสามารถนอนได้เอง ก่อนนอนก็จะกลิ้งไปมาบนเตียงผู้ใหญ่ สักพักก็น๊อค ผมก็จะอุ้มไปวางไว้ในเปลเด็ก จากนั้นก็ออกจากห้อง ลูกก็นอนยาวๆๆๆ บางคืนมีตื่นมานั่งมองซ้ายขวาแต่ไม่ร้อง แล้วก็หลับเอง บางคืนก็ยาวยันเช้าเลยครับ ตื่นอีกที 6 โมงครึ่งเป๊ะๆ
- พ่อแม่มีความสุขมากๆ จากที่ต้องเดินสวนสนามเข้าไปอุ้มลูกทุก 45 นาที ไม่เป็นทำอะไร กลายเป็นมีเวลาว่างมากๆ ทำความสะอาดบ้าน เก็บบ้าน ล้างจาน ทำครัว หรือแม้กระทั่งมีเวลากุ๊กกิ๊กกันสบายๆเลยครับเอาให้เต็มที่ หลังจากที่ฝึกมา 3 วันแรก จากนั้นก็ไม่เคยต้องเข้าไปดูลูกอีกเลยครับ สบายมาก ทุกวันนี้ลูกผมจะนอน 20 - 20.30 แน่ๆ ทำงานมาเหนื่อยแค่ไหน ก็รู้กันว่าไม่เกินสามทุ่ม ลูกก็หลับ เป็นเวลาของเราละครับ สบายเลย ดูหนัง เล่นโทรศัพท เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ เมาท์กะเพื่อน สบายมากๆ
- ตัวลูกเองก็นอนยาวๆ ฮออโมนหลั่งเต็มที่ พักผ่อนเพียงพอ วันใหม่เฟรชร่าเริงสดใสเริงร่าปกติเลยครับ ไม่มีเหงาเศร้าเหมือนที่หลายๆคนคิด
สรุป
- วิธีนี้เหมาะกับเด็กวัย 4 - 6 เดือน แต่ผมว่าได้ตลอดจนไม่เกิน 1 ขวบ
- ใช้ได้ทั้งฝึกนอนยาว ฝึกอดเต้า ฝึกงดกินเต้ากลางดึก และฝึกการนอนคนเดียว
- ส่วนตัวผมต้องการฝึกนอนได้ยาวและนอนได้เอง ไม่ได้ต้องการให้ลูกนอนคนเดียว เดี๋ยวสัก 2 - 3 เดือน ถ้าเขานอนจน stable แล้ว ผมกับแฟนก็จะกลับเข้าไปนอนกับลูกครับ
- สิ่งสำคัญที่สุดคือ "ใจ" ของพ่อแม่ อดทนๆๆเท่านั้น แล้วมันจะผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอนครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพ่อแม่มือใหม่หลายๆท่านนะครับ ใครอยากลองวิธีนี้ ทำเลย ใช้ได้จริง เห็นผลแน่นอน
ลาไปด้วยภาพน้องเอญ่า ที่ถ่ายนี้น่าจะสัก 2 สัปดาห์ก่อน