ด้วยการที่ศึกษาและปฏิบัติจึงเห็นควรนำท่อนนี้ที่อาจารย์อาณัติชัยสอนมาเผยแพร่ครับเพื่อเป็นประโยชน์ในการค้นคว้าพระธรรมให้เกิดประโยชน์ต่อไปครับ ขออนุโมทนา ทุกท่านที่เข้ามาอ่านและได้ความเข้าใจกลับไปนะครับ
อาจารย์ อาณัติชัย เหลืองอมรชัย สอนเรื่อง มรรคปัจจัย และเห็นว่ามีประโยชน์จึงโค้ดคำสอนของอาจารย์มาให้ได้อ่านและพิจารณากันครับว่า
มรรคตัวนี้แปลว่า หนทาง
ธรรมที่ช่วยอุปการะโดยความเป็นหนทางนำไปสู่ สุคติภูมิ นำไปสู่ทุคติภูมิ และ นำไปสู่พระนิพพาน ล้วนแล้วแต่เรียกว่า มรรคปัจจัยหมด
-เหมือนตอน ฌาน เกิด ฌานของท่านก็มี ฌานของฌานลาพีก็มี ฌานของพระอริยะก็มี
-แต่อันนี้ มรรค พระพุทธองค์ทรงแสดง ๓ ทาง หนทางนำไปสู่สุคติภูมิ (ทาน ศีล ภาวนา) หนทางนำไปสู่ทุคติภูมิ(มิจฉามรรค) และหนทางนำไปสู่พระนิพพาน (สัมมามรรค)
-หนทางนำไปสู่สุคติภูมิ ส่วนใหญ่ก็เป็นการให้ทาน รักษาศีล และก็มีการเจริญภาวนาบ้างตามความขยัน (สัมมาวายามะ หรือ มิจฉาวายามะ) เพราะฉะนั้นวันนี้หนทางของท่านไปสู่หนทางสายไหน สายที่ ๑ เพราะฉนั้น การนำไปสู่สุคติภูมิ ทาน ศีลภาวนา หรือแม้กระทั่งหนทางภาวนาที่เป็นสมถะก็นำไปสู่รูปภูมิ หรือ อรูปภูมิ ส่วนใหญ่มีมรรคปัจจัยหมดไหมครับ มีมรรคเป็นปัจจัย วันนี้ท่านกำลังทำมรรคปัจจัย เพื่อจะนำหนทางไปสู่ กามสุคติภูมิ แต่ไม่แน่นะ หนทางสุดท้ายกลับนำไปสู่อะไร ทุคติภูมิ
-หนทางที่จะนำไป สุคติ ถามว่า มรรคนี้มี ๒ ระดับ เป็นสัมมามรรค กับ มิจฉามรรค ถามว่า นำไปสู่สุคติ มรรคนี้เป็นสัมมามรรค ส่วนนำไปทุคติมรรคนี้เรียก มิจฉามรรค ก็คือ การทำทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจ งั้นเวลาท่านทำ ท่านเรียกเลยว่า วันนี้มีมรรคปัจจัยเกิดแล้ว วันนี้มีมิจฉามรรคเกิดแล้ว วันนี้ตั้งแต่เช้าถึงเย็นท่านมีมิจฉามรรคเกิดหรือยัง
-ถามว่า หนทางนำไปสู่พระนิพพาน หนทางสายนี้ต้องอาศัย สัมมามรรค ใช่หรือเปล่า ในระดับการให้ทานหรือเปล่า ถือศีล แสดงว่าหนทางสายนี้ต้องเป็น หนทางสัมมามรรคที่มีสติปัฏฐานเป็นหนทางสุดโต่ง ๒ สาย หรือเป็นหนทางสายกลางๆ หนทางสายนี้เราเรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา หนทางแห่งสายกลางที่เข้าถึงพระนิพพาน
-ถามว่า เวลาเข้าถึงพระนิพพาน ถามว่า มรรคกุศลเป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานใช่หรือเปล่า ท่านฟังดีๆนะ มรรคกุศลเป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานหรือเปล่า
-เมื่อสักครู่หนึ่ง เราได้เรียนในฌานปัจจัย ทุกคนมีฌานกันหมดใช่หรือเปล่า แต่วัดกันตรงไหน เราก็มีฌาน ฌานลาพีก็มีฌาน พระอริยะก็มีฌาน ต่างกันตรงประหารกิเลส
-ถามว่า มรรคกุศลเข้าถึงพระนิพพานใช่หรือเปล่า บรรดากุศลเป็นเหตุให้เข้าพระนิพพานได้ไหมหรือมรรคกุศลประหารกิเลสเป็นสมุจเฉทแล้วเข้าถึงพระนิพพาน หรือมรรคกุศลมีกำลังประหารกิเลสเป็นสมุจเฉท ตรงประหารกิเลสเป็นสมุจเฉทแล้วเข้าถึงพระนิพพาน อย่างนี้ใช่ไหมใช่
-งั้นวันนี้ท่านมีมรรคปัจจัยหรือเปล่า แต่มรรคของท่านประหารกิเลสเป็นสมุจเฉทได้ไหม ไม่ได้
-งั้นหนทางสายนี้ ท่านยังเป็นหนทางสาย กามสุคติภูมิ
-งั้นท่านอยากได้หนทางพระนิพพานไหม ถ้าอยากได้ท่านต้องทำลายอะไรให้เด็ดขาด
-กิเลส
-พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า การให้ทานเพียงข้าวยาคูเพียงกระบวยเดียว เข้าถึงพระนิพพานได้ไหม ตอบ ได้ ทานนั้นละกิเลสได้ตอนนั้นก็เข้าถึงพระนิพพานได้เลย สาระสำคัญอยู่ตรงละกิเลส
-งั้นบางคนเขามีกำลังมากพอ การให้ทานแล้วละกิเลสได้ตรงไหน ตรงนั้น ก็มีพระนิพพาน
-แต่ทุกวันนี้ ท่านทำ ทาน ศีล ภาวนา เจือด้วยอะไรทั้งหมด เจือด้วยอกุศล ถือศีลก็เป็น ศีลัพพตุ เป็นศีลหรือพรตยินดีพอใจในข้อปฏิบัติของตนว่า ดีกว่าของคนอื่น ล้วนแล้วแต่เป็นการถือศีลด้วย สีลัพพตุปาทาน ศีลก็เลยไม่ค่อยเป็นศีลบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นศีลวิสุทธิ์ใช่หรือเปล่า
-งั้นถามว่ายังมีภพภูมิอยู่ไหม ตอบว่า มี เพราะถือศีลยังไม่สามารถละกิเลสได้ งั้นตราบใดท่านจะทำให้การทำกุศลมีอานิสงส์ เป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานได้ ท่านต้องทำอะไรครับ
-ต้องทำกุศล แล้วทำไม ละอกุศล ตรงนี้แหละครับจะเป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพาน
-กุศล ไม่ใช่เป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานนะ ถ้ากุศลเป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานป่านนี้พวกท่านได้พระนิพพานไปนานแล้วหรือยัง เพราะทุกวันนี้พวกท่านก็สร้างกุศล กุศล ใช่หรือเปล่า แต่เวลากุศลที่ท่านสร้าง ท่านไม่เคยละอกุศลตัวนี้ ท่านมีแต่ตัวกุศลตัวนี้ครับ ตลอดทั้งวัน เดือน ปี แต่อกุศลตัวนี้ท่านไม่ได้ละเลย
-งั้นการที่จะเข้ามาละได้ ต้องมี สัมมัปปทาน ๔ ก็คือ วายามะ คือ ความเพียรชอบ ถึงจะละอกุศลได้
[SR] ด้วยการที่ศึกษาและปฏิบัติจึงเห็นควรนำท่อนนี้ที่อาจารย์อาณัติชัยสอนมาเผยแพร่ครับเพื่อเป็นประโยชน์
อาจารย์ อาณัติชัย เหลืองอมรชัย สอนเรื่อง มรรคปัจจัย และเห็นว่ามีประโยชน์จึงโค้ดคำสอนของอาจารย์มาให้ได้อ่านและพิจารณากันครับว่า
มรรคตัวนี้แปลว่า หนทาง
ธรรมที่ช่วยอุปการะโดยความเป็นหนทางนำไปสู่ สุคติภูมิ นำไปสู่ทุคติภูมิ และ นำไปสู่พระนิพพาน ล้วนแล้วแต่เรียกว่า มรรคปัจจัยหมด
-เหมือนตอน ฌาน เกิด ฌานของท่านก็มี ฌานของฌานลาพีก็มี ฌานของพระอริยะก็มี
-แต่อันนี้ มรรค พระพุทธองค์ทรงแสดง ๓ ทาง หนทางนำไปสู่สุคติภูมิ (ทาน ศีล ภาวนา) หนทางนำไปสู่ทุคติภูมิ(มิจฉามรรค) และหนทางนำไปสู่พระนิพพาน (สัมมามรรค)
-หนทางนำไปสู่สุคติภูมิ ส่วนใหญ่ก็เป็นการให้ทาน รักษาศีล และก็มีการเจริญภาวนาบ้างตามความขยัน (สัมมาวายามะ หรือ มิจฉาวายามะ) เพราะฉะนั้นวันนี้หนทางของท่านไปสู่หนทางสายไหน สายที่ ๑ เพราะฉนั้น การนำไปสู่สุคติภูมิ ทาน ศีลภาวนา หรือแม้กระทั่งหนทางภาวนาที่เป็นสมถะก็นำไปสู่รูปภูมิ หรือ อรูปภูมิ ส่วนใหญ่มีมรรคปัจจัยหมดไหมครับ มีมรรคเป็นปัจจัย วันนี้ท่านกำลังทำมรรคปัจจัย เพื่อจะนำหนทางไปสู่ กามสุคติภูมิ แต่ไม่แน่นะ หนทางสุดท้ายกลับนำไปสู่อะไร ทุคติภูมิ
-หนทางที่จะนำไป สุคติ ถามว่า มรรคนี้มี ๒ ระดับ เป็นสัมมามรรค กับ มิจฉามรรค ถามว่า นำไปสู่สุคติ มรรคนี้เป็นสัมมามรรค ส่วนนำไปทุคติมรรคนี้เรียก มิจฉามรรค ก็คือ การทำทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจ งั้นเวลาท่านทำ ท่านเรียกเลยว่า วันนี้มีมรรคปัจจัยเกิดแล้ว วันนี้มีมิจฉามรรคเกิดแล้ว วันนี้ตั้งแต่เช้าถึงเย็นท่านมีมิจฉามรรคเกิดหรือยัง
-ถามว่า หนทางนำไปสู่พระนิพพาน หนทางสายนี้ต้องอาศัย สัมมามรรค ใช่หรือเปล่า ในระดับการให้ทานหรือเปล่า ถือศีล แสดงว่าหนทางสายนี้ต้องเป็น หนทางสัมมามรรคที่มีสติปัฏฐานเป็นหนทางสุดโต่ง ๒ สาย หรือเป็นหนทางสายกลางๆ หนทางสายนี้เราเรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา หนทางแห่งสายกลางที่เข้าถึงพระนิพพาน
-ถามว่า เวลาเข้าถึงพระนิพพาน ถามว่า มรรคกุศลเป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานใช่หรือเปล่า ท่านฟังดีๆนะ มรรคกุศลเป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานหรือเปล่า
-เมื่อสักครู่หนึ่ง เราได้เรียนในฌานปัจจัย ทุกคนมีฌานกันหมดใช่หรือเปล่า แต่วัดกันตรงไหน เราก็มีฌาน ฌานลาพีก็มีฌาน พระอริยะก็มีฌาน ต่างกันตรงประหารกิเลส
-ถามว่า มรรคกุศลเข้าถึงพระนิพพานใช่หรือเปล่า บรรดากุศลเป็นเหตุให้เข้าพระนิพพานได้ไหมหรือมรรคกุศลประหารกิเลสเป็นสมุจเฉทแล้วเข้าถึงพระนิพพาน หรือมรรคกุศลมีกำลังประหารกิเลสเป็นสมุจเฉท ตรงประหารกิเลสเป็นสมุจเฉทแล้วเข้าถึงพระนิพพาน อย่างนี้ใช่ไหมใช่
-งั้นวันนี้ท่านมีมรรคปัจจัยหรือเปล่า แต่มรรคของท่านประหารกิเลสเป็นสมุจเฉทได้ไหม ไม่ได้
-งั้นหนทางสายนี้ ท่านยังเป็นหนทางสาย กามสุคติภูมิ
-งั้นท่านอยากได้หนทางพระนิพพานไหม ถ้าอยากได้ท่านต้องทำลายอะไรให้เด็ดขาด
-กิเลส
-พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า การให้ทานเพียงข้าวยาคูเพียงกระบวยเดียว เข้าถึงพระนิพพานได้ไหม ตอบ ได้ ทานนั้นละกิเลสได้ตอนนั้นก็เข้าถึงพระนิพพานได้เลย สาระสำคัญอยู่ตรงละกิเลส
-งั้นบางคนเขามีกำลังมากพอ การให้ทานแล้วละกิเลสได้ตรงไหน ตรงนั้น ก็มีพระนิพพาน
-แต่ทุกวันนี้ ท่านทำ ทาน ศีล ภาวนา เจือด้วยอะไรทั้งหมด เจือด้วยอกุศล ถือศีลก็เป็น ศีลัพพตุ เป็นศีลหรือพรตยินดีพอใจในข้อปฏิบัติของตนว่า ดีกว่าของคนอื่น ล้วนแล้วแต่เป็นการถือศีลด้วย สีลัพพตุปาทาน ศีลก็เลยไม่ค่อยเป็นศีลบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นศีลวิสุทธิ์ใช่หรือเปล่า
-งั้นถามว่ายังมีภพภูมิอยู่ไหม ตอบว่า มี เพราะถือศีลยังไม่สามารถละกิเลสได้ งั้นตราบใดท่านจะทำให้การทำกุศลมีอานิสงส์ เป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานได้ ท่านต้องทำอะไรครับ
-ต้องทำกุศล แล้วทำไม ละอกุศล ตรงนี้แหละครับจะเป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพาน
-กุศล ไม่ใช่เป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานนะ ถ้ากุศลเป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานป่านนี้พวกท่านได้พระนิพพานไปนานแล้วหรือยัง เพราะทุกวันนี้พวกท่านก็สร้างกุศล กุศล ใช่หรือเปล่า แต่เวลากุศลที่ท่านสร้าง ท่านไม่เคยละอกุศลตัวนี้ ท่านมีแต่ตัวกุศลตัวนี้ครับ ตลอดทั้งวัน เดือน ปี แต่อกุศลตัวนี้ท่านไม่ได้ละเลย
-งั้นการที่จะเข้ามาละได้ ต้องมี สัมมัปปทาน ๔ ก็คือ วายามะ คือ ความเพียรชอบ ถึงจะละอกุศลได้
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น