บทนำ
ฌาน (Jhāna) คือการเพ่งอารมณ์จนจิตแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ จัดเป็นกระบวนการสำคัญในการทำสมถภาวนา (การทำความสงบของจิต) ตามหลักพระพุทธศาสนา ฌานแบ่งออกเป็นสองหมวดใหญ่คือ รูปฌาน (Rūpa Jhāna) 4 และ อรูปฌาน (Arūpa Jhāna) 4 โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญคือการทำให้นิวรณ์สงบระงับลงได้ และมีการพิจารณาในทางอภิธรรมว่าฌานระดับใดบ้างที่จัดเป็นสัมมาสมาธิ (Right Concentration) ตามมรรคมีองค์ 8
1. ลำดับรูปฌาน 4 กับการละนิวรณ์
นิวรณ์ 5 (ปัญจนิวรณ์) อันได้แก่ กามฉันทะ (ความพอใจในกาม), พยาบาท (ความปองร้าย), ถีนมิทธะ (ความหดหู่และเซื่องซึม), อุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านและรำคาญ), และวิจิกิจฉา (ความสงสัย) เป็นเครื่องกั้นขวางไม่ให้จิตเข้าถึงความสงบหรือความดีงามใด ๆ การเข้าถึงรูปฌานทั้ง 4 มีกระบวนการละนิวรณ์โดยอาศัยองค์ฌาน (Jhāna Factors) ที่เกิดขึ้นมาเป็นคู่ปรับ (ปฏิปักษ์) ในลักษณะของ วิกขัมภนปหาน (การละด้วยการข่มไว้)
ตามหลักอรรถกถา (เช่น วิสุทธิมรรค) การละนิวรณ์ 5 นี้จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่การเข้าถึง ปฐมฌาน (First Jhāna) เพราะองค์ฌาน 5 ที่ประกอบอยู่ในปฐมฌานนั้นมีคุณสมบัติที่สามารถปราบปรามคู่ปรับของตนได้ครบถ้วน โดยมีรายละเอียดดังนี้:
วิตก (Applied Thought) ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับของ ถีนมิทธะ (Sloth and Torpor) เพราะการตรึกตรองในอารมณ์ย่อมทำลายความหดหู่และเซื่องซึมให้สงบลง
วิจาร (Sustained Thought) ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับของ วิจิกิจฉา (Skeptical Doubt) เพราะการพิจารณาอารมณ์อย่างต่อเนื่องย่อมขจัดความสงสัยในอารมณ์นั้น
ปีติ (Rapture) ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับของ พยาบาท (Ill Will) เพราะความอิ่มเอิบใจในฌานย่อมเป็นปฏิปักษ์กับความขุ่นเคืองใจ
สุข (Happiness) ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับของ อุทธัจจกุกกุจจะ (Restlessness and Worry) เพราะความสุขกายสุขใจย่อมทำลายความฟุ้งซ่านรำคาญ
เอกัคคตา (One-pointedness) ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับของ กามฉันทะ (Sensual Desire) เพราะความมีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียวอย่างแน่วแน่ย่อมทำลายความห่วงใยในกาม
เมื่อเข้าถึงปฐมฌานแล้ว นิวรณ์ 5 ย่อมสงบระงับลงโดยเด็ดขาดตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในฌาน ส่วน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน นั้น เป็นการละองค์ฌานที่หยาบออกไปตามลำดับ (ละวิตกวิจารในทุติยฌาน, ละปีติในตติยฌาน) เพื่อทำให้สมาธิประณีตและละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น
2. อรูปฌาน 4 เป็นสัมมาสมาธิหรือไม่ อย่างไร
สัมมาสมาธิ (Right Concentration) คือความตั้งมั่นแห่งจิตที่เป็นกุศลอย่างแน่วแน่ จัดเป็นองค์ธรรมลำดับที่ 8 ในมรรคมีองค์ 8 การพิจารณาว่าอรูปฌาน (วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญายตนะ, เนวสัญญานาสัญญายตนะ) เป็นสัมมาสมาธิหรือไม่นั้น จำแนกได้ตามระดับของจิต:
โลกิยสัมมาสมาธิ (Mundane Right Concentration):
อรูปฌาน 4 จัดเป็นโลกิยสัมมาสมาธิ เมื่อเป็น กุศลจิต คือจิตที่เกิดขึ้นจากการเจริญภาวนาเพื่อความสงบ (สมถะ) โดยมีอารมณ์คืออรูปธรรม (อากาศ, วิญญาณ, ความไม่มีอะไร, และภวังคจิตที่ละเอียด) ฌานเหล่านี้จัดเป็นสัมมาสมาธิเนื่องจากเป็นการทำจิตให้รวมลงเป็นหนึ่ง (เอกัคคตา) ในอารมณ์อันเป็นกุศล เป็นสมาธิที่บริสุทธิ์และมีกำลังมากพอที่จะเป็นบาทฐาน (ฐาน) ให้เกิดวิปัสสนาปัญญา (Insight Wisdom) ได้ แม้ว่าตัวฌานเองจะไม่ใช่สภาวะที่นำไปสู่อริยมรรคผลโดยตรงก็ตาม (อ้างอิงจากอภิธรรมที่จัดประเภทของจิต)
โลกุตตรสัมมาสมาธิ (Supramundane Right Concentration):
โลกุตตรสัมมาสมาธิคือเอกัคคตาเจตสิกที่ประกอบอยู่ใน อริยมรรคจิต (Path Consciousness) ทั้ง 4 (โสดาปัตติมรรค, สกทาคามิมรรค, อนาคามิมรรค, อรหัตตมรรค) เท่านั้น ซึ่งมีอารมณ์คือนิพพาน
ดังนั้น โดยความหมายที่เคร่งครัดตามองค์ประกอบของมรรค 8 อรูปฌาน 4 ในฐานะที่เป็นโลกิยธรรม (Mundane) จึงไม่ใช่โลกุตตรสัมมาสมาธิ แต่เป็น บาทฐานที่สูงที่สุดของสัมมาสมาธิ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเจริญวิปัสสนา (การเห็นไตรลักษณ์) เพื่อให้เกิดโลกุตตรสัมมาสมาธิในที่สุด
กล่าวโดยสรุป อรูปฌาน 4 เป็นสมาธิระดับสูงที่เรียกว่า "โลกิยสัมมาสมาธิ" และเป็นสมาธิที่มีกำลังเป็น "มรรคสมาธิ" (Path Samādhi) ได้ คือสามารถถูกรวมเข้าเป็นองค์ธรรมของอริยมรรคได้เมื่อเกิดวิปัสสนาญาณและมรรคจิตขึ้น โดยเป็นการใช้สมาธิของฌานนั้น ๆ เป็นเครื่องสนับสนุนความตั้งมั่นของอริยมรรค
#ฌาน #รูปฌาน #อรูปฌาน #สัมมาสมาธิ #นิวรณ์5 #วิสุทธิมรรค #อภิธรรม #พุทธศาสนา
การละนิวรณ์ด้วยรูปฌานและการพิจารณาสัมมาสมาธิของอรูปฌาน (เอไอ รวบรวมและเรียบเรียง)
ฌาน (Jhāna) คือการเพ่งอารมณ์จนจิตแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ จัดเป็นกระบวนการสำคัญในการทำสมถภาวนา (การทำความสงบของจิต) ตามหลักพระพุทธศาสนา ฌานแบ่งออกเป็นสองหมวดใหญ่คือ รูปฌาน (Rūpa Jhāna) 4 และ อรูปฌาน (Arūpa Jhāna) 4 โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญคือการทำให้นิวรณ์สงบระงับลงได้ และมีการพิจารณาในทางอภิธรรมว่าฌานระดับใดบ้างที่จัดเป็นสัมมาสมาธิ (Right Concentration) ตามมรรคมีองค์ 8
1. ลำดับรูปฌาน 4 กับการละนิวรณ์
นิวรณ์ 5 (ปัญจนิวรณ์) อันได้แก่ กามฉันทะ (ความพอใจในกาม), พยาบาท (ความปองร้าย), ถีนมิทธะ (ความหดหู่และเซื่องซึม), อุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านและรำคาญ), และวิจิกิจฉา (ความสงสัย) เป็นเครื่องกั้นขวางไม่ให้จิตเข้าถึงความสงบหรือความดีงามใด ๆ การเข้าถึงรูปฌานทั้ง 4 มีกระบวนการละนิวรณ์โดยอาศัยองค์ฌาน (Jhāna Factors) ที่เกิดขึ้นมาเป็นคู่ปรับ (ปฏิปักษ์) ในลักษณะของ วิกขัมภนปหาน (การละด้วยการข่มไว้)
ตามหลักอรรถกถา (เช่น วิสุทธิมรรค) การละนิวรณ์ 5 นี้จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่การเข้าถึง ปฐมฌาน (First Jhāna) เพราะองค์ฌาน 5 ที่ประกอบอยู่ในปฐมฌานนั้นมีคุณสมบัติที่สามารถปราบปรามคู่ปรับของตนได้ครบถ้วน โดยมีรายละเอียดดังนี้:
วิตก (Applied Thought) ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับของ ถีนมิทธะ (Sloth and Torpor) เพราะการตรึกตรองในอารมณ์ย่อมทำลายความหดหู่และเซื่องซึมให้สงบลง
วิจาร (Sustained Thought) ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับของ วิจิกิจฉา (Skeptical Doubt) เพราะการพิจารณาอารมณ์อย่างต่อเนื่องย่อมขจัดความสงสัยในอารมณ์นั้น
ปีติ (Rapture) ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับของ พยาบาท (Ill Will) เพราะความอิ่มเอิบใจในฌานย่อมเป็นปฏิปักษ์กับความขุ่นเคืองใจ
สุข (Happiness) ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับของ อุทธัจจกุกกุจจะ (Restlessness and Worry) เพราะความสุขกายสุขใจย่อมทำลายความฟุ้งซ่านรำคาญ
เอกัคคตา (One-pointedness) ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับของ กามฉันทะ (Sensual Desire) เพราะความมีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียวอย่างแน่วแน่ย่อมทำลายความห่วงใยในกาม
เมื่อเข้าถึงปฐมฌานแล้ว นิวรณ์ 5 ย่อมสงบระงับลงโดยเด็ดขาดตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในฌาน ส่วน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน นั้น เป็นการละองค์ฌานที่หยาบออกไปตามลำดับ (ละวิตกวิจารในทุติยฌาน, ละปีติในตติยฌาน) เพื่อทำให้สมาธิประณีตและละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น
2. อรูปฌาน 4 เป็นสัมมาสมาธิหรือไม่ อย่างไร
สัมมาสมาธิ (Right Concentration) คือความตั้งมั่นแห่งจิตที่เป็นกุศลอย่างแน่วแน่ จัดเป็นองค์ธรรมลำดับที่ 8 ในมรรคมีองค์ 8 การพิจารณาว่าอรูปฌาน (วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญายตนะ, เนวสัญญานาสัญญายตนะ) เป็นสัมมาสมาธิหรือไม่นั้น จำแนกได้ตามระดับของจิต:
โลกิยสัมมาสมาธิ (Mundane Right Concentration):
อรูปฌาน 4 จัดเป็นโลกิยสัมมาสมาธิ เมื่อเป็น กุศลจิต คือจิตที่เกิดขึ้นจากการเจริญภาวนาเพื่อความสงบ (สมถะ) โดยมีอารมณ์คืออรูปธรรม (อากาศ, วิญญาณ, ความไม่มีอะไร, และภวังคจิตที่ละเอียด) ฌานเหล่านี้จัดเป็นสัมมาสมาธิเนื่องจากเป็นการทำจิตให้รวมลงเป็นหนึ่ง (เอกัคคตา) ในอารมณ์อันเป็นกุศล เป็นสมาธิที่บริสุทธิ์และมีกำลังมากพอที่จะเป็นบาทฐาน (ฐาน) ให้เกิดวิปัสสนาปัญญา (Insight Wisdom) ได้ แม้ว่าตัวฌานเองจะไม่ใช่สภาวะที่นำไปสู่อริยมรรคผลโดยตรงก็ตาม (อ้างอิงจากอภิธรรมที่จัดประเภทของจิต)
โลกุตตรสัมมาสมาธิ (Supramundane Right Concentration):
โลกุตตรสัมมาสมาธิคือเอกัคคตาเจตสิกที่ประกอบอยู่ใน อริยมรรคจิต (Path Consciousness) ทั้ง 4 (โสดาปัตติมรรค, สกทาคามิมรรค, อนาคามิมรรค, อรหัตตมรรค) เท่านั้น ซึ่งมีอารมณ์คือนิพพาน
ดังนั้น โดยความหมายที่เคร่งครัดตามองค์ประกอบของมรรค 8 อรูปฌาน 4 ในฐานะที่เป็นโลกิยธรรม (Mundane) จึงไม่ใช่โลกุตตรสัมมาสมาธิ แต่เป็น บาทฐานที่สูงที่สุดของสัมมาสมาธิ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเจริญวิปัสสนา (การเห็นไตรลักษณ์) เพื่อให้เกิดโลกุตตรสัมมาสมาธิในที่สุด
กล่าวโดยสรุป อรูปฌาน 4 เป็นสมาธิระดับสูงที่เรียกว่า "โลกิยสัมมาสมาธิ" และเป็นสมาธิที่มีกำลังเป็น "มรรคสมาธิ" (Path Samādhi) ได้ คือสามารถถูกรวมเข้าเป็นองค์ธรรมของอริยมรรคได้เมื่อเกิดวิปัสสนาญาณและมรรคจิตขึ้น โดยเป็นการใช้สมาธิของฌานนั้น ๆ เป็นเครื่องสนับสนุนความตั้งมั่นของอริยมรรค
#ฌาน #รูปฌาน #อรูปฌาน #สัมมาสมาธิ #นิวรณ์5 #วิสุทธิมรรค #อภิธรรม #พุทธศาสนา