ม้าลากเรือ

1.

เรือรุ่นเก่าของอังกฤษที่ลากด้วยม้า ใน Cromford Canal ใกล้กับ Matlock ใน UK
Credit : David Muscroft / Shutterstock.com


.
ก่อนที่จะมีเครื่องจักรกลดีเซล/เบนซีนและไฟฟ้า
ใช้ในการขับเคลื่อนเรือทั่วไปกับเรือบรรทุกสินค้า
คนยุคก่อนต้องใช้พายในการพายเรือหรือการดึงเรือให้เคลื่อนที่
หลายประเทศในยุโรป เช่น เนเธอแลนด์ อังกฤษ
และบางพื้นที่ของฝรั่งเศส เยอรมันนี และเบลเยี่ยม
ม้าลากเรือเป็นเรื่องธรรมดามาก
มีการใช้งานม้า ลา ล่อ ในการเดินไปตามตลิ่งของลำคลอง
โดยลากเรือบรรทุกผู้โดยสารหรือบรรทุกสินค้า
เพราะเรือเคลื่อนที่อยู่ในน้ำ จะมีแรงเสียดทาน/แรงต้านน้อยมาก
ทำให้สามารถลากน้ำหนักได้มากกว่าถึง 50 เท่า
ของน้ำหนักบรรทุกปกติที่ลากบนเส้นทางบก


เป็นเวลาหลายปีก่อนหน้านี้แล้ว
ที่เรือมักจะลากด้วยผู้ชาย
เพราะตามตลิ่งมักจะเป็นที่ดินส่วนตัว
ยังไม่มีการสร้างทางให้สัตว์พาหนะเดิน
ทำให้พวกผู้ชายมักจะเดินลุยตามตลิ่ง
เหยียบย่ำจนเกิดเป็นเส้นทางเดินลากเรือ


จนกระทั่งในศตวรรษที่ 18
อังกฤษจึงเริ่มสร้างเส้นทางบนตลิ่งตามแม่น้ำลำคลอง
ทำให้มีการใช้สัตว์พาหนะทำงานแทนคน เช่น ม้า ลา ล่อ
แต่ส่วนมากนิยมจะใช้ม้าลากเรือมากกว่า
ม้าจะลากเรือสินค้า ไปรษณีย์ภัณฑ์ และผู้โดยสาร
ยิ่งในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมที่มีการขนส่งข้าวของจำนวนมาก
ม้าจะทำหน้าที่นี้อย่างหนักมากภายในประเทศและพื้นที่ต่าง ๆ


ในช่วงปีค.ศ.1770 ถึงปีค.ศ.1830
เป็นยุคที่อังกฤษบูมมากในการสร้างคลอง
หรือเรียกกันว่ายุคทองของคลองอังกฤษ
Golden Age of British canals
ในยุคนั้นมีการสร้างคลองจำนวนมากมาย
แม้ว่าคลองหลายเส้นจะใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย
ทำให้มีคลองรวมกันยาวเกือบ 4,000 ไมล์
มีการตั้งบริษัทขุดคูคลองจำนวนมาก
และต่างแข่งขันกันในการทำธุรกิจนี้

เพราะต่างเก็งกำไรหวังรายได้จากธูรกิจนี้


คลองที่ขุดขึ้นในศตวรรษที่ 18
ค่อนข้างแคบมากและใช้ได้กับเรือลำที่ไม่กว้างมาก
บางแห่งมีความกว้างคลองน้อยกว่า 2 เมตรในการเดินเรือ
.
2.

จุดเปลี่ยนเส้นทางบนสะพานสายคลอง Macclesfield  
Credit : Mike Serigrapher / Flickr



.
การมีม้าลากเรือจำนวนมาก
ทำให้ต้องหาทางแก้ไขสายลากเรือที่อาจจะพันกัน
ในช่วงย้ายสลับข้างจากตลิ่งคลองด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง
(ขาล่องเรือลง หรือขาล่องเรือขึ้น)
มีการสร้างวงเวียนเพื่อให้ม้ากลับตัวได้
หรือสร้างตารางหมากรุกในเส้นทางตัดผ่านกัน
สร้างทางเดินภายในเป็นอุโมงค์ใต้สะพานสายต่าง ๆ

สร้างทางลาดให้สอดคล้องกับเส้นทางเดินบนตลิ่ง
เวลาม้าลากเรือขึ้น/ลงบนทางลาดเพื่อข้ามสะพาน
เพื่อลากเรือไปตามเส้นทางเป้าหมายต่อไป


สะพานหลายแห่งจะมีทางเดินลอดผ่านใต้สะพาน 
แต่ถ้าไม่มีอุโมงค์ใต้สะพานหรือไม่มีทางลอดผ่าน
ม้าจะถูกปลดเชือกที่เชื่อมโยงกับเรือสินค้าออกก่อน
แล้วลากจูงม้าให้เดินไปข้างหน้า หรือสับเปลี่ยนกับม้าอีกชุดหนึ่ง


ส่วนคนเรือจะถูกบังคับให้ใช้ ขา ดันเรือสินค้าผ่านอุโมงค์
ด้วยการนอนราบหรือนอนหงายบนเรือ
แล้วใช้ขายัน/ดันบนผนังอุโมงค์หรือด้านข้างสะพาน
ทั้งนี้เพื่อผลักดันเรือให้เดินไปทางข้างหน้า
การใช้ขายัน/ดันให้เรือเดินหน้า
เป็นเรื่องที่อันตรายและยากลำบากมาก

เจ้าของเรือสินค้าส่วนใหญ่จึงมักจะจ้างคนงาน
คนงานมืออาชีพที่ชำนาญการเรื่องนี้ทำงานแทน
ยิ่งอุโมงค์ยิ่งยาวไกลยิ่งต้องจ้างมืออาชีพทำงานแทน
.
3.

สะพานที่มีทางลอดไว้เดินภายใน  Credit : Ronald Saunders / Flickr



.
ในประเทศเนเธอร์แลนด์การคมนาคมบนคลอง
มีนัยสำคัญมากกับเรือลากจูงสินค้าต่าง ๆ
มีการดำเนินการมานานกว่าศตวรรษก่อนหน้าอังกฤษ
คนในท้องถิ่นพวกเขาเรียกว่า Trekschuit

Trekschuit สายแรกเริ่มต้นในปีค.ศ.1632 
ระหว่าง Amsterdam กับ Haarlem 
สามารถบรรทุกคนโดยสารได้ 30 คน
คลองถูกขุดเป็นเส้นตรงเพื่อให้ระยะทางสั้นที่สุด
แต่ผู้โดยสารต้องเปลี่ยนเรือโดยสารกลางทาง
การหยุดพักกลางทางเพื่อรอเปลี่ยนเรือ
กลายเป็นชื่อเรียกว่า Halfweg หรือ halfway หรือ ครึ่งทาง
Trekschuit ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ในอีกสองทศวรรษต่อมา
ก็มีคลองระหว่าง Haarlem กับ Leiden 
เพิ่มอีกเส้นทาง
.



.
หมายเหตุประเทศไทย

.
ที่สงขลา มี จุดพักครึ่งทาง ราว ๆ  6 กิโลเมตร
จากระยะทางรวม 12 กิโลเมตร
ใช้มาตรวัดยุคโบราณด้วยการเดินเท้าพอเหนื่อยพอดี
เส้นทางระหว่างตำบลปาดังเบซาร์กับที่ว่าการอำเภอสะเดา
ชาวบ้านเรียกชื่อกันว่า โปโลเตี่ยม(ปั้วโหล่วเตี้ยม) อยู่ที่บ้านทับโกบ อำเภอสะเดา
ปั้ว=ครึ่ง โหล่ว=ทาง เตี้ยม=ที่พัก/โรงเตี้ยม

สมัยก่อนในอดีตเป็นจุดกึ่งกลาง
เพื่อรอสายข่าวตรวจสอบสภาพ
ประเมินสถานการณ์ภายในภายนอก
แบบรู้เขารู้เราก่อนจะทำการเคลื่อนไหว
หลัก ๆ จะต้องรู้จุดที่ตั้ง/ซุ่มจับ/เวลาพัก
ของบรรดานายด่านศุลกากร/ตำรวจ

ก่อนที่จะขนสินค้าชายแดน(หนีภาษี) ประเภทหลัก ๆ
ของไทยก็พวกข้าวสาร น้ำตาล เกลือ แร่ดีบุก
ผ่านทางอำเภอสะเดาเข้าปาดังเบซาร์
ของมาเลย์ก็พวกเหล้า บุหรี่ เครื่องใช้ไฟฟ้า แอปเปิล ของกินต่างด้าว
จากปาดังเบซาร์ผ่านสะเดาเข้าหาดใหญ่

โดยคาราวานกองทัพมดที่เป็นชาวบ้านรายย่อย
ต่างคนต่างมาทำงานกันเป็นจำนวนมากเหมือนฝูงมด
ในการแบกขนลำเลียงสินค้าชายแดน
ทั้งเดินเท้า จักรยาน จักรยานยนต์ รถยนต์
ทำให้การซุ่มจับของเจ้าหน้าที่
มักจะจับได้เพียงไม่กี่ราย
ที่เหลือเล็ดรอดไปได้มากกว่ามาก
.



.
เมื่อถึงช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 18
เครือข่ายการให้บริการเรือ Trekschuit
และเรือข้ามฟาก
ได้เชื่อมโยงเมืองสำคัญทั้งหมด
ตามชายฝั่งทะเลของประเทศเนเธอร์แลนด์ 

การเดินทางโดย Trekschuit มีความน่าเชื่อถือ สะดวกสบายและราคาถูก
และความเร็วประมาณ 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งเร็วกว่าการเดินเท้า
และสะดวกสบายกว่าการนั่งโดยรถโค้ชที่ใช้ม้าลากรถ

ระบบนี้กลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย
และมีการขุดคลองแบบเดียวกันที่ Ohio กับ Erie Canal ในสหรัฐฯในยุค 1820

แต่การถือกำเนิดของรถไฟ
ม้าลากเรือกลายเป็นธุรกิจที่ล้าสมัย
แต่ยังมีอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในสหราชอาณาจักร
เช่นที่ Foxton, Godalming, Tiverton, Ashton-under-Lyne, Newbury และ Llangollen


เรียบเรียง/ที่มา

.
https://bit.ly/2QhJ1Z5
https://bit.ly/2qnowyO
.


4.

เรือลากจูงที่เดินทางบน Grand Western Canal ใน Devon ประเทศอังกฤษ
Credit : dcurzon / Shutterstock.com

5.

เส้นทางเดินตัดผ่านหินข้างแม่น้ำ Lot
ในทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส
Credit: Sylvain Crouzillat / Wikimedia

6.

ม้าลากเรือปากแคบบนคลอง Kennet และ Avon ที่ Kintbury ใน Wiltshire  
Credit: Anguskirk / Flickr

7.

ชายและหญิงลากเรือบรรทุกสินค้า
ผ่านคลองในเนเธอร์แลนด์ 1931

8.

ผู้หญิงกำลังลากเรือในคลอง Netherlands
(ไม่ระบุวันเดือนปี)

9.

ม้าลากเรือที่ Finowkanal
ใน Germany ช่วงปี 1880

10.

ม้าสองตัวลากเรือ
ที่ Ohio-Erie Canal, 1902


.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Chinese Laborers pull boats upstream from a river which runs between high mountai...HD Stock Footage



.
เรื่องเดิม

.
ชาวประมงบนอานม้าจับกุ้งทะเลรุ่นสุดท้าย

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่